ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 677 เด็กคนนี้ ไม่ว่ายังก็ไม่ยอมเชื่อฟัง
บทที่ 677 เด็กคนนี้ ไม่ว่ายังก็ไม่ยอมเชื่อฟัง
บทที่ 677 เด็กคนนี้ ไม่ว่ายังก็ไม่ยอมเชื่อฟัง
“เหยาเอ้อหลาง! เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ จะไม่เชื่อฟังพ่อกับแม่แล้วใช่หรือไม่?”
เหยาเฉาคว้าแส้มาฟาดเขา สะใภ้รองเหยาพูดแต่ความผิดของลูกชายอยู่ข้างหูของเขาไม่มีหยุด
สะใภ้รองเหยาให้แม่สื่อพาสตรีมาดูตัวถึงในจวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหยาเอ้อหลางไม่เพียงแต่ไม่ยอม ทั้งยังไม่พูดด้วย
สตรีที่มาเยือนถึงจวนทุกคน ถูกเขาหักหน้าอย่างไม่เหลือชิ้นดี เพื่อนบ้านในละแวกนี้ต่างไม่กล้าส่งบุตรสาวของตัวเองมายังจวนเหยาอีกแล้ว
“เจ้ายังกล้าทำลายประเพณีของตระกูลจนป่นปี้!”
แส้ในมือของเหยาเฉาฟาดลงมาบนตัวของลูกชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหยาเอ้อหลางยังทนยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้านิ่งสงบ
สุดท้ายสะใภ้รองเหยาก็ทนดูต่อไปไม่ได้ วิ่งรุดหน้าเข้าไปแยกตัวสองพ่อลูกออกจากกัน
สะใภ้รองถลึงตาใส่เหยาเฉาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ลากตัวเหยาเอ้อหลางและเอ่ยโน้มน้าวใจ
“เอ้อหลาง เจ้ายอม ๆ พ่อเจ้าไปเถอะ คราวต่อไปเจ้าก็ต้อนรับพวกนางดี ๆ อย่าทำเสียเรื่องอีก”
ครั้นได้ยินมารดาโน้มน้าวตนเช่นนี้ สีหน้าของเหยาเอ้อหลางก็เปลี่ยนไป เขามองไปทางบิดาและมารดา กระทั่งคิดว่าการกระทำของพวกเขานั้นผิด
เขาไม่คิดว่าตัวเองทำผิดตรงไหน เหยาเอ้อหลางยืดตัวตรง และยังคงทำตัวดื้อรั้นกับเหยาเฉาต่อไป
“ข้าไม่ผิด ข้าไม่อยากแต่งสะใภ้ อยู่คนเดียวมันก็ดีอยู่แล้ว!”
เหยาเฉาเคืองโกรธกับสิ่งที่เหยาเอ้อหลางโพล่งออกมา แส้ที่เพิ่งใช้หวดเหยาเอ้อหลางเมื่อครู่คงไร้ประโยชน์
เด็กคนนี้ไม่เชื่อฟังคำตักเตือน เหยาเฉาจึงเบิกตากว้างจ้องเขม็งไปยังลูกชายที่ไม่เอาถ่านคนนี้อย่างโกรธเคือง ถึงวัยอันสมควรก็ยังไม่คว้าโอกาส ทำเอาสองสามีภรรยาอย่างพวกเขาร้อนใจยิ่งนัก
“วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ยอมศิโรราบให้จงได้ ทำไมตระกูลเหยาถึงได้มีลูกชายที่ไร้น้ำยาเช่นนี้!”
เสื้อผ้าของเอ้อหลางถูกแส้ฟาดจนขาดรุ่งริ่ง แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมศิโรราบ
สะใภ้รองเหยาปวดใจมากที่เห็นลูกชายถูกฟาดเช่นนี้ ถึงขนาดรุดหน้าเข้าไปขวางเหยาเอ้อหลางแล้วส่งสายตาไปยังเหยาเฉา
“พอแล้ว! ขืนฟาดลูกอีกมีหวังขาดใจตายแน่”
ในช่วงเวลาที่สำคัญ ในใจของสะใภ้รองเหยายังคงมีแต่เหยาเอ้อหลาง
เหยาเอ้อหลางผลักมารดาของตนออก เก็บความอวดดีถือตัว แล้วแสดงความจริงใจต่อหน้าเหยาเฉา
“ท่านพ่อ วันนี้ท่านเปลืองน้ำลายเสียเปล่า ๆ เพราะข้าไม่มีทางไปเจอแม่นางพวกนั้นแน่นอน ข้าไม่ชอบพวกนาง”
ในเรื่องความรู้สึก เอ้อหลางมักจะถูกสะใภ้รองเหยาดุว่าหัวรั้นเสมอ ในช่วงเวลาที่สำคัญเขาก็ยังตีกรอบในใจ
ออกเรือนต้องเกิดจากความชื่นชอบ มิเช่นนั้นคงรักษาสัจจะไม่ได้
“ได้! เจ้ามันหัวรั้นยิ่งนัก ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะหัวรั้นไปได้สักกี่น้ำ นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้าไม่ต้องออกไปทำงานอีก และไม่ต้องคิดจะไปสูดอากาศข้างนอกเด็ดขาด เจ้าต้องถูกขังสำนึกผิดบาปของตัวเองอยู่ในจวน!”
