ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 615 อาซือบอกไม่ก็คือไม่
บทที่ 615 อาซือบอกไม่ก็คือไม่
บทที่ 615 อาซือบอกไม่ก็คือไม่
“หลินซือจงไปบอกกล่าวพวกเขา เราจะเดินทางไปเมืองหลวงพรุ่งนี้”
“เร็วยิ่งนัก พี่อาเถิง บาดแผลของท่านยังไม่ดีขึ้นเลย”
ครั้นได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง หลินซือก็รีบแย้งขึ้น
แม้ว่านางจะอยากกลับบ้านเร็ว ๆ แต่ครั้นนึกถึงบาดแผลตามร่างกายของเจี่ยงเถิง ก็ยังวางใจไม่ได้ ไม่เพียงแค่บาดแผลจากดาบเล่มนั้น บาดแผลทั่วทั้งร่างกาย ล้วนเกิดจากการช่วยนางทั้งสิ้น นางไม่อาจเป็นคนไร้น้ำใจเช่นนั้นได้
“ข้าถามท่านหมอแล้ว เขาบอกว่าไม่เป็นไร แค่ระวังมากขึ้น อีกอย่างเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเราออกมานานมากแล้ว ท่านป้าซูจะต้องเป็นห่วงเรามากแน่นอน ถ้าไม่กลับไปอีก ข้าคิดว่าท่านป้าซูจะต้องส่งคนออกมาตามหาเราเป็นแน่”
“งั้น…ก็ได้” ครั้นได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง หลินซือก็ไม่พูดสิ่งใดอีก ถึงอย่างไรพี่อาเถิงก็มีอิทธิพลต่อใจของนาง ไม่มีพี่อาเถิงคงทำทุกอย่างไม่ได้
“เด็กดี รีบไปเถอะ”
“อื้อ” หลินซือยังคงเดินออกไปอย่างว่านอนสอนง่าย ครั้นเจี่ยงเถิงเห็นหลินซือเดินจากไปแล้ว จึงสลัดตัวออกจากผ้าห่ม ใช้มือพยุงร่างกายเตรียมลงจากเตียง
แม้ว่าเรื่องในครานี้จะยังมีความโชคดีอยู่บ้าง และอาซือไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถ้ายังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง ดังนั้นครานี้เขาจึงจัดกำลังทหาร คอยปกป้องความปลอดภัยของอาซือ
เขาพยายามเดินมาหน้าตู้อย่างยากลำบาก จากนั้นก็เปิดตู้ภายในมีกริชสั้นด้ามหนึ่ง แค่รูปลักษณ์ภายนอก ก็ทำให้รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัวได้ เป็นอาวุธที่หายากมากอย่างหนึ่งทีเดียว
นี่คือสิ่งตอบแทนที่ได้รับจากการช่วยเหลือผู้อื่นในตอนที่เจี่ยงเถิงออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ตราบใดที่มีเรื่อง เจี่ยงเถิงจะนำกริชเล่มนี้ไปยังโรงรับจำนำเพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาจะปกป้องความปลอดภัยของเจี่ยงเถิง
พูดได้ว่านี่คือไพ่ไม้ตายสุดท้ายของเจี่ยงเถิง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความปลอดภัยของหลินซือ เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญแล้ว
จากนั้นก็หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนประโยคบางอย่าง หลังจากที่เจี่ยงเถิงเรียกทหารเข้ามาก็นำกริชและจดหมายฉบับนั้นมอบให้เขา ให้เขาไปโรงรับจำนำเล่าสถานการณ์ที่ได้พบเจอ คนอื่นก็จะได้รับรู้
เวลานี้คนที่ติดตามอยู่ข้างกายเจี่ยงเถิงล้วนแต่เป็นคนที่เจี่ยงเถิงไว้ใจทั้งสิ้น ดังนั้นครั้นได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง ทุกคนต่างไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายโดยไร้ซึ้งคำถามใด ๆ
ถึงกระนั้นก็ช่วยลดความยุ่งยากให้จี่ยงเถิงได้ไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าบาดแผลจะฟื้นกลับสภาพเดิมได้หรือไม่ เขาจึงต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ เจี่ยงเถิงรู้สึกเหนื่อยจึงค่อย ๆ เดินกลับไปที่เตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว แสร้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากหลับตาพักผ่อนไปเพียงครู่เดียว ร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลงไม่นานก็หลับไปในที่สุด
หลังจากที่หลินซือออกไปก็ตรงไปหาผู้ติดตามที่อยู่ข้างกายเจี่ยงเถิงตลอดคนนั้น ให้เตรียมรถม้าไว้สำหรับเดินทางในวันพรุ่งนี้
ครั้นผู้ติดตามได้ยินว่าเป็นคำสั่งของเจี่ยงเถิง ก็รีบไปเตรียมตัวทันทีโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว เดิมทีหลินซือกำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อเครื่องนอนนุ่ม ๆ ไปให้เจี่ยงเถิงดีหรือไม่ หลีกเลี่ยงรถม้าที่โคลงเคลงไปมาระหว่างทาง จนทำให้พี่อาเถิงไม่สบายตัว
แต่ในคืนที่นางถูกลักพาตัวไปจากห้องพัก ถ้าตัวเองออกไปเพียงลำพังคงไม่ปลอดภัยแน่นอน สุดท้ายก็ต้องยกเลิกความคิดนี้ไป
“คุณหนูหลิน บาดแผลของใต้เท้าเจี่ยงดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหม?” คนที่ถามคือขุนนางฝ่ายเกลือที่ติดตามเจี่ยงเถิงมีแซ่ว่า ‘จาง’ แม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งที่สูงกว่าเจี่ยงเถิง แต่ก็เป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมาก และได้รับความไว้วางใจจากเจี่ยงเถิง
“ใต้เท้าจางวางใจเถอะ พี่อาเถิงไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
“งั้นก็ดี ไม่ทราบว่าใต้เท้าเจี่ยงพอจะมีเวลาว่างบ้างหรือไม่ พอดีข้ามีเรื่องที่ไม่เข้าใจ หวังให้ใต้เท้าเจี่ยงชี้แนะ อีกอย่างข้าขอไม่ปิดบังคุณหนูหลินแล้วกัน ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องให้ใต้เท้าไปดูด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าคุณหนูหลินจะช่วยเตือนใต้เท้าเจี่ยงให้ข้าได้หรือไม่…”
“ข้ารู้แล้ว ประเดี๋ยวข้าพูดกับพี่อาเถิงให้ ถ้าพี่อาเถิงมีเรื่องอะไร ข้าจะรีบบอกใต้เท้าจางทันที แต่พี่อาเถิงกำลังบาดเจ็บ ข้าอยากให้พี่อาเถิงได้พักร่างกายตัวเองให้ดีขึ้นเสียก่อน ท่านว่าอย่างไรเจ้าค่ะ? ใต้เท้าจาง”
หลินซือรู้ว่าภารกิจไม่สามารถล่าช้าได้ แต่ครั้นนึกถึงภาพที่พี่อาเถิงที่กำลังป่วยหนักต้องออกไปจัดการเรื่องเหล่านี้ นางค่อนข้างป่วยใจยิ่งนัก
ไม่รู้ว่าการที่เขาขยันถึงเพียงนั้น จะเหนื่อยบ้างหรือไม่ เหตุใดจะต้องดึงดันเพียงนี้ ตัวเองไม่ได้มีความเด็ดเดี่ยวเหมือนกับพี่อาเถิง แต่อาจเป็นเพราะนางถูกตามใจจนมีนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็กกระมัง
“ใช่ ๆ ที่คุณหนูหลินพูดก็ถูก ในเมื่อข้านำเรื่องมาแจ้งให้คุณหนูหลินได้รับทราบแล้ว รบกวนคุณหนูหลินนำเรื่องไปถ่ายทอดต่อด้วย ข้าขอตัวลา”
“ใต้เท้าจาง เดินทางปลอดภัย”
หลินซือไม่เข้าใจหนังสือทางราชการของราชสำนักเท่าไรนัก แต่ในตอนที่นางอยู่เมืองหลวง นางจะดูบัญชีของร้านหยกอวี้ฝูทุกวัน จึงคิดว่าเรื่องเกลือจะต้องซับซ้อนยิ่งกว่าบัญชีแน่นอน ไม่รู้ว่าพี่อาเถิงจะยืนหยัดต่อไปอีกทำไม
ตอนแรกนางเตรียมจะขายเกลือ แต่หลังจากที่ต้องประสบพบเจอกับเรื่องนี้ระหว่างติดตามพี่อาเถิง นางก็ยิ่งเข้าใจ ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง เกลือก็คงจะดำเนินต่อไปไม่ได้
มิเช่นนั้นทำไมพ่อค้าคนกล้างมากมายเหล่านั้นถึงไม่มีใครเดินอยู่บนเส้นทางนี้สักคน?”
หลังจากส่งใต้เท้าจางเรียบร้อย หลินซือก็กลับมายังห้องพักของเจี่ยงเถิง ครั้นเห็นเจี่ยงเถิงกำลังนอนหลับ หลินซือจึงต้องย่องเดินให้เบาที่สุดด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็นั่งลงข้างกายพี่อาถิง
เจี่ยงเถิงที่กำลังนอนหลับดูเหมือนกับคุณชายที่อ่อนแอไร้กำลัง ไม่เหมือนเจี่ยงเถิงที่หลินซือเคยเจอมาก่อน ใครเล่าจะเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้ ขวางดาบเล่มนั้นโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเอง?
พริบตาต่อจากนั้น หลินซือตื่นตระหนกตกใจ และเกิดความสงสัยในขณะเดียวกัน พี่อาเถิงแสนดีกับนางถึงเพียงนี้ ตัวเองมีค่ามากขนาดนั้นจริง ๆ หรือ?
แต่ต่อจากนั้นนางก็วางใจ ในเมื่อพี่อาเถิงดีกับนางถึงเพียงนี้ ต่อไปนางก็ยิ่งต้องดีกับพี่อาเถิง เหตุใดจะต้องไปคิดวกวนเรื่องเหล่านี้ด้วย
หลินซือยื่นมือไปลูบหน้าของพี่อาเถิงอย่างเบามือ ใบหน้าของเขาหยาบกร้านกว่านางมาก แต่ที่เป็นแบบนี้นั้นเพราะต้องออกไปพิสูจน์อย่างบากบั่นเพื่อท่านแม่และตัวนางเอง ถ้าเป็นนางไม่มีทางเป็นเหมือนกับพี่อาเถิงแน่นอน
“อาซือลูบพอแล้วหรือยัง?”
เจี่ยงเถิงตื่นตั้งแต่ที่หลินซือเข้ามาแล้ว แต่เพราะง่วงเกินไปจึงยังไม่ลืมตา
ใครจะรู้เล่าว่าอาซือจะลูบใบหน้าของเขาจนทำให้เจี่ยงเถิงตื่นตกใจ
แต่ครั้นนึกได้ว่าตัวเองกำลังนอนหลับ ดังนั้นจึงหยุดเคลื่อนไหวอย่างอดทน กระทั่งรู้สึกถึงสัมผัสที่อาเถิงแตะบนขนตาของเขา เขาจึงต้องพูดออกไปอย่างทนไม่ไหว
“พี่อาเถิง ท่านตื่นได้อย่างไร? ข้าทำพี่ตื่นใช่หรือไม่?”
หลินซือคาดไม่ถึงว่าพี่อาเถิงจะตื่นกะทันหัน จึงรีบดึงมือของตัวเองกลับทันที
แต่แม้ว่ามือของนางจะถูกดึงกลับอย่างว่องไว แต่มือของเจี่ยงเถิงกลับว่องไวยิ่งกว่า เขาคว้าข้อมือของอาซือไว้ หลังจากนั้นดวงตาคู่นั้นก็มองไปทางนางอย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังควบคุมนางก็มิปาน
“เปล่า ข้าตื่นตั้งแต่เจ้าเข้ามาแล้ว แต่แค่ยังรู้สึกเพลียจึงยังไม่ลืมตา ใครจะรู้เล่าว่าจะถูกสาวงามมาน้ำลายไหลในความงามของข้า”
“นั่นคือความเข้าใจผิดของพี่อาเถิงแน่นอน ข้าเปล่า” นางรีบปฏิเสธฉับไว
ครั้นได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง ใบหน้าของหลินซือก็แดงระเรื่อ พี่อาเถิงพูดอะไร นางไม่เคยน้ำลายไหลในความงามของเขา!
จากนั้นก็รีบดึงมือกลับจากมือของเจี่ยงเถิง แล้วซ่อนมันไว้ด้านหลัง ก้มหน้าลง ราวกับรู้สึกผิด
“ก็ได้ อาซือบอกไม่มีก็ไม่มี แต่ข้าอยากใกล้ชิดอาซือ ทำอย่างไรดีล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจี่ยงเถิงเจ้าพูดอะไรน่ะ น้องอาซือยังเด็กอยู่นะ
ไหหม่า(海馬)