ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 68 ท่านอาเขยดื่มเหล้าได้มากน้อยแค่ไหน
บทที่ 68 ท่านอาเขยดื่มเหล้าได้มากน้อยแค่ไหน?
เอ้อหลางกระซิบกระซาบกับต้าหลาง “เจ้าว่าท่านอาเขยดื่มเหล้าได้มากน้อยเพียงใด”
ต้าหลางจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว เขากำลังคิดถึงรังนกที่ยังไม่ได้หยิบไข่ออกมาในตอนเช้า เขาขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “จะสนใจเรื่องนี้ทำไม…”
“โธ่เอ๋ยเจ้าโง่ หากลุงใหญ่กับพ่อของข้าเมาในตอนเที่ยง ตอนบ่ายพวกเราก็เป็นอิสระแล้วไม่ใช่หรือ!”
ต้าหลางร้อง ‘อ้อ’ ออกมา เดิมทีเขาก็เขียนอักษรเสร็จแล้ว ทว่ายังเหลือท่องหนังสืออีกอย่าง ตอนบ่ายอยากทำอะไรก็ทำ แต่เขายังคงวิเคราะห์กับลูกพี่ลูกน้องของเขาว่า “ท่านอาเขยดูเหมือนจะไม่ค่อยพูด เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง และดูน่ากลัวเล็กน้อย คนประเภทนี้มักจะดื่มไม่เก่ง”
เอ้อหลางได้ยินจึงโต้ว่า “อย่างนั้นเรียกว่าสุขุม! มีความสง่างามของคนเป็นแม่ทัพ มิเช่นนั้นจะควบคุมลูกน้องได้อย่างไร จะสู้พวกเซียงหนูได้อย่างไร”
ต้าหลางมองไปที่หลินเหราอย่างไม่ตั้งใจพักใหญ่ก่อนสรุปว่า “ข้าว่าท่านอาเขยอาจดื่มไม่เก่งเท่าท่านพ่อของข้าและท่านพ่อของเจ้า”
เหยาซูและพี่ชายทั้งสองก็คิดเช่นเดียวกัน
เหยาเฟิงดื่มสุราค่อนข้างเก่ง เหยาเฉาสามารถดื่มได้เช่นกัน ทว่าดื่มได้ไม่ค่อยมากนักก็หน้าแดงเสียก่อนแล้ว
ในยามที่เหยาเฉาดื่มกับผู้อื่นข้างนอก เขาจะพยายามปลอมเป็นหมูที่กินเสือ
ในวันที่หลินเหราและเหยาซูแต่งงานกัน สองพี่น้องเคยดื่มเหล้ากับน้องเขย พวกเขาเพียงแค่รู้สึกเป็นกังวล ทว่าไม่ได้ล้มเลิกการดื่มเหล้า
ครั้งนี้เหยาเฉาไม่คิดจะปล่อยหลินเหราไปอย่างง่ายดาย เขายักคิ้วให้กับพี่ชายตนเองเพื่อบอกเป็นนัยว่า ‘เดี๋ยวข้าจะเป็นแนวหน้า พวกเราทั้งสองผลัดกันคุยกับอาเหราเพื่อดูว่าเขาจะดื่มได้มากเพียงไหน’
พี่สะใภ้รองจับสีหน้าของสามีตนได้ก็เกิดอาการปวดหัวขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปกระซิบกับเหยาซูที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ดูพี่รองของเจ้าสิ ดูเหมือนว่าเขามีแผนมอมเหล้าสามีของเจ้า เจ้าว่าสามีของเจ้านั้นสามารถดื่มได้มากน้อยเพียงใด”
เหยาซูจะรู้ว่าสามีของนางนั้นคอแข็งคออ่อนได้อย่างไร?
นางจึงเม้มปากและยิ้มพร้อมกับให้คำตอบที่คลุมเครือ “พอดื่มได้เจ้าค่ะ”
พี่สะใภ้เองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถ้าหากพี่น้องตระกูลเหยาผลัดกันชนแก้วกับหลินเหรา จริง ๆ คิดว่าเพียงไหเดียวน้องเขยอาจต้องร้องขอความเมตตาแล้ว
ทว่าสิ่งที่นางไม่คาดคิดมาก่อนก็คือในระหว่างงานเลี้ยงหลินเหราดื่มจอกแล้วจอกเล่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เหล้าชาวบ้านนั้นขึ้นชื่อว่าฤทธิ์แรง คนทั่วไปดื่มได้เพียงเล็กน้อยก็จะเริ่มเวียนหัว แต่หลินเหรายังคงหันไปทักทายยกแก้วให้กับพ่อเฒ่าเหยา พี่ชายภรรยาทั้งสองรวมถึงพี่สะใภ้ภรรยา เขาถูกเหยาเฟิงและเหยาเฉาชวนดื่มอย่างดุเดือดแต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
“อาเหรามีความสามารถมาก! เมื่อวานท่านแม่ทัพไปที่จวนผู้ตรวจการเอ่ยชมเชยเขาไม่หยุด!”
ใบหน้าของเหยาเฉาแดงระเรื่อแม้แต่ลำคอของเขาก็แดงเถือก
“ในตอนนั้นข้าก็คิดว่าหลินเหราที่ท่านแม่ทัพพูดถึงอยู่นั้นจะหมายถึงน้องเขยของข้าหรือไม่…ผลก็คือหลินเหรา มาจากหมู่บ้านตระกูลหลิน ในโลกนี้จะมีหมู่บ้านตระกูลหลินกี่แห่งกัน? มาเถอะน้องเขย ดื่มอีกแก้ว!”
เขาดื่มทั้งจอกในคราวเดียว จากนั้นก็เทใส่จอกของตัวเองจนเต็มและเทให้กับหลินเหราด้วย เมื่อเห็นสภาพของเหยาเฉาแล้วพี่สะใภ้รองอดไม่ได้ที่จะกุมขมับ
หลินเหราไม่ปฏิเสธ หลังจากดื่มเหล้าจอกแล้วจอกเล่า เขาก็ยังคงดื่มต่อไป
ตอนนี้เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าหลินเหราแสดงสีหน้าอย่างไร แต่เหยาเฉาเมามายหนักจนไม่สามารถระบุทิศทางได้ว่าทางไหนเป็นเหนือใต้ออกตก เขาฟุบลงกับโต๊ะอย่างมึงงง
ทว่าปากยังคงพึมพำคำว่า “น้องเขย อีกไม่กี่วันเจ้าก็มาที่จวนผู้ตรวจการ พวกเราสองพี่น้องร่วมมือกันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ภูเขาพยัคฆ์ดำมีโจรอีกกลุ่มหนึ่ง การฝึกทหารด้วยฝีมือของเจ้า…”
พี่สะใภ้รองระบายยิ้มพลางดึงแขนเสื้อของเขา “ดื่มให้น้อยลงเถิด! พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้นึกออกว่าตัวเองทำขายหน้าอะไรไว้บ้าง อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
พ่อเฒ่าเหยาคีบถั่วลิสงใส่ปากแล้วพูดว่า “อาเฟิงดูแลน้องชายของเจ้าด้วย เวลาเพิ่งผ่านไปเท่าใดเอง ทำไมถึงดื่มหนักเพียงนี้?”
ไม่ใช่ว่าเหยาเฟิงไม่อยากยุ่ง แต่เหยาเฉาไม่ยอมแพ้ ตอนนี้เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลินเหรา
หากตอนนี้เขาแนะนำให้น้องชายดื่มน้อยลง สู้ล้มหลินเหราให้หมอบลงก่อนไม่ดีกว่าหรือ เพื่อช่วยรักษาหน้าตาของน้องรอง
เหยาเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มชนแก้วกับน้องเขยของเขา “มาเถอะ ให้พี่ใหญ่ได้ดื่มให้เจ้า! วันหน้าจงใช้ชีวิตอยู่กับเด็ก ๆ และอาซูอย่างมีความสุข!”
หลินเหราไม่เกรงใจเขายกแก้วขึ้นดื่มลงไปอีกครั้ง
เขาพูดกับเหยาเฟิงด้วยความจริงใจว่า “พี่ใหญ่ ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ต้องขอบคุณพวกท่านที่ดูแลอาซูและลูก ๆ แทนข้า บุญคุณนี้หลินเหราจะไม่มีวันลืม…”
เหยาเฉาล้มฟุบกับโต๊ะเหล้า ทว่าเหยาเฟิงยังคงมั่นคง เขาวางแก้วลงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “อาซูและเด็ก ๆ ดูแลตัวเองมาตลอด เพียงไม่นานนี้พวกเราถึงได้ช่วยเหลือ พวกเขาทั้งหมดใช้ชีวิตของตัวเองมาตลอด ครอบครัวใดไม่มีปัญหาบ้าง เราเป็นญาติพี่น้องกันต้องพยายามช่วยเหลือกัน หากต้องการอะไรในอนาคตเพียงแค่บอกพี่ใหญ่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนักหรอก”
หลินเหราพยักหน้า
เหยาซูเห็นว่าพี่ชายทั้งสองกำลังเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับพี่สะใภ้ใหญ่ “ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะเป็นคนดื่มเก่ง”
พี่สะใภ้ใหญ่เอามือปิดปากหัวเราะ “พี่ชายของเจ้าดื่มได้มากเป็นปกติ ทว่าสามีของเจ้านี่สิเหมือนกับหุบเหว ‘ไร้ก้น’ จริง ๆ”
เหยาซูเหลือบไปมองหลินเหราและยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ก่อนที่หลินเหราจะไปประจำการเป็นทหารเขาไม่เคยดื่มเหล้า ทว่าเรื่องนี้เหยาซูไม่เคยรู้