เหยาเฉาโกรธเคืองจนลั่นคำสั่งไปทั้งจวน ไม่อนุญาตให้เหยาเอ้อหลางออกไป ห้ามใครฝ่าฝืนกฎระเบียบ
สะใภ้รองทำได้แค่คล้อยตามคำพูดของเหยาเฉา บางทีในตอนที่ถูกกักตัวเพียงช่วงเวลาหนึ่ง เอ้อหลางอาจจะเข้าใจเจตนารมณ์ของพวกเขาจริง ๆ ก็ได้
สะใภ้รองเหยามองไปทางเหยาเฉาที่ดูจนปัญญาอย่างหวั่นใจ “เจ้าทำเสียเรื่องหมดเลย ไม่รู้จักเรียนรู้ เจ้าจะหน้าด้านหน้าทนไปถึงไหน!”
เหยาเฉาถึงกับพูดไม่ออก เขาก็ชำเลืองมองไปยังบาดแผลบนตัวของลูกชายด้วยความปวดใจ
“เอ้อหลาง เจ้าบอกมาสิมันคุ้มไหม สู่ขอสะใภ้กลับจวนคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไม่ใช่รึ?”
“ก่อนหน้านั้น แม่นางตระกูลหลี่ผู้ผดุงความยุติธรรมผู้นั้น สนใจในตัวเจ้า แต่เจ้ากลับทำให้นางไม่อยากสนใจในตัวเจ้าอีก หนำซ้ำยังพูดจามะนาวไม่มีน้ำ นางวิ่งกลับจวนไปร้องไห้อยู่สามวัน พ่อแม่ของนางไปรายงานพ่อของเจ้าถึงที่นั่น”
เหยาเอ้อหลางไม่ใส่ใจ คนที่เขาไม่ชอบต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่มีความหมายต่อใจของเขา
“ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องพูดมากความ ข้าไม่สู่ขอใครเข้ามาตามใจชอบทั้งนั้น ถ้าพวกท่านอยากได้แม่นางจริง ๆ เหตุใดท่านถึงไม่ให้ท่านพ่อสู่ขอเพิ่มอีกคนละขอรับ?”
“เหลวไหล! ดูท่าที่พ่อเจ้าขังเจ้าไว้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เจ้าคิดทบทวนให้ดี ๆ อย่าได้หลงเดินทางผิด”
สะใภ้รองเหยาโกรธเคืองกับคำพูดที่เหยาเอ้อหลางโพล่งออกมา ระหว่างทางกลับห้องได้บังเอิญชนเข้ากับต้าหลางพอดี
ต้าหลางเห็นสะใภ้รองเหยาขุ่นเคืองใจ จึงซักถามเหตุผลทันที “เกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
“นับแต่นี้ต่อไป ห้ามน้องชายเจ้าออกจากจวน ต้องถูกขังให้สำนึกผิดบาปของตัวเองอยู่ในจวน และทบทวนเรื่องสู่ขอสะใภ้ให้ชัดเจน”
เขามองไปยังเหยาเอ้อหลางด้วยความเห็นใจ สายตาของสะใภ้รองเหยาและเหยาเฉาเบนมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวที่เขา ด้วยความขัดแย้งกัน
เหยาต้าหลางเดินมาข้างกายเหยาเอ้อหลาง กระทั่งเห็นบาดแผลตามตัวของเขา
“นี่มันอะไรกัน? ต่อต้านพ่อของเจ้า สุดท้ายคนที่เสียเปรียบก็มีแต่เจ้า”
“พวกเขาบังคับให้ข้าสู่ขอสตรีที่ข้าไม่ได้ชมชอบ ทั้งยังก็ขังข้าไม่อนุญาตให้ออกไปข้างนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านพ่อเชื่อฟังท่านแม่เป็นที่สุด ท่านอาเสี่ยวเวยไม่อยู่ ซวีจ้าวก็ไม่อยู่”
ทำไมใครต่อใครถึงได้วิ่งหนีเขากลับจวนไปหมด
ยิ่งพูดเหยาเอ้อหลางก็ยิ่งโกรธเคือง เขาทนรับความไม่เป็นธรรมไม่ได้ จึงยิ่งอยากหนีออกไป
เหยาต้าหลางเป็นพี่ใหญ่ที่อ่านความคิดของเหยาเอ้อหลางออก “อย่าทำการบุ่มบ่าม ศักยภาพพ่อของเจ้า เจ้าเองก็รู้ดี เจ้าหนีไม่พ้นหรอก”
“แล้วข้าต้องทนถูกขังอยู่ที่นี่ รอให้พวกเขาจัดหาสตรีมากมายเหล่านั้นมาให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เจ้าอย่าต่อต้านพ่อเจ้าดีกว่า พวกเขาจัดหาสตรีมาให้เจ้าได้เจอกันก็ถูกแล้ว ไม่ชอบก็ถอย ไม่มีใครบีบบังคับให้เจ้าต้องสู่ขอ แค่ยอมไปตามน้ำเท่านั้น”
เหยาต้าหลางพยายามโน้มน้าวใจ เหยาเอ้อหลางยังคงหงุดหงิดอยู่ในใจ ครานี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถผ่านไปได้
“ท่านพี่ ท่านว่าข้าหนีออกจากจวนไปเลยเป็นอย่างไร?”
