ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 619 เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้า
บทที่ 619 เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้า
บทที่ 619 เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจข้า
หลังจากกลับมาถึงจวนลู่ ทันทีที่ลู่เหยาก้าวเข้าไปในลานบ้าน ก็เห็นตู้เหิงกำลังรอนางอยู่ จึงรีบเร่งฝีเท้าไปยังทิศทางของตู้เหิงทันที
“ลูกน้อมทักทายท่านแม่”
“ลุกขึ้นเถอะ วันนี้เข้าวังได้อะไรมาบ้างล่ะ?”
ตู้เหิงมองลูกสาวของตนเอง ไม่นานความโกรธในใจก็พลันคุกกรุ่นอีกครั้ง
ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ยังอยากเห็นองค์รัชทายาทและลูกสาวของตนใกล้ชิดกันมากขึ้น ใครจะรู้เล่าว่าลูกสาวจะไม่เข้าวังเลย หรือต่อให้เข้าวังก็ไม่ได้ไปหาองค์รัชทายาท นางโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ได้ผล
ในฐานะผู้มีประสบการณ์ ตู้เหิงย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่เคยประสบพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ถ้ายอมแพ้เพราะอุปสรรคเล็กน้อยแค่นี้ นางจะดำรงตำแหน่งนี้มาจวบจนตอนนี้ได้หรือ?
ครั้นเห็นท่าทางยามประสบกับเรื่องเล็กน้อย นี่ไม่เหมือนลูกสาวของนางเลยแม้แต่น้อย
“สวีกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงทรงโปรดปรานลูก จึงให้ลูกเข้าวังไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ? ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ต่อไปเจ้าก็มีที่พึ่งแล้วสิ ลูกรัก เจ้าต้องเอาอกเอาใจฮองเฮาเหนียงเหนียงให้ดีเข้าใจหรือไม่? ถ้าอยากให้เรื่องของเจ้าและองค์รัชทายาทเป็นความจริง การมีกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงคอยช่วยเหลือ ย่อมเป็นเรื่องดี”
“เจ้าค่ะ” ลู่เหยาหลับตาเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่าง พร้อมกับตอบรับกลับไป
ความคาดหวังที่มารดามีต่อนางคือการที่นางได้อยู่กับองค์รัชทายาท ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้นางเชิดหน้าชูตาต่อหน้าของท่านป้าซูได้อย่างภูมิใจ
ลู่เหยาไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าท่านป้าซูดูอ่อนโยน ทุกครั้งที่ไปจวนหลินนางมักจะใจดีกับตนเสมอ เหมือนอาวุโสที่อ่อนโยนคนหนึ่ง เหตุใดมารดาของตนถึงได้จงเกลียดจงชังท่านป้าซูมากเพียงนี้
“แล้วเจออะไรอีกไหม?”
“ลูก…เจอกับองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”
“องค์รัชทายาทพูดสิ่งใดกับลูก?”
“องค์รัชทายาททรงให้ลูกพาเขาออกไปเจอกับพี่หลินซือ”
หลินซือผู้นี้อีกแล้ว นางมีเสน่ห์ตรงไหนไม่ทราบ ถึงทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนหลงไหลนางได้ถึงเพียงนี้ เหมือนมารดาของนางไม่มีผิด จิ้งจอกเจ้าเล่ห์เหมือนกัน ร้านค้าอะไรนั่นของนาง ก็วุ่นวายเสียไม่มี นี่แหละนะผู้นำไม่ดี ผู้ตามก็ไม่ดีตามไปด้วย
ครั้นเอ่ยถึงหลินซือ ตู้เหิงก็เกิดโทสะในใจ
ไม่เพียงแต่เพราะหลินซือที่คอยกดดันลูกสาวของตัวเองไปเสียทุกด้านแล้ว ยังเป็นเพราะเรื่องที่ตนเสียหน้าในร้านหยกอวี้ฝูนั้นอีก
ต้องบอกว่าเจ้าของร้านผู้นั้นช่างโง่เขลา เห็นได้ชัดว่าแค่ประโยคเดียวก็ทำให้ร้านหยกอวี้ฝูถูกปิดตัวลงได้แล้ว เขาก็ยังเข้าไปยุ่ง โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ท่านแม่ พี่หลินซือนิสัยดีมาก ท่านแม่อย่าพูดเช่นนี้สิเจ้าคะ”
ลู่เหยาพูดแก้ต่างให้หลินซือด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา นางเองก็ชอบพี่หลินซือเช่นกัน แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่เป็นไปตามเป้าหมายของมารดา
“เจ้านะเจ้า ถูกผู้อื่นนินทาว่าร้ายยังจะไปช่วยเขาอีก!” กล่าวพลางใช้มือดีดหน้าผากของลู่เหยาเต็มแรง ผิวหนังอันขาวเนียนของลู่เหยาก็เกิดรอยแดงขึ้นทันใด
ตู้เหิงขัดใจที่ลูกสาวไม่ได้ดั่งใจ เห็นได้ชัดว่านางเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูลูกสาวคนนี้มาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ แต่ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดก็ล้วนแต่ไม่มีไหวพริบเหมือนกับนางเลย เหมือนคนโง่เขลาผู้หนึ่ง ถ้าไม่ใช่เป็นลูกสาวของนาง เกรงว่าตู้เหิงคงจะไม่สนใจแม้แต่น้อย
เพราะแบบนี้ ตู้เหิงจึงไม่วางใจให้นางไปทำเรื่องต่าง ๆ ซึ่งไม่เคยทำออกมาได้ดีสักเรื่อง
“ข้าเปล่า”
“แล้วที่เจ้าพูด มันมีเหตุผลงั้นสิ?”
น้ำเสียงของตู้เหิงสูงขึ้นเล็กน้อย จนทำให้ลู่เหยาตกใจกลัวไม่กล้าพูด
มารดามักจะเข้มงวดกับนางอยู่เสมอ ทำให้ลู่เหยาถูกเลี้ยงจนกลายเป็นคนที่เกรงกลัวตู้เหิง ทุกครั้งที่ตู้เหิงโมโหร้าย ลู่เหยาจะยืนรออยู่เงียบ ๆ ข้างกายเสมอ มิเช่นนั้นหากทำอะไรลงไปอาจจะทำให้ตู้เหิงโกรธยิ่งกว่าเดิม
“ท่านแม่อย่าเพิ่งโกรธสิเจ้าคะ วันนี้องค์รัชทายาทยังบอกอีกว่า ให้ข้าเข้าวังไปอยู่เป็นเพื่อนเขาหลังจากนี้”
“จริงรึ?”
น้ำเสียงของตู้เหิงอ่อนลงมากทีเดียว และน้ำเสียงก็ยังแฝงไปด้วยความอ่อนโยนยิ่งกว่าเมื่อครู่ เรื่องมากมายที่ได้ฟังมีเพียงเรื่องเดียวที่น่ายินดี อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าลู่เหยาพิเศษในใจขององค์รัชทายาท
ตรงกันข้ามตู้เหิงไม่เคยได้ยินองค์รัชทายาทประสงค์ให้ผู้อื่นไปอยู่เป็นเพื่อนมาก่อน ลูกสาวของตัวเองได้อภิสิทธิ์เพียงผู้เดียว
ตอนนี้ ยามมองลู่เหยาพลันเริ่มรู้สึกปลื้มใจ สมแล้วที่นางเฝ้าฟูมฟักมานานหลายปี นับว่ามีประโยชน์อยู่บ้าง
“จริงเจ้าค่ะ” เดิมทีลู่เหยาไม่อยากพูด แต่ครั้นเห็นตู้เหิงอารมณ์ไม่ดี ลู่เหยาจึงต้องพูดออกไป
แค่เป็นเรื่องที่ทำให้มารดาของตัวเองเบิกบานใจ นางล้วนยินดีทำทุกอย่าง
“ดี ดีมาก นี่เป็นการพิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้ามีความพิเศษต่อองค์รัชทายาท เหยาเหยา พรุ่งนี้ยามเจ้าเข้าวังให้แต่งกายด้วยชุดที่ข้าเพิ่งเย็บให้เจ้า เจ้าจะได้งดงามยิ่งขึ้น และจะต้องเปล่งประกายเบื้องหน้าขององค์รัชทายาทแน่นอน”
“เจ้าค่ะ เชื่อฟังท่านแม่ทุกอย่าง”
“องค์รัชทายาทจะให้เจ้าเข้าไปหาเมื่อไร?”
