ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 632 อาซือไปร้าน
บทที่ 632 อาซือไปร้าน
บทที่ 632 อาซือไปร้าน
ไป๋หรูปิงวางใจลงเพราะหลินซือกลับมาแล้ว นางได้อยู่กับหลินจื้อมากขึ้น เรื่องในร้านจึงมอบหมายให้หลินซือจัดการ
ตอนที่มาถึงร้านหยกอวี้ฝูนั้น หลินซือเห็นผู้คนขวักไขว่อยู่ในร้านหยกอวี้ฝู เหมือนอย่างที่พี่ไป๋พูดไว้ไม่มีผิด ร้านมีแนวโน้มไปทางที่ดีขึ้นจึงลอบดีใจอยู่ภายใน
ถึงกระนั้น นี่ก็คือผลลัพธ์ของความร่วมแรงร่วมใจของตัวเองและพี่ไป๋ แต่ทันทีที่ลูกจ้างในร้านเห็นหลินซือก็พากันเข้ามากล่าวทักทายด้วยความกระตือรือร้น
ตอนที่พวกเขาเข้ามาแรก ๆ ได้ถูกผู้จัดการกำชับสารพัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ความสำคัญกับเถ้าแก่ร้าน ร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่น เพราะเป็นร้านที่เปิดโดยสองคุณหนูผู้ร่ำรวย
เนื่องจากก่อนหน้านั้นไป๋หรูปิงมักจะมาร้านบ่อย ดังนั้นลูกจ้างในร้านจึงมักสนิทคุ้นเคยกับนาง
แม้ว่าหลินซือจะเคยเจอมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งมากนัก เพียงแค่คุ้นตาเท่านั้น
“คุณหนู ท่านมาแล้ว”
“อื้อ อาจารย์อวี้อวี้อยู่หรือไม่?”
“อาจารย์อวี้อวี้อยู่หลังร้านขอรับ”
“เจ้าไปทำงานเถอะ ข้าจะไปหาอาจารย์อวี้อวี้เสียหน่อย”
“ขอรับ” หลังจากกล่าวทักทายกับลูกจ้างเรียบร้อย หลินซือก็เดินเข้าไปหลังร้าน
แม้ว่าร้านหยกอวี้ฝูจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่หลินซือและไป๋หรูปิงก็มักจะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ประกอบกับความคิดเห็นของเจี่ยงเถิง การจัดวางโครงสร้างทั้งร้านจึงสมเหตุสมผลอย่างมาก
ลูกค้าที่เข้ามาจะไม่มีทางถลันเข้าไปหลังร้าน มีมาตรการคุ้มครองเหล่าช่างฝีมือเป็นอย่างดี
“อาจารย์อวี้อวี้ ไม่เจอกันตั้งนาน”
“อาซือมาแล้ว เจ้านั่งก่อนสิ เดี๋ยวข้าก็เสร็จแล้ว” หลินซือเดินเข้ามา อวี้อวี้กำลังแกะสลักกำไลหยกชิ้นหนึ่งอยู่พอดี แค่มองจากหางตาแวบเดียว ครั้นเห็นว่าเป็นหลินซือแล้วก็เบนสายตาทั้งหมดกลับมาบนหยกที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง
หลินซือเข้าใจนิสัยของอวี้อวี้ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
กระทั่งยกม้านั่งตัวหนึ่งออกมา เลื่อนมานั่งข้างกายของอวี้อวี้ แม้ว่านางจะไม่มีทักษะฝีมือเหมือนกับอาจารย์อวี้อวี้ แต่ก็อยากพันฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง
นางจำได้เสมอว่าแร่หยกที่นางเลือกไว้ก่อนออกเดินทางนั้นยังไม่ได้ลงมือทำ ต้องเรียนรู้เพิ่มอีกหน่อย ถึงตอนนั้นก็คงจะประดิษฐ์มันให้ดีกว่าเดิมก่อนมอบให้พี่อาเถิง
ในตอนที่กู้อันผิงนำหยกชิ้นนั้นมาให้อวี้อวี้นั้น เขาเห็นหลินซือพอดี
“คุณหนูหลิน”
“พี่ใหญ่กู้ พี่คุ้นชินกับที่นี่บ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
“คุ้นมากขึ้นแล้ว อาจารย์อวี้อวี้ดูแลข้าดีมาก” กู้อันผิงวางตัวหยกในมือลงโดยไร้เงื่อนไขใด ๆ จากนั้นก็ยกน้ำอ่างหนึ่งไปวางข้างกายของอวี้อวี้
เวลานี้ อวี้อวี้กำลังแกะสลักกำไลหยกอยู่พอดี จากนั้นก็วางมันลงในอ่างไม้สีน้ำตาลข้างตัวอย่างเบามือ
กำไลหยกได้ถูกชะล้างอยู่ในอ่างน้ำนั้น ทุกกระบวนการเสร็จสิ้นในคราวเดียว เห็นเพียงครั้งเดียวก็คุ้นชินกับวิธีการเช่นนี้แล้ว
คาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่กู้และอาจารย์อวี้อวี้จะเข้ากันได้ดีภายในระยะเวลาที่ตนไม่อยู่ หลินซือจึงรู้สึกวางใจ
ตอนแรกเป็นนางที่พยายามโน้มน้าวพี่ใหญ่กู้ลงจากเขา ดังนั้นในใจนางจึงกลัวมาตลอดว่าพี่ใหญ่กู้จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมข้างล่างไม่ได้ แต่ดูท่าเขาและอาจารย์อวี้อวี้จะอยู่ร่วมกันได้ดี
“เจ้ามาได้อย่างไร?” อวี้อวี้ล้างมือเสร็จก็เพิ่งเห็นหลินซือ ไม่เจอกันเสียตั้งนานดูเหมือนจะอ้วนขึ้นเล็กน้อยนะ
“ข้ามาดูพี่ใหญ่กู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และก็อยากมาปรึกษาหารือกับเจ้าเรื่องที่การจัดหาแร่หยกเสียหน่อยด้วย”
“ข้าสบายดี ขอบใจเจ้ามากคุณหนูหลิน ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป” ตอนนั้นกู้อันผิงรู้สึกว่าเจี่ยงเถิงและหลินซือกำลังเจอเรื่องลำบาก ตัวเองจึงออกแรงช่วย
ไฉนเลยจะคาดคิดว่าจะมีเรื่องอย่างในวันนี้ ดังนั้น หว่านสิ่งใดผลก็เป็นสิ่งนั้นล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว
“ไม่เป็นไร นี่คือสิ่งที่ข้าต้องทำ อีกอย่างพี่ใหญ่กู้ พี่ช่วยข้าไว้ตั้งมากมาย เรื่องที่ข้าทำล้วนเป็นเพียงเรื่องเล็กเท่านั้น ถ้าพี่มีสิ่งใดให้ข้าทำ ขอแค่ข้าทำได้ก็จะไม่ปฏิเสธ”
“ก็ว่าไป เดิมทีข้าไม่คิดอะไรอยู่แล้ว” กู้อันผิงไม่ใช่คนหวังผลตอบแทน มิเช่นนั้นตอนนั้นเขาคงไม่เป็นเช่นนี้หลังจากนางจากไป
หลังจากรอนางอยู่บนเขาเสียเนิ่นนาน บัดนี้ได้ลงเขามาแล้ว นับว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา
“อาซือ แร่หยกที่เจ้าพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร?” เมื่อเห็นทั้งสองคนรำลึกความหลังกัน อวี้อวี้ก็รีบตัดบทอย่างอดไม่ได้
เขาไม่ได้สนใจเรื่องของหลินซือและกู้ผิงอัน แต่ให้ความสนใจกับเรื่องของแร่หยกมากกว่า ถึงกระนั้นแร่หยกที่ดี พบเห็นได้ง่ายแต่ใช่ว่าจะครอบครองได้
ในเมื่อทำให้หลินซือมาหาเขาด้วยตัวเอง นั้นก็หมายความว่าหลินซือคิดว่าแร่หยกชิ้นนั้นไม่เลวเลย ถึงขั้นต้องมาขอคำปรึกษา
“คืออย่างนี้ ก่อนหน้านั้นข้าและพี่อาเถิงออกเดินทางด้วยกัน ระหว่างทางข้าคอยเฝ้าเสาะหาแร่หยกเสมอ พบว่าหมู่บ้านบนเขาที่ผ่านมานั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหยกมากมาย ข้าเห็นความวิจิตรมาบ้างแล้ว มั่นใจว่าไม่เลวเลย ดังนั้นจึงคิดจะมาถามอาจารย์อวี้อวี้ว่า ตอนนี้เราขาดแร่หยกบ้างหรือไม่?”
