ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 678 เจี่ยงเถิงเป็นตัวแทนของตระกูลเจี่ยงมาถอนหมั้นใช่ไหม
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม
- บทที่ 678 เจี่ยงเถิงเป็นตัวแทนของตระกูลเจี่ยงมาถอนหมั้นใช่ไหม
บทที่ 678 เจี่ยงเถิงเป็นตัวแทนของตระกูลเจี่ยงมาถอนหมั้นใช่ไหม?
บทที่ 678 เจี่ยงเถิงเป็นตัวแทนของตระกูลเจี่ยงมาถอนหมั้นใช่ไหม?
“ฮัดชิ่ว!”
หลินซือขยี้จมูก ก่อนจะโบกมือสะบัดใส่ช่างเย็บผ้าในจวนอย่างเบื่อหน่าย
มารดาและบิดาของตนออกไปท่องเที่ยวอีกแล้ว ทิ้งนางและหลินจื้อให้อยู่เฝ้าจวน
ก่อนเหยาซูออกเดินทาง นางได้กำชับให้หลินซือเรียนรู้งานจากช่างเย็บผ้า จะได้ไม่ถูกครอบครัวแม่สามีรังเกียจยามไปอยู่จวนเจี่ยงในอนาคต
หลินจื้อกลับมาจากสำนักบัณฑิตฮั่นหลิน ครั้นเห็นน้องสาวของตนเย็บปักถักร้อย เขาก็แทบผงะ
“ข้าไม่กลับจวนนานเกินไป เลยกลับผิดจวนใช่หรือไม่?”
“ท่านพูดอะไรของท่าน? อ๊า!”
เพราะเหตุนี้ หลินซือเลยโดนเข็มตำนิ้วไปรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ นางรีบเอานิ้วเข้าปากอย่างรวดเร็ว
นางปรายตาขึ้นและจ้องเขม็งไปยังหลินจื้อด้วยความฉุนโกรธ “สำนักบัณฑิตฮั่นไม่มีอะไรทำหรือไร?”
“ที่ไหนกันเล่า ข้าแค่ไม่ได้กลับจวนนานแล้ว เลยจะกลับมาเยี่ยมเยือนเสียหน่อย ครานี้ได้กลับมาเห็นน้องสาวกำลังทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากยิ่ง”
หลินซือและหลินจื้อเป็นผู้ที่อดทนต่อความยากลำบาก ซึ่งแรงงานเหล่านี้ล้วนแต่ต้องพึ่งพากายภาพทั้งนั้น
สำหรับงานเย็บปักถักร้อย หลินซือไม่ถนัดโดยแท้จริง
นางคิดว่านางจะปักเป็นรูปเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง แต่ปักไปปักมากลับกลายเป็นรูปร่างนี้เสียได้
หลินจื้อเพิ่งกลับถึงจวนได้ไม่นาน หลินซือก็เรียกเขาให้มาช่วยดูทันที
“ท่านพี่ มาดูฝีมือของข้าสิ ช่วยดูหน่อยว่าต้องแก้ตรงไหนบ้าง”
หลินจื้อยื่นหน้าเข้าไปดู จนเห็นรูปร่างที่สู้ไม่ปักเสียยังดีกว่า ขืนส่งรูปร่างเช่นนี้ไป เกรงว่าตระกูลเจี่ยงคงได้ถอนหมั้นแน่นอน
เขามองหลินซือด้วยท่าทีลำบากใจ หลินซือนั้นเฉลียวฉลาด เลยบ่นพึมพำออกไปอย่างอดไม่ได้ “ตรงไหนไม่สวยท่านพี่ก็พูดกับข้าสิ ไม่ต้องมาทำท่าทีแบบนี้ มันทำให้ข้ายิ่งกระวนกระวายใจ”
หลินจื้อรับงานปักมาจากมือของหลินซือ แล้วมองพิจารณาอย่างจริงจัง
“อาซือ ฝีมือเย็บปักของเจ้าชนะใจเจ้าได้ แต่รูปร่างเช่นนี้อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่เจ้าก็ยังดูไม่ออกว่ามันคือรูปอะไร เกรงว่าคุณชายตระกูลเจี่ยงคงดูไม่ออกเช่นกัน!”
เขาตั้งใจโจมตีฝีมือการเย็บปักของหลินซืออย่างเปิดเผย จากคำพูดของหลินจื้อ นางจึงมองมันอย่างจริงจังอีกครั้ง จนมั่นใจว่ามันไม่เหมือนกับเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งจริง ๆ
แต่ดาบที่ดึงออกจากฝักแล้ว นางคงล้มเลิกกลางคันไม่ได้ นั้นไม่ใช่นิสัยของหลินซือ
หลินซือหงุดหงิดงุ่นง่านในใจ “ทำอย่างไรดี ถ้าที่ท่านแม่กล่าวนั้นถูกต้อง เจี่ยงเถิงจะต้องรังเกียจฝีมือของข้า ถ้าเขาถอนหมั้นกลางคันจะทำอย่างไรดี?”
“ใครบอก”
เสียงของเจี่ยงเถิงดังขยายมาจากหน้าประตู หลินซือรีบวางผ้าปักที่อยู่ในมือลงแล้ววิ่งไปตรงหน้าของเขา
หลินจื้อทอดถอนใจเหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจหนึ่งเสียง น้องสาวของตนชักควบคุมยากเข้าไปทุกที ครั้นเห็นชายหนุ่มที่ตนหลงรักก็ปรี่เข้าไปหาเองก่อนทันที
เกรงว่าต่อไปในสมองของนางคงลืมบ้านเกิดไปแล้ว
“เจี่ยงเถิง ข่าวที่พวกเจ้าสองคนหมั้นหมายกันเพิ่งแพร่กระจายออกไป แม้จะบอกว่าเป็นสามีภรรยาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่การเข้าออกจวนข้าได้อย่างอิสระ ดูไม่เหมาะสมเกินไปกระมัง?”
ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็ยังไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ หากถูกคนที่มุ่งร้ายนำไปนินทา สุดท้ายย่อมไม่เป็นผลดีต่อน้องสาวของตน
นี่คือเรื่องที่หลินจื้อเป็นกังวลมาก
ใบหน้าของเจี่ยงเถิงแย้มยิ้ม นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววตาอ่อนโยนที่มีต่อหลินซือ
“นางคือภรรยาในอนาคตของข้า สามีมาเยี่ยมเยือนฮูหยิน ไม่ได้รึ?”
ประโยคนี้ของเจี่ยงเถิงสมเหตุสมผล ทำให้หลินจื้อโต้แย้งไม่ได้ ครั้นเขาเห็นทั้งสองคนแสดงความรู้สึกดี ๆ ให้กันก็ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ได้ ข้าไม่เพิ่มปัญหาให้พวกเจ้าสองคนหรอก ข้าแค่บอกว่าก่อนเจ้าแต่งงาน ช่วยมาเยือนจวนของข้าให้น้อยลงหน่อยได้หรือไม่ ยับยั้งชั่งใจเสียหน่อย”
ในจวนมีแค่พวกเขาสองคน หลินซือเงยหน้ามองเจี่ยงเถิง ใบหน้าของสาวน้อยแต้มรอยยิ้มอย่างไม่อาจปิดบังได้
“พี่เจี่ยง ได้เจอท่านข้าก็ดีใจ วันนี้ท่านทำงานเสร็จแล้วรึเจ้าคะ?”
เจี่ยงเถิงรับหน้าที่ดูแลการเข้าออกของเกลือทั้งเมือง ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วหนักหนาเอาการ วัตถุดิบจำพวกเกลือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ทุกครัวเรือนจำเป็นต้องมี
เขาจึงเจียดเวลาว่างจากงานมาดูสถานการณ์ในช่วงนี้ของสาวน้อยบ้าง ทันทีที่ก้าวเข้ามาในจวนก็เห็นสาวน้อยกำลังตั้งใจเย็บปักพอดี
เพียงแต่รูปแบบนี้ เขาเดาไม่ออกจริง ๆ
“ว่าแต่เจ้าปักเป็นรูปอะไรรึ?”
ความหวังของหลินซือถูกเผาลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง คิดว่าเจี่ยงเถิงจะเดาออก สุดท้ายก็เป็นดังที่พี่ชายของตนกล่าวไว้ เจี่ยงเถิงเดาไม่ออกเช่นกัน
นางกระตุกยิ้ม แล้วเลื่อนผ้าปักนั้นมาตรงหน้าของเจี่ยงเถิง
“นี่คือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ท่านเป็นถึงขุนนางฝ่ายเกลือ ท่านจะต้องร่ำรวยเป็นเศรษฐีแน่นอน”
ครั้นได้ยินวิธีการพูดของหลินซือ เจี่ยงเถิงก็คลี่ยิ้ม แค่รู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
เขาเล่นผมของหลินซือ “ข้าคือขุนนางฝ่ายเกลือ เจ้าเห็นขุนนางที่ร่ำรวยผู้ใดบ้างมีจุดจบที่ดี?”
หลินซือครุ่นคิดตามคำพูดของเจี่ยงเถิง สุดท้ายก็พบว่าเขาพูดถูก จึงได้แต่มองผ้าปักตรงหน้าอย่างผิดหวัง
“เช่นนั้นข้าก็ปักโดยเปล่าประโยชน์น่ะสิ?”
“จะเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร? เจ้าทำดีมากแล้ว ข้าชอบมาก”
หลินซือมองความผสมผสานบนงานปักด้วยความหงุดหงิดใจ เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงเถิงคนนี้กำลังพูดเอาใจนาง
สาวน้อยนึกถึงตรงนี้แล้วพูดไม่ออก ตรงกันข้ามกลับแสดงท่าทีกระบิดกระบวน
เจี่ยงเถิงจับใบหน้าของนาง “ว่าแต่เจ้าเถอะ เหตุใดถึงดูไม่มีความสุขเลยเล่า? ข้าบอกแล้วไงว่าข้าชอบมาก”
“แต่ท่านเป็นขุนนาง จะรวยไม่ได้”
ชายหนุ่มหยิกแก้มของนาง เหมือนจะหยอกเย้านาง ไม่ได้ยินสิ่งที่สาวน้อยจอมอ้วนคนนี้พูดแต่อย่างใด
ประโยคนี้กลับตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา ทำให้ยิ่งมองก็ยิ่งรักใคร่
“ไม่ว่าเจ้าจะปักเป็นรูปอะไร มันคือความโชคดีของข้า ทำไมข้าจะไม่ชอบเล่า?”
ครั้นสิ้นสุดเสียง คำพูดของเจี่ยงเถิงก็ดังขึ้น “ถ้าเจ้าบอกว่าเป็นฮูหยินของผู้อื่น แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้คิดมากเช่นนี้ล่ะ?”
“ก็เพราะข้าใส่ใจท่านไม่ใช่หรือไร มิเช่นนั้นข้าคงคิดถึงชายตระกูลอื่นไปนานแล้ว”
“เจ้ากล้าหรือ?”
เจี่ยงเถิงออกแรงมากขึ้นระหว่างที่เอ่ย เพราะไม่อยากให้นางนึกถึงชายอื่น
ในใจของหลินซือรู้ถึงความหอมหวาน ที่แท้ความรักระหว่างชายหญิง มันช่างงดงามเช่นนี้นี่เอง นี่คือความสุขที่ทำให้นางได้ลิ้มลอง
“ก่อนหน้านั้น ข้ามีเรื่องอยากหารือกับเจ้า”
เดิมทีเจี่ยงเถิงตั้งใจมาเยี่ยมเหยาซู แต่ปรากฏว่าเหยาซูถือโอกาสช่วงที่งานแต่งของหลินซือยังไม่ได้กำหนดพิธีรีตอง ออกไปท่องโลกกว้างกับหลินเหรา
ตอนนี้ทำได้แค่คุยเรื่องทั่วไปเท่านั้น สีหน้าของเจี่ยงเถิงดูจริงจังมาก ทำให้หลินซือเกิดความกังวลในใจ
หรือว่าเพราะงานฝีมือของนางไม่ดีพอ เจี่ยงเถิงจึงต้องการถอนหมั้นแทนตระกูลเจี่ยง?
ครั้นเห็นนางดูเป็นกังวล เจี่ยงเถิงก็บี้จมูกของนางอย่างแผ่วเบา
“เจ้าเด็กน้อย วันทั้งวันในสมองของเจ้ามีอะไรบ้าง ถึงได้ชอบคิดมั่วซั่ว คิดสิ่งใดมักแสดงออกทางสีหน้า โกหกใครไม่ได้เลยสักนิด”
หลินซือสูดจมูกอย่างรู้สึกผิด แม้แต่มารดาก็เอ่ยเช่นนี้ บอกว่านางใจดีเกินไป ไม่ว่าจะคิดสิ่งใดก็มักจะแสดงออกทางสีหน้าเสมอ
สายตาของนางยังคงฉายแววคาดหวัง เพราะอยากรู้เรื่องที่เจี่ยงเถิงกล่าวถึง กลัวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการแต่งงาน
ครั้นเห็นเจี่ยงเถิงลูบศีรษะของสาวน้อย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พิธีแต่งงานของเราอาจจะต้องเลื่อนออกไปก่อน”
เดิมทีวันที่ทั้งสองตระกูลกำหนดไว้คือวันมงคลที่ไหว้วานให้ผู้อื่นช่วยคำนวณให้ ตอนนี้เจี่ยงเถิงกลับเปลี่ยนวันกะทันหัน ทำให้หลินซือคิดเพ้อเจ้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“บอกแล้วอย่างไรว่าห้ามคิดมั่วซั่ว เนื่องจากโรงเกลือเกิดปัญหา เลยเกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด ในฐานะที่เป็นขุนนางฝ่ายเกลือข้าต้องตรวจสอบหาความจริงด้วยตัวเอง เรื่องนี้ข้าไม่วางใจมอบหมายให้ใครจัดการ”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง เช่นนั้นข้าจะรอท่านอย่างว่าง่าย”
“เช่นนั้นเจ้าต้องปักรูปเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งรอข้า วันที่ข้ากลับมาเจ้าต้องให้ถุงหอมที่เจ้าปักมันด้วยตัวเองกับข้า ต่อไปยามข้าออกไปข้างนอก จะได้มีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอด”
นัยน์ตาของหลินซือเปล่งประกายระยิบระยับ นางเฝ้ารอวันที่เจี่ยงเถิงกลับมา เฝ้ารอวันที่ตัวเองปักรูปเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งให้กับเจี่ยงเถิงด้วยตนเองจนสำเร็จ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลินซือเด็กแสบคนนี้จะปักผ้าออกมารอดไหมนะ
ไหหม่า (海馬)