“ทั้งเมืองเต็มไปด้วยทหารและสายลับของเมืองจิงจ้าว เจ้าจะไปที่ใด?”
การหนีออกไปเป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้น พวกเขาสองพี่น้องคนหนึ่งก็เป็นเจ้ากรมเมืองจิงจ้าว เป็นบุตรชายของเหยาเฉา อีกคนก็เป็นเศรษฐี มีชื่อเสียงเลื่องลื่อ หนีไปไหนไม่พ้น
“เอาล่ะ เวลานี้เจ้าอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังไปก่อน อย่าคิดก่อเรื่องเด็ดขาด พ่อเจ้ายังไม่คลายความโกรธลง”
เหยาต้าหลางเข้าใจนิสัยของเอ้อหลางดีว่าเขาปากแข็งเป็นที่สุด ทำได้แค่ให้เขาทำความเข้าใจด้วยตัวเอง
เหยาเอ้อหลางเห็นพี่ใหญ่เข้าออกจวนได้อย่างอิสระ ความหวังที่ฉายวาบอยู่ในดวงตาคู่นั้นชัดเจนมาก ความคิดหลบหนีในใจก็ยิ่งทวีคูณขึ้น
เขาวางแผนบางอย่างในใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้องตัวเอง เริ่มเก็บข้าวของ รอช่วงเวลาที่เงียบสงบในยามวิกาล
ดวงจันทร์ไต่ระดับขึ้นเหนือศีรษะ เหยาเอ้อหลางแบกสัมภาระที่เก็บไว้เรียบร้อยแล้วของตัวเขาขึ้นหลัง เตรียมหลบหนี
เพิ่งจะไต่บันไดไม้ขึ้นไปไม่นาน เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นด้านหลัง
“เหยาเอ้อหลาง! ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องเก่งกล้า ไม่มีใครสั่งใครสอนรึไง? ลงมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงของสะใภ้รองเหยาดังฝ่าอากาศออกไป เหล่าคนรับใช้ได้ยินเสียงของนายหญิงก็ทยอยกันรุดหน้าเข้าไปจับบันไดไม้ไว้
เหยาเอ้อหลางจึงต้องลงจากบันไดไม้นั้น หกคะมำตีลังกา จนไม่กล้าขยับ
“ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องเจ็บแล้วไม่จำ ตอนนี้ยังกล้าสร้างเรื่องที่ไม่รู้จักกาลเทศะอีก! ดีนะที่ยังไม่มีใครเห็น ไม่อย่างนั้นหน้าของข้าคงถูกเจ้ายำเละไม่เหลือชิ้นดีแน่นอน!”
“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่!”
เหยาเอ้อหลางอยากออกไปแสวงหาความอิสระ แม้แต่หมาในจวนจะเข้าออกจวนได้อย่างอิสระเลย เขาเป็นคนมีจิตใจแต่กลับไม่สามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้
“ต่อให้เจ้าพลิกฟ้า! วันนี้ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ เจ้าไม่รู้จักคำว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำสินะ”
นางคว้าไม้ตะบองข้างกำแพงขึ้นมา แล้วฟาดใส่เหยาเอ้อหลางอย่างรุนแรง จนเอ้อหลางร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บปวด
สุดท้ายก็ถูกคนรับใช้แบกกลับเข้าห้อง
หลังจากสะใภ้รองเหยาฟาดสั่งสอนลูกชายเสร็จก็อดปวดใจไม่ได้ เดินเข้ามาโน้มน้าวในห้อง
“เจ้าบอกมาสิว่าเจ้าเรียนไม่เก่งตรงไหน กล้าปีกำแพง เด็กคนนี้โน้มน้าวอย่างไรก็ไม่ฟังใช่ไหม?”
“ข้าไม่อยากถูกพวกท่านขังไว้เช่นนี้!”
ครั้นเหยาเอ้อหลางกล่าวจบ ความต่อต้านในใจก็ยิ่งทวีคูณ