ยามที่ออกไปรบทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนั้นมีอากาศหนาวเย็น ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือว่าคนธรรมดาพวกเขามักมีเหล้าแรง ๆ ติดตัวไว้เพื่อขับไล่ความหนาวเย็นเสมอ
ตราบใดที่ทหารไม่ได้ออกเวรกลางคืน พวกเขาจะดื่มสุราสองสามจอกก่อนและหลังการฝึก ทำให้หลินเหราเริ่มหัดดื่มทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือตอนเที่ยงวันในวันนั้นหลินเหราดื่มเหล้าคารวะผู้ชายทั้งสามคนของตระกูลเหยา ในที่สุดพ่อเฒ่าเหยาก็โบกมือซ้ำ ๆ เพื่อแสดงว่าเขาไม่สามารถดื่มต่อไปได้อีกแล้ว
บางทีมิตรภาพระหว่างผู้ชายก็เกิดขึ้นเพราะการดื่มเหล้า เมื่อหลินเหรากล่าวอำลาเหยาเฉายังคงตะโกนว่า ‘น้องเขย’ ‘น้องเขย’ แม้แต่ทัศนคติของพ่อเฒ่าเหยาที่มีต่อหลินเหราก็ดีขึ้นมากเช่นกัน
ระหว่างทางกลับบ้านพร้อมกับลูกทั้งสามคน หลินเหรายังคงเดินจูงแกะตัวเมียที่แม่เฒ่าเหยายืนยันจะให้พวกเขาพามาด้วย เหยาซูรู้สึกไม่ไว้วางใจจึงถามว่า “ท่านไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ? เวียนหัวหรือไม่?”
เหล้าสองไหที่พ่อเฒ่าเหยาขุดขึ้นมาดื่มนั้น หลินเหราดื่มเข้าไปถึงหนึ่งไหเต็ม ๆ แม้สีหน้าของเขาจะไม่แสดงออกใด ๆ ทว่าความคิดกลับเชื่องช้าไปบ้าง ส่วนสีหน้านั้นดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“ข้าไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตอบอย่างจริงจัง ดวงตาลึกล้ำเปล่งประกาย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ “พี่ใหญ่กับพี่รองเป็นพี่ชายที่ดี”
เหยาซูอุ้มซานเป่าเอาไว้ในอ้อมแขนพลางจ้องมองเขาสักครู่ เมื่อเห็นว่าเขายังคงเดินได้อย่างมั่นคงนางจึงตอบว่า “แน่นอน ท่านพ่อท่านแม่และพี่สะใภ้ทั้งสองก็เป็นคนดี”
หลินเหราพยักหน้าเห็นด้วย
วันนี้เหยาซูก็ดีใจเช่นกันและกล่าวกับเขาว่า “วันนี้เจ้าเห็นเอ้อหลางหรือไม่ พี่สะใภ้รองบอกกับข้าว่าตั้งแต่ที่ท่านกลับมา เขาก็โวยวายบอกว่าอยากเป็นเหมือนท่านอาเขย อยากเข้าสนามรบและเป็นแม่ทัพ…”
ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยหัวเราะกัน อาจื้อและอาซือสองพี่น้องวิ่งตามมาอยู่ข้าง ๆ หน้าผากเหงื่อแตกพลั่ก แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อดูน่ารักน่าเอ็นดู
หลินเหรากวาดสายตามองเด็กทั้งสองคนภายใต้ฤทธิ์สุรา ทำให้ ‘สติ’ ของเขาเลอะเลือนเล็กน้อย อารมณ์ที่ถูกมองข้ามมาตลอดค่อย ๆ เผยออกมา เขารู้สึกว่าเหยาซูเปลี่ยนไปมาก ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของนางทำให้เขารู้สึกยินดีและซาบซึ้งใจยิ่งนัก
หลินเหรากล่าวเสียงแผ่วเบา “อาซู ขอบคุณเจ้ามาก ในวันที่ข้าไม่อยู่เจ้าดูแลลูก ๆ เป็นอย่างดี..”
หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะไม่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ บางทีเป็นเพราะบรรยากาศอันอบอุ่นของตระกูลเหยาในวันนี้ที่ทำให้เขาหวั่นไหว หรืออาจเป็นเพราะเหยาเฟิงและเหยาเฉาที่ปฏิบัติต่อภรรยาของพวกเขาด้วยความเคารพและหวงแหน
ในช่วงเวลานี้เขาจึงได้พูดทุกอย่างที่อยู่ในหัวใจเขาออกมา
……………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านพ่อคอทองแดงมาก ผลจากการไปรบแล้วต้องหัดดื่มเหล้าเข้าสังคมสินะ
เอ็นดูพี่รองเหยามากเลยค่ะ สภาพไม่ไหวแล้ว
ไหหม่า(海馬)