ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 672 กระหม่อมจะไปส่งเหยาเอ้อหลางเดี๋ยวนี้
บทที่ 672 กระหม่อมจะไปส่งเหยาเอ้อหลางเดี๋ยวนี้
บทที่ 672 กระหม่อมจะไปส่งเหยาเอ้อหลางเดี๋ยวนี้
ซวีจ้าวหมดปัญญาเช่นกัน เหยาเอ้อหลางช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ตราบใดที่เขายังไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการก็จะตามก่อกวนไม่เลิกรา สุดท้ายจึงต้องประคองเหยาเอ้อหลาง แล้วพาเขาออกจากจวนหลินไป
“ได้ยินว่าเจ้าจะไปแล้ว?” หลังจากออกจากจวนหลิน เหยาเอ้อหลางก็สงบลง ราวกับว่าเรื่องที่เกิดเมื่อครู่เป็นเพียงความฝันก็มิปาน แต่ซวีจ้าวรู้ดีนั้นไม่ใช่ความฝัน
“อื้อ อีกเจ็ดวัน” ซวีจ้าวเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้
“จะกลับมาเมื่อไร?”
“ไม่รู้ บางทีอาจจะช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ไม่ก็สักสองสามปีหลังจากนั้น ใครเลยจะคาดเดาได้?” เรื่องการสู้รบแบบนี้ไม่มีใครกำหนดได้
ซวีจ้าวไม่รู้ว่าครานี้ตัวเองต้องไปนานเพียงใด แต่เขารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดี การได้อยู่กับเหยาเอ้อหลางทำเขามีความสุข จนแทบจะลืมไปว่าความรู้สึกของการออกรบเป็นอย่างไร
“งั้น…เจ้าต้องรักษาตัวให้ดี แล้วจะต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้จงได้”
“วางใจเถิด ชีวิตข้าไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำหรอก” กล่าวพลางตบบ่าของเหยาเอ้อหลางอย่างแผ่วเบา ซวีจ้าวยิ้มขณะเอ่ย เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความโล่งใจ
“ก็ได้ ถ้าจะเจ้าไป ข้าก็จะไม่ขวาง แต่วันนี้เจ้าจะไปเดินเล่นกับข้าได้หรือไม่?”
“ได้”
ทั้งสองคนเดินไปตามถนน หาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาคุยไปเรื่อย ซวีจ้าวเดินอยู่ด้านหลังของเหยาเอ้อหลางอย่างเชื่องช้า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกะทันหัน เขาจะได้โต้ตอบได้ทันเวลา
เหยาเอ้อหลางกวาดตามองกลุ่มคนที่เดินผ่านไปผ่านมา กระทั่งเห็นเด็กสาวแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีชมพูดคนหนึ่งหยุดยืนอยู่หน้าแผงขายของเหมือนกำลังซื้อบางอย่าง
คนผู้นี้ เขาช่างคุ้นหน้ายิ่งนัก ไม่ใช่ลู่เหยาแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้
ดังนั้นจึงย่างเท้าขึ้นหน้า เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าสตรีผู้นี้มีเสน่ห์อย่างไร ถึงทำให้องค์รัชทายาทมารังแกเอ้อเป่าเพื่อนาง ใส่ร้ายป้ายสีเอ้อเป่าเพื่อนาง
“เจ้าคือ?” ทันทีที่ลู่เหยาหมุนตัวกลับมาก็เจอกับบุรุษด้านหลังที่กำลังจังจ้องมายังตนอย่างไม่วางตา
นัยน์ตาคู่นั้นไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต้น้อย ราวกับว่าไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าคือลู่เหยาใช่หรือไม่?” เหยาเอ้อหลางไถ่ถามด้วยเสียงรายเรียบ นี่เป็นสาเหตุที่ซวีจ้าวไม่ขวางเหยาเอ้อหลาง เพราะเขาไม่รู้ว่าเหยาเอ้อหลางจะทำสิ่งใด
ตอนนี้ครั้นเห็นการกระทำของเหยาเอ้อหลางเป็นเช่นนี้ เขาจึงรีบรุดหน้าตามไป เตรียมจะลากเหยาเอ้อหลางออกไป
คนดื่มสุรา ไม่ว่าจะทำเรื่องอันใดหรือมีพฤติกรรมอย่างไร ล้วนแต่เป็นความคิดที่คนทั่วไปไม่มีวันเข้าใจ
“เจ้าคือใคร? จะทำสิ่งใด?” ลู่เหยาเห็นท่าทางที่ดูสูงส่งของเหยาเอ้อหลางก็พลันเกิดความกังวลในใจ กระทั่งถอยร่นไปด้านหลังหลายก้าวอย่างอดไม่ได้
“ข้าคือใคร? ข้าคือลูกพี่ลูกน้องของหลินซือ คุณหนูลู่น่าจะคุ้นหน้าบ้างกระมัง”
“พี่หลินซือ?” ลู่เหยามองท่าทางของเหยาเอ้อหลาง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถยกเขามาเทียบเคียงกับพี่หลินซือได้
ความรู้สึกที่พี่หลินซือทำให้ลู่เหยาสัมผัสได้คือความอบอุ่นอย่างหนึ่ง แต่เหยาเอ้อหลางตรงหน้ากลับทำให้ลู่เหยาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจนพูดไม่ออก เหมือนกับวินาทีต่อจากนั้นเขาจะระเบิดใส่นางแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“เหยาเอ้อหลาง เจ้าเมาแล้ว”
“ข้าไม่ได้เมา!” เดิมทีซวีจ้าวตั้งใจจะลากเหยาเอ้อหลางออกไป แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกเหยาเอ้อหลางสะบัดมือออก ครั้นเห็นเหยาเอ้อหลางไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ซวีจ้าวถึงกับปวดหัว
“คุณหนูลู่ ต้องขอประทานโทษด้วยจริง ๆ เหยาเอ้อหลางเมามาก ไว้ให้เขาสร่างเมาแล้ว ข้าจะให้เขานำของขวัญขอโทษมาให้เจ้า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เจ้าดูแลคุณชายเหยาดี ๆ เถอะ” ลู่เหยาส่ายหน้า เรื่องที่องค์รัชทายาทเข้าใจพี่หลินซือผิดในคราที่แล้ว นางก็ต้องขอโทษ ดังนั้นเรื่องที่เหยาเอ้อหลางทำเหล่านี้นางพอเข้าใจได้
แต่ก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง เพราะเหยาเอ้อหลางในเวลานี้ดูจะไม่ใช่คนที่ใครจะล่วงเกินได้ง่าย ๆ
กล่าวจบก็เตรียมจะให้สาวใช้พาออกไป แต่ใครเลยจะรู้ว่ายังไม่ทันเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกเหยาเอ้อหลางลากตัวกลับมา
“จะหนีรึ? ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้ ถ้าเจ้ายังไม่มาขอโทษน้องหญิงของข้า เรื่องนี้ไม่มีทางจบง่าย ๆ!”
“ข้าชักอยากเห็นแล้วสิว่าใครกันที่กล้าโวยวายเสียงดังเช่นนี้!” วันนี้เดิมทีองค์รัชทายาทตั้งใจเสด็จออกนอกวังมาเพื่อร่วมแสดงความยินดีในพิธีสมรสของหลินจื้อ ใครเลยจะรู้ว่าเพิ่งเดินได้เพียงครึ่งก้าวก็ถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวกลับ บอกว่ามีเรี่องจะหารือกับเขา
เขาจึงให้บ่าวรับใช้นำจดหมายไปส่งให้ลู่เหยา กว่าเขาจะได้ออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ดันต้องมาเห็นลู่เหยาถูกรังแกจนตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงบันดาลโทสะในใจ อยากรู้ว่าใครกันที่กล้ามารังแกลู่เหยา?
“กระหม่อมขอคารวะองค์รัชทายาท” เหยาเอ้อหลางและซวีจ้าวเห็นองค์รัชทายาท ก็รีบคุกเข่าทำความเคารพทันที เวลานี้อาการเมาของเหยาเอ้อหลางสร่างไปแล้วบางส่วน
“กระหม่อมน้อมคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ลุกขึ้นเถิด เหยาเอ้อหลาง เจ้าจะไม่อธิบายให้ข้าฟังหน่อยรึ ว่าเมื่อครู่เจ้าจะทำสิ่งใด?”
องค์รัชทายาทเห็นเหยาเอ้อหลางก็พลันฉุนเฉียวอีกครั้ง แม้ว่าเขาและเหยาเอ้อหลางจะไม่ได้สนิทกันมาก แต่ชื่อเสียงของเหยาเอ้อหลางในเมืองหลวงไม่ค่อยสู้ดีนัก
“กระหม่อม แค่อยากคุยกับคุณหนูลู่เท่านั้น หวังว่าองค์รัชทายาทจะไม่ถือสานะพ่ะย่ะค่ะ”
“คุย คุณหนูลู่เป็นถึงสตรีจากขุนนางชั้นสูง ไม่ค่อยมีสัมพันธ์กับชายนอก เจ้ารู้จักคุณหนูลู่ได้อย่างไร?”
“กระหม่อมไม่รู้จัก ดังนั้นจึงอยากทำความรู้จักสักหน่อย เรื่องนี้ซวีจ้าวเป็นพยานได้!”
เหยาเอ้อหลางมีไหวพริบว่องไว มีซวีจ้าวอยู่ ต่อให้ถูกกล่าวหาอะไร องค์รัชทายาทไม่กล้าทำอันใดเขาก่อนได้รับอนุญาตแน่นอน ถึงอย่างไรซวีจ้าวก็เป็นทหารกองหน้าที่องค์จักรพรรดิทรงเลือกเองกับมือ
“ซวีจ้าว ที่เหยาเอ้อหลางพูดเป็นความจริงใช่หรือไม่?” องค์รัชทายาทมองซวีจ้าวด้วยสายตาคาดคั้นมาก
แม้ว่าเขาและซวีจ้าวจะไม่สนิทกัน แต่เสด็จพ่อก็มักจะชื่นชมซวีจ้าวต่อหน้าเขาเสมอ ดังนั้นในใจของเขาซวีจ้าวนับว่าเชื่อถือได้ แต่แค่ไม่รู้ว่าซวีจ้าวผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับเหยาเอ้อหลางอย่างไร
“กระหม่อม…”
“องค์รัชทายาท คุณชายเหยาพูดความจริงเพคะ หม่อมฉันแค่ตกใจไปหน่อยเท่านั้น จึงได้เกิดความกลัวขึ้น ซึ่งหม่อมฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณชายเหยาทั้งสิ้นเพคะ”
ยังไม่ทันที่ซวีจ้าวจะเอ่ย ลู่เหยาก็ชิงพูดเสียก่อน
คราที่แล้วเพราะนาง องค์รัชทายาทจึงทรงเข้าใจพี่หลินซือผิดไป ตอนนี้นางก็ควรเปลี่ยนรูปแบบมิตรภาพกับพี่หลินซือเสียที
อีกอย่าง แม้ว่าคุณชายเหยาจะแสดงท่าทีโหดร้ายเมื่อครู่ แต่กลับไม่เคยทำให้นางต้องบาดเจ็บแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ลู่เหยาจึงได้รู้ว่าเหยาเอ้อหลางตั้งใจทำให้นางตกใจกลัวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายนาง
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ก็แล้วไป” องค์รัชทายาทมองลู่เหยาด้วยความสงสัย สุดท้ายก็ปล่อยวางลง
ถึงอย่างไรลู่เหยาก็เป็นสตรี ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไป คงไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของลู่เหยาแน่
แต่เหยาเอ้อหลางแค่ถูกหัวเราะเยาะไปทั่วทั้งเมืองหลวงเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปก็ถูกลืมเลือน นี่คือความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
“ในเมื่อเมาแล้วก็ควรรีบกลับเรือนเสีย อย่าออกมาเดินเตร่ข้างนอก วันนี้เจ้าเจอข้า ถ้าพรุ่งนี้เจ้าเจอเสด็จพ่อของข้า ข้าว่าชีวิตของเจ้าคงจบเห่แน่!” องค์รัชทายาทเอ่ยกับเหยาเอ้อหลาง ซึ่งงไปด้วยความรุนแรงที่ใคร ๆ ต่างก็ฟังออก
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปส่งเหยาเอ้อหลางเดี๋ยวนี้”
ซวีจ้าวมองลู่เหยาด้วยความซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะนางช่วยแก้ต่างให้ เขาคงไม่รู้เช่นกันว่าจะต้องทำอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซวีจ้าวไปรบอย่างนี้ เอ้อหลางคิดถึงแย่เลย
ไหหม่า(海馬)