“หมู่บ้านบนเขาที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน?”
“ทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่นั่นเหมือนจะมีฝกตกชุก”
“ตะวันตกเฉียงใต้เป็นที่ที่เต็มไปด้วยหยกมากมาย แต่คุณภาพของหยกในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ไม่ใช่เพราะมีราคาถูก แต่ต้องมีการตรวจสอบอย่างดีถึงจะถูก”
“หยกของเราไม่พอแล้วใช่ไหม?”
“เรื่องนี้เจ้าคงไม่เข้าใจ เจ้าเคยเห็นร้านขายหยกแห่งไหนที่มีแร่หยกเองมากมายบ้าง? อีกทั้งแร่หยกที่แตกต่างกันสามารถทำเครื่องประดับได้แตกต่างกัน ต่อให้เป็นแค่เศษแร่ก็มีประโยชน์ทั้งนั้น”
“ข้าพาแร่หยกชิ้นหนึ่งกลับมาด้วย แต่มันค่อนข้างเล็ก อาจารย์อวี้อวี้ลองดูก่อน” จากนั้นก็ล่วงหยิบถุงผ้าออกมาจากใต้แขนเสื้อ เปิดถุงผ้าใบหน้าและเทใส่ฝ่ามือ สิ่งที่อยู่ในนั้นคือหยกที่เพิ่งตัดออกมา
หลังจากรับหยกนั้นไป ก็ตั้งใจตรวจสอบอย่างละเอียดครู่หนึ่ง แล้วหยิบขึ้นมาส่องผ่านแสงอาทิตย์อย่างละเอียดพร้อมกับลอบพึงพอใจในใจ
หลินซือจะไม่แกะสลักพร่ำเพรื่อ แต่สายตาในการมองของนั้นดีมากทีเดียว แร่หยกชิ้นนี้เป็นหยกจากภูเขาลึกที่หาได้ยากยิ่ง แม้แต่ร้านที่อยู่ตรงข้ามก็ไม่ค่อยพบเห็น
นี่คือการค้นพบสมบัติที่ใหญ่มากชิ้นหนึ่ง อีกทั้งหยกจากภูเขาลึกก็ยังมีคุณภาพดีมากอีกด้วย เขามองมันด้วยความหวั่นไหวอย่างมาก
“อาจารย์อวี้อวี้ เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดีมาก ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากไปดูด้วยตัวเอง”
“ไม่มีปัญหา ตอนข้าออกเดินทางข้าได้คุยกับผู้ใหญ่บ้านของที่นั่นไว้แล้ว ประเดี๋ยวข้าเขียนที่อยู่ให้เจ้า เจ้าไปด้วยตัวเองดีกว่า พี่ใหญ่กู้มีศิลปะการต่อสู้ยอดเยี่ยม มีเขาปกป้องเจ้าข้าก็วางใจ แต่เรื่องนี้ต้อคงต้องรบกวนพี่ใหญ่กู้เสียแล้ว” หลินซือรู้สึกเกรงใจ พี่ใหญ่กู้เพิ่งจะปรับตัวได้อย่างมั่นคง นางก็ให้พี่ใหญ่กูตามอวี้อวี้ไปอีกแล้ว
“รบกวนที่ไหนกัน ช่วยคุณหนูหลินได้ข้าก็ดีใจ อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูหลิน ข้ายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองจะไปอยู่ที่ไหน”
กู้ผิงอันไม่ใช่คนที่อกตัญญู ดังนั้นคำขอร้องของหลินซือ เขาตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย