ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 614 รีบกลับเมืองขนาดนั้นเลยหรือ
บทที่ 614 รีบกลับเมืองขนาดนั้นเลยหรือ?
บทที่ 614 รีบกลับเมืองขนาดนั้นเลยหรือ?
อีกด้านหนึ่ง อาการบาดเจ็บของเจี่ยงเถิงค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ หลินซือเฝ้าดูแลจนร่างกายเจี่ยงเถิงฟื้นตัวดีขึ้นวันแล้ววันเล่า ในใจจึงค่อย ๆ โล่งใจ
นางยกถ้วยยาเข้ามาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินมาข้างเตียงของเจี่ยงเถิง แล้วประคองเขาขึ้นมา
“พี่อาเถิง ลุกขึ้นกินยาเถิด”
“ขอบใจอาซือมาก เดี๋ยวข้ากินเอง”
เจี่ยงเถิงมองดูอาซือที่ดูแลเขาอย่างละเอียดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขใจ ในใจของอาซือมีเพียงเขา เขารู้มาตลอด
แต่เรื่องเหล่านี้คงเทียบไม่ได้กับการดูแลเอาใจใส่ของอาซือ หัวใจที่เป็นสุขทำให้บาดแผลดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าค่ะ”
จากนั้นก็ยื่นยาให้เจี่ยงเถิง หลินซือหยิบผ้าเช็ดหน้าข้างกายมาเช็ดเหงื่อให้เจี่ยงเถิง ตลอดเวลาที่ดูแลเจี่ยงเถิง หลินซือเพิ่งได้รู้ว่าพี่อาเถิงเอาใจใส่นางมากกว่าที่ตัวเองทำแต่ก่อน
ยารสชาติถึงเพียงนั้น แต่เจี่ยงเถิงกลับรู้สึกหวานอยู่ในใจ
เขาถึงขั้นขอบคุณคนชั่วช้าผู้นั้น มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่รู้ว่าหลินซือเป็นห่วงเขาเช่นนี้ นับว่าการตายเพื่ออาซือในครานี้ เขาทำมันได้อย่างไม่ลังเล
เจี่ยงเถิงดื่มยาในถ้วยหมดอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นชามเปล่าให้หลินซือ หลังจากหลินซือรับไปก็วางมันลงข้างกาย ก่อนจะช่วยประคองตัวเจี่ยงเถิงให้นอนลงอย่างระมัดระวัง ห่มผ้าให้เขาโดยพยายามหลีกเลี่ยงบาดแผลให้ได้มากที่สุด
“อาซือไม่ต้องระมัดระวังขนาดนี้ก็ได้ ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก ท่านเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เหตุใดพี่อาเถิงถึงได้โง่เขลาเพียงนี้?”
ทันทีที่นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น หลินซือก็ยิ่งตื่นตระหนกในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องบนเมตตา เกรงว่าพี่อาเถิงของนางคงจากโลกนี้ไปแล้ว เช่นนี้จะไม่ให้นางเป็นห่วงได้อย่างไร
“ข้าไม่ได้โง่ เพียงแต่ไม่อยากเห็นอาซือได้รับบาดเจ็บเท่านั้น อีกอย่างข้าเองก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ?”
ครั้นเห็นหยาดน้ำตาที่เอ่อล้อนรอบดวงตาของหลินซือ เจี่ยงเถิงก็รีบเข้าไปปลอบทันที เขาสมควรตายจริง ๆ ทำไมถึงทำให้อาซือเสียใจขนาดนี้?
“อื้อ พี่อาเถิงต้องไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นข้าคงไม่รู้ว่าจะบอกท่านป้าเจี่ยงอย่างไร”
“เยี่ยม เช่นนั้นอาซืออย่าเสียใจไปเลยดีหรือไม่? ไม่อย่างนั้นพี่อาเถิงคงจะปวดใจ”
“เจ้าค่ะ อาซือเข้มแข็งมาก อาซือจะไม่ร้องไห้”
จากนั้นก็เช็ดน้ำตา หลินซือมองเจี่ยงเถิงด้วยรอยยิ้ม พบกว่าพี่อาเถิงของเธอนั้นหล่อเหลามาก ไม่ว่าจะเป็นดวงตาหรือปาก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางชอบทั้งสิ้น
เจี่ยงเถิงอยากลูบศีรษะของหลินซือ แต่กลับพบว่าหลินซือนำผ้าห่มมาคลุมตัวเขาเสียแน่นหนา จนมือของตัวเองไม่สามารถยื่นออกไปได้ สุดท้ายก็ต้องยกเลิกความคิดนี้ไป
“เอาละ อาซือไปเรียกท่านหมอเข้ามาสิ ข้าอยากถามบางอย่างกับท่านหมอ”
“ข้าจะไปเรียกเดี๋ยวนี้”
ครั้นได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง หลินซือก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ขอแค่เป็นเรื่องที่พี่อาเถิงให้นางทำ นางก็จะไปทำอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นแผ่นหลังที่จากไปของหลินซือ เจี่ยงเถิงก็อดยิ้มไม่ได้ อาซือช่างน่ารักยิ่งนัก
โชดีที่ตอนนั้นเขาเข้าไปขวางดาบนั้นไว้ มิเช่นนั้นคนที่โดนดาบเล่มนั้นคงเป็นอาซือ นางจะเจ็บปวดแค่ไหนเชียวนะ
คงเป็นเพราะเข้าไปขวางดาบเล่มนั้นด้วยจิตใต้สำนัก เขาถึงไม่ลังเล เจี่ยงเถิงเองก็ไม่เคยคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นสิ่งเดียวที่คิดได้คือเขาจะไม่ยอมให้อาซือได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว
เดิมทีหมอที่ดูแลเขาต้มยาอยู่ไม่ไกลนัก ครั้นได้ยินคำพูดของหลินซือก็รีบเข้ามาทันที กระทั่งเห็นเจี่ยงเถิงนอนห่มผ้าอย่างแน่นหนาอยู่บนเตียง จึงอดทอดถอนใจไม่ได้
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าต้องระบายอากาศอย่างเหมาะสม บาดแผลของเจ้ายังไม่สมานกันดีพอ” พูดพลางนำผ้าห่มผืนนั้นสะบัดออกอย่างจนปัญญา ทำให้บาดแผลของเจี่ยงเถิงได้สัมผัสกับอากาศ
“อาซือห่มให้ข้าต่างหาก ข้าคิดว่ามันไม่เป็นไร” เจี่ยงเถิงกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความดีใจไม่น้อย ทำให้หมอต้องกลอกตามองบน เอาเป็นว่าเขาเข้าใจแล้วกัน
คนหนึ่งยอมสู้ อีกคนยอมทุกข์ ไม่มีใครไร้เดียงสา แต่น่าเสียดายที่เขาเสียภรรยาคนแรกไปแล้ว มิเช่นนั้นไฉนเลยจะทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ขี้เกียจจะสนใจเจ้าแล้ว”
“ข้ากลับเมืองได้แล้วใช่หรือไม่?” เจี่ยงเถิงตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ถ้าไม่กลับไปก็ไม่รู้ว่าป้าเจี่ยงจะเป็นห่วงขนาดไหน จึงอยากกลับเมืองให้เร็วที่สุด
“แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเจ้าตอนนี้จะดีขึ้น เดินเหินก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องจำไว้ว่าจะต้องรักษาอารมณ์ให้คงที่ บำรุงร่างกายอย่างดี มิเช่นนั้นจะเจ็บเรื้อรังไปในอนาคต”
แม้ว่าหมอจะไม่รู้ว่าเจี่ยงเถิงเป็นใคร แต่กลิ่นอายรอบตัวดูไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไป จะต้องเป็นลูกหลานในตระกูลผู้สูงศักดิ์แน่นอน เขาอยู่ในเมืองนี้มาตั้งแต่เกิด ไม่ค่อยคาดหวังกับพวกคุณหนูคุณชายมากนัก จึงไม่จำเป็นต้องรั้งไว้
ต่อหน้าเขา ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือคนรวยล้วนแต่เป็นคนไข้ทั้งสิ้น เขาต้องปฏบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม
“เรื่องนี้ข้ารู้ เจ้าวางใจเถอะ”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะจัดยาสำหรับการเดินทางในครานี้ให้เจ้า พร้อมทั้งวิธีการกิน ถึงตอนนั้นถ้าเจ้ากินยาหมดแล้วก็แค่นำซองยาไปยังร้านขายยาก็สิ้นเรื่อง
“เยี่ยม ขอบคุณหมอมาก”
“ไม่ต้องหรอก มันคือสิ่งที่ข้าควรทำ”
เมื่อกล่าวจบ หมอก็เดินออกจากห้องไป ทันทีที่หมอออกไปหลินซือก็เดินเข้ามา กระทั่งเห็นเจี่ยงกำลังคลี่ยิ้มอยู่บนใบหน้า
“พี่อาเถิง ท่านหิวแล้วใช่ไหม? ไม่งั้นข้าไปทำของกินอร่อยมาให้ท่าน?”
“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่หิว อาซือคงจะกลัวมากสินะ?”
“นิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร” ครั้นนึกถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้หลินซือตื่นตกใจแต่ก็ยังดี
ถึงอย่างไรเจี่ยงเถิงก็อยู่กับนาง นางไม่มีวันได้รับบาดเจ็บแน่นอน