ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 605 บาดเจ็บ
บทที่ 605 บาดเจ็บ
บทที่ 605 บาดเจ็บ
“อาซือไม่ต้องร้องนะ ข้าไม่เป็นไร”
ครั้นเห็นหยาดน้ำตาจากนางผู้เป็นที่รัก เจี่ยงเถิงก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าฆ่าตัวเองเสียอีก
“ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจยิ่งนัก ใต้เท้าเจี่ยง หนี้แค้นระหว่างเราถึงเวลาที่ต้องชำระแล้วสินะ?”
ครั้นคนผู้นั้นเห็นการเคลื่อนไหวของเจี่ยงเถิงและหลินซือ ก็อดพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่แฝงไปด้วยการเยาะเย้ยไม่ได้
“ข้าไม่รู้จักเจ้า เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เจี่ยงเถิงมองชายตรงหน้า ด้วยความรู้สึกคุ้นตา แต่ในห้วงความทรงจำของเขา ไม่เคยมีภาพของชายผู้นี้ปรากฏแต่อย่างใด
“ไม่รู้จักข้าก็ไม่เป็นไร เจ้ารู้จักนายอำเภอเมืองเว่ยหรือไม่? นั่นคือบิดาของข้า”
ชายผู้นั้นดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาควงเล่นในมือ พลางพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
“นายอำเภอเมืองเว่ยเป็นบิดาของเจ้างั้นรึ? ข้าเคยเห็นลำดับศักดิ์ในตระกูลของเจ้าแล้ว ภรรยาและลูก ๆ ของเขาถูกเนรเทศออกไป ซึ่งในกลุ่มนั้นไม่มีเจ้า”
แม้ว่าเจี่ยงเถิงจะตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นความทรงจำของตัวเอง
แม้ว่าชายตรงหน้าจะไม่ได้น่าตกใจถึงเพียงนั้น แต่กลิ่นอายรอบตัวของเขายังทำให้รู้สึกคุ้นเคยไม่น้อย ถึงกระนั้นในลำดับศักดิ์ของตระกูลนายอำเภอเมืองเว่ยผู้นั้นก็ไม่เคยมีการปรากฏตัวของชายผู้นี้ มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่ชะล่าใจ ยอมให้นายอำเภอมืองเว่ยตายไปเช่นนี้แน่นอน
“ลำดับศักดิ์ในตระกูลบอกไว้ทั้งหมดเลยหรือ? ดูท่าใต้เท้าเจี่ยงจะไร้เดียงสาเกินไปแล้วกระมัง”
ครั้นคนผู้นั้นได้ยินคำว่าลำดับศักดิ์ของตระกูล สีหน้าที่โหดเหี้ยมได้ถูกซ่อนกลับไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่า เขารู้เรื่องราวทุกอย่างของนายอำเภอเมืองเว่ย และอาจจะเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นได้ แต่คนแบบนี้จะสามารถควบคุมนายอำเภอเมืองเว่ยได้อย่างนั้นหรือ?
เจี่ยงเถิงถามตัวเองในใจ ดูเหมือนว่าระดับการรู้จักนายอำเภอเมืองเว่ยชักจะลึกซึ้งไปอีกขั้นแล้ว
“ต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะปล่อยตัวอาซือ?”
ในเวลานี้ ในใจของเจี่ยงเถิงล้วนเต็มไปด้วยเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินซือ
หยาดน้ำตาของหลินซือหลั่งรินออกมาอย่างต่อเนื่อง นางอยากส่ายหน้าให้เจี่ยงเถิงจากไป แต่เจี่ยงเถิงไม่ยอมมองนางแม้แต่น้อย
“ช่างไม่บังเอิญเอาเสียเลย ข้าเคยเห็นสิ่งที่เจ้าทำกับบิดาของข้ากับตาตัวเอง ถ้าใต้เท้าเจี่ยงเฉือนร่างกายของตัวเองได้ถึงสี่สิบเก้าจุด ไม่เพียงแต่คุณหนูหลิน ใต้เท้าเจี่ยงก็จะรอดกลับไปจากที่นี่เช่นกัน”
คำพูดของชายชุดดำนั้นฟังดูง่าย แต่การปฏิบัติไฉนเลยจะง่ายเพียงนั้น
ขั้นตอนการไต่สวนของเจี่ยงเถิงนั้นดูชาญฉลาดมาก แม้จะได้เห็นท่าทีของผู้อื่นแต่ก็ยากจะเลียนแบบได้ ดังนั้นคนผู้นั้นจึงไม่ยอมให้เจี่ยงเถิงทำตามวิธีการเดิม แต่กลับเสนอความต้องการของตัวเอง
ใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้มักจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นรักใคร่ผู้อื่นอย่างลึกซึ้งมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? เขาจึงอยากเห็นว่าใต้เท้าเจี่ยงจะกล้าทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อคุณหนูหลินได้หรือไม่
“เจ้าพูดจริงใช่หรือไม่?”
ครั้นเจี่ยงเถิงได้ยินคำพูดของคนผู้นั้น กลับรู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่อาซือไม่เป็นอะไรก็ดี
“พี่อาเถิง อย่า!”
คนอื่นไม่เข้าใจพี่อาเถิง แต่หลินซือเข้าใจดี ถ้าทำตามที่คนผู้นั้นพูดจริง ชีวิตของพี่อาเถิงจะต้องจบสิ้นเป็นแน่
หลินซือไม่เคยอยากให้พี่อาเถิงต้องทิ้งชีวิตเพื่อตัวเอง นางอยากให้พี่อาเถิงมีชีวิตที่ดี!