“ไม่ได้บอกเจ้าค่ะ น่าจะตามเวลาที่ลูกเคยไปแต่ก่อนกระมัง”
“งั้นก็ดี พรุ่งนี้เจ้าจงตื่นแต่เช้า นำขนมที่ตัวเองทำกับมือไปถวายแด่องค์รัชทายาทด้วย ให้องค์รัชทายาทได้ชิมฝีมือของเจ้า”
“เจ้าค่ะ”
“เหยาเหยา เจ้าต้องคว้าโอกาในครานี้ให้จงได้ ถ้าเจ้าได้เป็นพระชายา แม่ก็จะได้เชิดหน้าชูตาต่อหน้าเหยาซูได้อย่างภูมิใจ เจ้าไม่ต้องสนใจหลินซือหรอก คนที่นางชอบก็คงไม่พ้นขุนนางฝ่ายเกลือผู้นั้น ไฉนเลยจะดีกว่าองค์รัชทายาท”
ลู่เหยาอยากจะพูดบางอย่าง แต่ครั้นเห็นท่าทางมั่นใจของตู้เหิง สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองกลับไป
“ถ้าจะให้พูด แต่ก่อนเหยาซูก็เคยฉลาด หากแต่ยิ่งอยู่ยิ่งถอยหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้ลูกสาวเป็นพระชายา จึงอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับขุนนางฝ่ายเกลือ อยากให้ลูกสาวมีหน้ามีตา แต่ไร้ซึ่งกุลสตรีที่มีชนชั้นสูงศักดิ์เลยแม้แต่น้อย”
“ท่านแม่ ลูกง่วงนอนแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ”
ความจริงแล้วนางไม่อยากฟังคำพูดเหล่านี้ของตู้เหิง หลังจากที่ลู่เหยาคำนับตู้เหิงแล้วก็พาสาวใช้เข้าไป
ส่วนตู้เหิงก็น้อยนักที่จะไม่ติดใจเรื่องความไร้มารยาทของลู่เหยา แต่ก็ยังนึกถึงตำแหน่งพระชายา
แม้ว่าลู่เหยาจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ก็นับว่าซื่อสัตย์มากทีเดียว องค์รัชทายาทเคยชินกับการมีสตรีรรายล้อมอยู่มากมายในวัง แต่การได้เห็นลู่เหยาในมุมนี้ ก็น่าประหลาดใจจนพูดไม่ออก
บางที นี่อาจจะเป็นการจับพลัดจับผลูก็ได้ ตู้เหิงจึงคิดเช่นนี้
เรื่องนี้เพิ่งจะสิ้นสุดลง ซวีจ้าวและเหยาเอ้อหลางที่อยู่อีกด้านกำลังต่อสู้อย่างเต็มที่
เดิมทีทั้งสองคนต้องออกไปดื่มสุราด้วยกัน แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าเมืองจิงจ้าว[1]ของเหยาเอ้อหลางจะเกิดเรื่องขึ้นกะทันหัน ซวีจ้าวจึงออกไปเพียงลำพัง
หลังจากรออยู่เนิ่นนานแต่ยังไม่เห็นเหยาเอ้อหลาง ซวีจ้าวจึงกลับไป
ในตอนที่เหยาเอ้อหลางจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยกำลังออกไป ซวีจ้าวก็หายตัวไปแล้ว หลังจากรออยู่ตรงนั้นพักใหญ่ สุดท้ายก็ยอมรับว่าซวีจ้าวไม่มา จึงได้จากไป
นี่เป็นเพราะการนัดหมาย ทั้งสองคนจึงยังไม่ได้กินอะไรรองท้อง เหยาเอ้อหลางจึงหาร้านอาหารเพื่อเข้าไปกินอาหาร แต่ใครจะรู้เล่าว่าจะเจอกับร่างเงาของซวีจ้าว
แต่หลังจากที่ซวีจ้าวเห็นเหยาเอ้อหลาง เขากลับไม่พูดสิ่งใด นอกจากหมุนตัวแล้วเดินจากไป
เหยาเอ้อหลางที่เตรียมจะทักทายกลับอึ้งงันอยู่ที่เดิม
เดิมทีคนที่อยู่บนถนนค่อนข้างบางตา ซวีจ้าวก็ไม่ได้เดินเร็วนัก เหยาเอ้อหลางจึงออกแรงเร่งฝีเท้าเล็กน้อยเพื่อไล่ตามซวีจ้าวได้ทัน
“ทำไมเจ้าถึงไม่สนใจข้า?” เหยาเอ้อหลางขวางซวีจ้าวไว้ แล้วพูดกับเขา
[1] เมืองจิงจ้าวหรือเมืองเก็งเตียวฮู้ ปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน