ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 606 เป้าหมายของชายหนุ่ม
บทที่ 606 เป้าหมายของชายหนุ่ม
บทที่ 606 เป้าหมายของชายหนุ่ม
“ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกินใจยิ่งนัก น่าเสียดาย สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดคือความรู้สึกแบบนี้!”
ดูเหมือนชายผู้นั้นจะเอือมระอากับความรู้สึกของผู้คนในใต้หล้านี้อย่างมาก เขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเจี่ยงเถิงและหลินซือนัก
“เจ้าบอกว่าจะปล่อยเราไป ตอนนี้เจ้าดันกลับคำพูด นี่หรือคำมั่นสัญญา?”
เจี่ยงเถิงมองหน้าผู้มาเยือน แม้ว่าจะเสียเลือดมาก แต่ก็ยังใช้เรี่ยวแรงที่ตัวเองพอมีปกป้องอยู่เบื้องหน้าของหลินซือ
“คำมั่นสัญญางั้นรึ? สำหรับข้า สัญญามันก็แค่ลมปาก ข้าขอบอกเจ้าไว้ตรงนี้ นายอำเภอเมืองเว่ยอะไรนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ข้าอยากให้เจ้าตายทั้งเป็น เจ้าชมชอบแม่นางหลินไม่ใช่รึ? เช่นนั้นถ้าแม่นางหลินเกิดเรื่องเพราะเจ้าล่ะ เจ้าจะเสียใจไปตลอดชีวิตหรือไม่?”
ชายผู้นั้นปรายตามองไปทางหลินซือ ด้วยสายตามาดร้ายทำให้เจี่ยงเถิงต้องระแวดระวังตัวด้วยจิตใต้สำนึก
เขาเคยเห็นสายตาแบบนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว จึงเข้าใจดีว่าสายตาแบบนี้หมายความว่าอย่างไร
“เจ้ากล้า! ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนาง ข้าจะฟันเจ้าให้ตายทั้งเป็น!”
สายตาของเจี่ยงเถิงแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง เขาทนเห็นใครมาจ้องมองอาซือไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่สามารถต่อต้านผู้อื่นได้ แต่เขาจะปกป้องอาซือด้วยพลังที่ตัวเองมีให้ถึงที่สุด
“เหอะ ๆ เจ้าเนี่ยนะ? ใต้เท้าเจี่ยง ตอนนี้เจ้ายังปกป้องตัวเองไม่ได้เลย มาพูดแบบนี้จะมีความหมายอย่างไร?” กล่าวจบ ชายผู้นั้นก็เตรียมจะเข้ามาลากตัวหลินซือไป
หลินซือซ่อนตัวอยู่ข้างกายของเจี่ยงเถิง แต่ไฉนเลยจะต้านทานเรี่ยวแรงของชายผู้นั้นได้ สุดท้ายก็ถูกชายผู้นั้นจับตัวไป
ในขณะเดียวกันเจี่ยงเถิงได้ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปดึงแขนของหลินซือไว้ ใช้เรี่ยวแรงที่ดูเหมือนจะใกล้จะหมดลงรั้งตัวหลินซือไม่ให้ชายผู้นั้นพานางไป
“แค่สภาพเจ้าตอนนี้ ยังกล้าคิดสู้กับข้าอีกหรือ?”
ชายผู้นั้นกล่าวจบ ก็ยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนหน้าท้องของเจี่ยงเถิง เลือดที่เพิ่งหยุดไหล่ได้ทะลักออกมาอีกครั้ง ทำให้หลินซือยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บปวด
พี่อาเถิงของนางไม่ควรต้องเจออะไรเช่นนี้ เขาควรภูมิใจในตัวเอง สวรรค์ ทำไมถึงทำกับเขาเช่นนี้?
นางจึงถือโอกาสตอนที่ชายผู้นั้นไม่ทันสังเกตเห็น รีบอ้าปากกัดแขนชายผู้นั้นอย่างแรง ชายผู้นั้นเจ็บปวดจนต้องปล่อยหลินซือ และโยนนางลงบนพื้น
“อ๊า เจ็บ!”
เมื่อรู้สึกถึงร่างกายท่อนล่างของตัวเองไร้ความรู้สึก หลินซือจึงได้ร้องเสียงหลงออกมา
“นังผู้หญิงสารเลว เจ้ากล้ากัดข้า!”
จากนั้นก็วาดมือหวดลงบนหน้าของหลินซืออย่างเต็มแรง ทำให้ใบหน้าของหลินซือบวมแดงอย่างฉับพลัน เมื่อเจี่ยงเถิงเห็นเช่นนั้น ก็ยิ่งอยากฆ่าคนตรงหน้าเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เมื่อเห็นหญิงผู้เป็นที่รักถูกผู้อื่นตบต่อหน้าต่อตา ไฉนเลยเขาจะทนได้
ในตอนที่ชายผู้นั้นเตรียมจะเตะหลินซือนั้น เจี่ยงเถิงได้ดึงตัวหลินซือเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง ทำให้เท้าของชายผู้นั้นเตะโดนร่างกายของตัวเองอย่างจัง
ร่างกายที่เดิมทีเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ครานี้โดนกระทืบเข้าบาดแผลทั่วทั้งร่างกายโดยตรง ทำให้เจี่ยงเถิงเจ็บปวดรวดร้าวจนเกินบรรยาย แต่ครั้นนึกถึงหลินซือ ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังมหาศาล ไม่ว่าอย่างไรหลินซือจะบาดเจ็บไม่ได้
บางทีอาจเพราะเตะจนพอใจแล้ว ชายผู้นั้นจึงไม่สนใจหลินซืออีก แค่หันไปพ่นน้ำลายใส่ทั้งสองคนแล้วหมุนตัวเดินจากไป เจี่ยงเถิงจึงได้ปล่อยตัวหลินซือ
เมื่อหลินซือถูกปล่อยตัวออกจากอ้อมกอด สิ่งแรกที่ทำคือตรวจสอบบาดแผลของเจี่ยงเถิง
นางเห็นเจี่ยงเถิงถูกชายผู้นั้นเตะเมื่อครู่ นางจึงมั่นใจว่าบาดแผลตามร่างกายของเขาจะต้องสาหัสมากขึ้น
ทั่วทั้งร่างกายแทบจะไม่มีเสื้อผ้าส่วนไหนที่สะอาดเลย หลินซือรีบเช็ดหยาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เจี่ยงเถิงไม่สามารถปลอบใจหลินซือได้อีก เพราะบาดแผลเมื่อครู่มันปริออก เขาเสียเลือดจนร่างกายอ่อนแอ เวลานี้เขาได้ตกอยู่ในอาการสลบไสล แม้ว่าจะได้ยินเสียงเรียกขออาซืออย่างเลือนลาง แต่เขากลับไม่สามารถตอบกลับไปได้
ผ่านไปหนึ่งคืนเต็ม ก็ยังไม่มีผู้ใดมาดูอาการพวกเขา
หลินซือรู้สึกว่าเจี่ยงเถิงเริ่มมีไข้
ยามอยู่ในจวนหลินมักจะมีคนรับใช้คอยดูแลเสมอ ครั้นออกนอกจวนก็มีเจี่ยงเถิงคอยดูแลนางอย่างดี เวลานี้หลินซือจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้มากกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย
นางถอดเสื้อคลุมตัวนอกมาคลุมตัวเจี่ยงเถิง และคอยแตะหน้าผากของเจี่ยงเถิงแทบจะตลอดเวลา
นางอยากปลุกเจี่ยงเถิง แต่กลับพบว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เมื่อขอความช่วยเหลือจากด้านนอก ก็ดูเหมือนคนข้างนอกจะทำเป็นไม่ได้ยิน หลินซือรู้สึกเหมือนท้องฟ้าของตัวเองกำลังจะพังทลายลงมา
โชคดีที่ร่างกายของเจี่ยงเถิงยังพอแข็งแรงอยู่บ้าง แม้ว่าจะเสียเลือดมาก แต่เช้าวันที่สองกลับไม่ได้มีไข้ต่อ
เขาตื่นจากอาการสลบไสลอย่างสะลืมสะลือ กระทั่งรู้สึกถึงมือที่สัมผัสอยู่บนหน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็มองมายังผ้าที่คลุมอยู่บนตัวอีกครั้ง นั่นคือเสื้อคลุมของอาซือ
เขาขยับมือของตัวเองด้วยความยากลำบาก ให้อาซือหลับอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง แต่เพราะสัมผัสกับบาดแผลของตัวเองจึงได้พ่นลมหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว กระทั่งปลุกหลินซือที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานให้ตื่นขึ้น
“พี่อาเถิง ท่านฟื้นแล้ว? ข้าตกใจแทบแย่”
เมื่อเห็นเจี่ยงเถิงตื่น หลินซือก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
โชคดีที่พี่อาเถิงฟื้นจากอาการสลบไสล มิเช่นนั้นนางก็คงไม่รู้เช่นกันว่าจะต้องทำอย่างไร
“อาซืออย่ากลัวเลย ข้าจะต้องพาเจ้าออกไปให้จงได้”
“อื้อ ข้าเชื่อพี่อาเถิง”
จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาวางบนหน้าผากของเจี่ยงเถิง เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่มีไข้แล้ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของหลินซือ ในใจของเจี่ยงเถิงก็อ่อนยวบลงทันใด
“เวลาก็สายมากแล้ว อาซือช่วยประคองข้าหน่อยสิ”
“อื้อ”
จากนั้นก็ประคองเจี่ยงเถิงให้ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลินซือไม่รู้ว่าเจี่ยงเถิงจะทำสิ่งใด
ไม่นาน หลินซือก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากข้างนอก จึงได้หันไปสบตากับเจี่ยงเถิงด้วยความสงสัย
“อาซือไม่ต้องกลัว ประเดี๋ยวเจ้าซ่อนอยู่ด้านหลังของข้า เข้าใจหรือ…”
ยังไม่ทันที่พี่อาเถิงจะพูดจบ ก็มีคนพุ่งเข้ามาจากข้างนอก แต่ถ้าไม่ใช่คนที่เจอเมื่อวานแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก
เพียงแต่เวลานี้ ใบหน้าของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เขาไม่คิดว่าเจี่ยงเถิงจะกล้าหาญเพียงนี้ ยอมเอาตัวเองมาเสี่ยง เพื่อเปิดโปงที่อยู่ของพวกเขา
ตอนนี้ คนที่อยู่ข้างนอกฝ่าฝูงชนเข้ามา เหล่าพี่น้องของเขาต่างล้มตายต่อหน้าเขาไปทีละคน ตอนนี้จะไม่ให้เขาคลั่งได้อย่างไร
ดังนั้นเมื่อเห็นเจี่ยงเถิง ก็ยิ่งอยากฆ่าเขาให้ตาย
ครั้นชายผู้นั้นเห็นเจี่ยงเถิง ก็เตรียมจะพุ่งเข้าไปหาฆ่าเจี่ยงเถิงเหมือนกับคนบ้า
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รักอาซือมากสินะ ถึงยอมเสี่ยงตายเพื่อน้องขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)