“อาซืออย่ากลัว หลับตาได้หรือไม่? ข้ากลัวเจ้าจะตกใจ”
เจี่ยงเถิงใช้น้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดปลอบใจหลินซือ ตอนนี้เขาไม่สามารถเดินเข้าไปปิดตาของหลินซือได้ ทำได้แค่ขอร้องอย่างอ่อนโยน
“จริงแท้แน่นอน ถ้าคิดดีแล้วก็ลงมือเสีย ข้าไม่ว่างรอเจ้านานเพียงนั้น”
กล่าวจบ ชายผู้นั้นก็ทิ้งมีดในมือลงบนพื้น
พวกเขามีจำนวนมากกว่า มีหลินซืออยู่ในกำมือ และไม่กลัวเจี่ยงเถิงจะเสียใจภายหลัง
“คุณหนูหลินต้องได้เห็น ว่าชายตรงหน้าของเจ้าเฉือนร่างกายของตัวเองอย่างไร”
“อย่า…”
หลินซือส่ายหน้าไม่หยุด นางเกลียดชังตัวเองที่กลายเป็นจุดอ่อนของพี่อาเถิง
“จงจำคำสัญญาของเจ้าไว้ให้ดี” เจี่ยงเถิงเก็บมีดบนพื้นขึ้นมา จากนั้นก็ทำการเฉือนแขนของตัวเองอย่างไม่ลังเล แล้วเลื่อนขึ้นมาเฉือนหน้าท้องของตัวเอง
“คุณชายเจี่ยงอย่ายั้งมือสิขอรับ มิเช่นนั้นถึงตอนนั้นข้าไม่ยอมปล่อยนางไป อย่ามาโทษข้าก็แล้วกัน”
“เจ้าวางใจได้ ไม่มีทางยั้งมือ”
ครั้นเห็นท่าทางของเจี่ยงเถิง อย่าว่าแต่หลินซือเลย แม้แต่ชายที่ยืนอยู่ข้างกายก็ยังทนดูไม่ได้
พวกเขาไม่เคยเห็นชายผู้ใดทำร้ายตัวเองเช่นนี้มาก่อน เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวถึงกับยอมลงมือทำร้ายตัวเอง
เฉือนด้วยมีดสี่สิบเก้าครั้ง ไม่เยอะไป และไม่น้อยไป
หลังจากเฉือนครบแล้ว นอกจากใบหน้าของเจี่ยงเถิงแล้ว บนร่างกายก็ไม่มีส่วนไหนไม่มีบาดแผลเลย
เสื้อผ้าทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดสด แต่เจี่ยงเถิงไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะ ยังคงจับจ้องคนตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เขารักษาคำสัญญา
“ใต้เท้าเจี่ยงช่างเป็นสภาพบุรุษโดยแท้จริง ทำให้ข้าต้องยอมรับ ข้าบอกว่าจะปล่อยพวกเจ้า แต่ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเมื่อไร เด็ก ๆ พาพวกเขาไปขังไว้ในโรงเก็บฟืน อย่าให้เขาตายก็พอ”
คนที่อยู่เบื้องล่างต่างตอบรับ เจี่ยงเถิงจึงถูกดึงตัวขึ้นมา
เวลานี้ ถ้าจะให้หลินซือจากไปเกรงว่าหลินซือก็คงไม่ยอมเป็นแน่
ครั้นเห็นเจี่ยงเถิงถูกลากตัวออกไป หลินซือจึงรีบเดินตามเจี่ยงเถิงออกไปโดยไม่ต้องให้ใครมาคุมตัว
หลังจากโยนเจี่ยงเถิงลงบนพื้นในโรงเก็บฟืนแล้ว หลินซือก็ได้แต่มองอย่างปวดใจ แต่กลับไม่กล้าแตะต้องตัวเขาตามใจชอบ
ในอดีตนางมักได้ยินว่าพี่อาเถิงต้องออกไปเสี่ยงอันตรายทุกครั้ง แต่หลินซือก็ไม่เคยคิดมาก่อน จนกระทั่งตอนนี้ ไฉนถึงเรียกว่าอันตราย นี่มันเอาชีวิตเป็นเดิมพันชัด ๆ
ในอดีตนางมักจะโกรธเขาเพราะเรื่องนี้เสมอ แต่พี่อาเถิงไม่เคยโทษนางเลย หลินซือจึงยิ่งรู้สึกละอายแก่ใจ ยิ่งได้รู้ว่าพี่อาเถิงต้องเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ นางยิ่งต้องดีกับเขา
“อาซืออย่ากลัวเลย พี่อาเถิงไม่เป็นไร” เจี่ยงเถิงได้ยินเสียงเลือนราง ครั้นลืมตาขึ้นมาเห็นหยาดน้ำตาของหลินซือ ก็คิดจะเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาให้นนาง แต่กลับพบว่าตัวเองนั้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“พี่อาเถิง เหตุใดท่านถึงได้โง่เขลาเช่นนี้?”
พี่อาเถิงที่มักจะหยอกล้อนางอยู่เสมอตอนนี้กลับต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ หลินซือลูบใบหน้าของพี่อาเถิง พบว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ทั้งใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไร้เลือดฝาด
“ขอแค่อาซือไม่เป็นอะไร ข้าก็จะไม่เป็นอะไร”
ทั้งสองคนไม่ทันได้พูดมากความนัก ชายผู้นำเมื่อครู่คนนั้นได้เดินเข้ามา ดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เจี่ยงเถิง ราวกับไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด