ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 697 ข้ารอเจ้าเสียตั้งนาน
บทที่ 697 ข้ารอเจ้าเสียตั้งนาน
บทที่ 697 ข้ารอเจ้าเสียตั้งนาน
พี่น้องตระกูลเหยา กำลังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น
สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ตัดสินใจว่าจะจัดงานแต่งของเหยาเอ้อหลางและเหยาต้าหลางภายในวันเดียวกัน
ความสุขจึงยิ่งได้ทวีคูณกลายเป็นงานมงคลสมรสพร้อมกันสองคู่สร้างความคึกคักเพิ่มมากขึ้น
เหตุนี้เหยาเอ้อหลางและปี้ชุน เหยาต้าหลางรวมทั้งฝูโหรว ทั้งสี่คนต่างก็ไม่แสดงความคิดเห็นใด
วันมงคลใหญ่โตนี้คึกคักเพียงใด ทุกคนก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
ช่วงเช้า อากาศยังคงหนาวสะท้านอยู่บ้าง ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดสนิท มองไม่เห็นแสงสว่างแม้แต่น้อย
ปี้ชุนถูกเหล่าสาวใช้กระชากตัวให้ลุกออกจากเตียงนอน ผลักนางเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว หลังจากสวมเสื้อผ้าได้หนึ่งชั้นก็ทำการสวมชุดแต่งงานทับไปอีกหนึ่งชั้นทันที ก่อนจะพาปี้ชุนมานั่งอยู่หน้าโต๊ะประทินโฉม
เมื่อคืนวาน
เนื่องจากรู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานกับเหยาเอ้อหลางแล้ว ปี้ชุนจึงตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนี้ต้องถูกปลุกเช้าเพียงนี้จึงยังง่วงอยู่ไม่น้อย เอาแต่งีบหลับตลอดเวลา
แต่ด้วยความจนปัญญาทำให้หลับไม่ได้ ทำได้แต่ปล่อยให้สาวใช้รุมทึ้งตัวเอง แต่งแต้มสีสันบนใบหน้าให้นางอย่างประณีตและงดงามที่สุด
บนศีรษะถูกปักด้วยเครื่องหัว แค่นางเอียงคอเล็กน้อยมันก็แทบจะร่วงลงมาแล้ว
เหล่าสาวใช้พากันตื่นตระหนกตกใจ รีบเข้ามาประคองนางไว้ โชคดีที่ยังไม่ได้ล้มหน้าคะมำ ไม่อย่างนั้นงานแต่งในวันนี้มีหวังเกิดโศกนาฏกรรมแทนไปแล้ว
หลังจากปี้ชุนแต่งแต้มใบหน้าเสร็จ ท้องฟ้าข้างนอกก็สว่างจ้าพอดี แสงอาทิตย์ได้สาดส่องทะลุบานหน้าต่างเข้ามาในห้อง จนกลายเป็นสีทองเรืองรองทั่วทั้งห้อง
เวลานี้ปี้ชุนไม่มีความง่วงหลงเหลือแม้แต่น้อย ความตื่นเต้นนั้นได้ปะทุขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง นางกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น ด้วยความรู้สึกระสับกระส่ายในหัวใจ
คิดว่าอีกไม่นานตัวเองต้องออกเรือนแล้ว นางจะได้เล่นกับเหยาเอ้อหลางไปตลอดชีวิต และกลายเป็นครอบครัวเดียวกับเขา
ปี้ชุนเงยหน้าขึ้น มองรอบห้องที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดง แม้แต่ข้างนอกก็ยังประดับประดาไปด้วยสีแดง ซึ่งสีแห่งความเป็นสิริมงคล มุมปากจึงอดกระตุกเหยียดออกเป็นรอยยิ้มที่หวานหยาดเยิ้มไม่ได้
เวลานี้เอง แม่งานก็เดินเข้ามาแล้วกำชับกับปี้ชุนอย่างจริงจัง
“คุณหนู ประเดี๋ยวข้าจะคลุมผ้าแดงให้คุณหนูนะเจ้าคะ ไม่ว่าอย่างไรห้ามเปิดผ้าแดงเองเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่? มีแค่สามีของคุณหนูเท่านั้นที่จะเปิดผ้าแดงให้คุณหนูได้ ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เป็นสิริมงคล”
หลังจากปี้ชุนได้ยินคำพูดของแม่งานก็รีบพยักหน้าด้วยสีหน้าเขินอายทันที แสดงออกว่าตัวเองเข้าใจดี
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนูเป็นการส่วนตัว”
เหล่าสาวใช้รู้ว่าแม่งานต้องการพูดอะไรกับปี้ชุนในตอนนี้ จึงพากันหยิบผ้าเช็ดหน้า ปิดปากยิ้มและเดินออกไป ก่อนจะปิดประตูสนิท
“คุณหนูกำลังจะออกเรือนไปเป็นสะใภ้จวนอื่นแล้ว คืนวันแต่งงานหลังจากนี้จะต้องปรนนิบัติรับใช้สามีอย่างไร ข้าต้องสอนคุณหนูอย่างละเอียด ต่อไปจะโชคดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้แล้ว”
ครั้นแม่งานกล่าวจบก็นั่งลงข้างกายของปี้ชุน แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำถึงขั้นตอนเข้าหอกับนาง
หลังจากฟังทุกอย่างที่แม่งานกล่าวจบลง ปี้ชุนถึงกับเขินอายจนทำตัวไม่ถูก นึกถึงภาพที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วต้องทำเรื่องที่น่าอายอย่างว่า
“คุณหนู ห้ามเขินอายเด็ดขาด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลสามีของคุณหนูได้อย่างไร”
แม่งานกล่าวพลางเผยรอยยิ้มที่มีความหมายแอบแฝงออกมา “สตรีอย่างเรา เรื่องนี้แค่ปล่อยไปตามอารมณ์”
ปี้ชุนได้ยินดังนั้นก็พาลโง่เขลา แต่สุดท้ายก็พยักหน้า ก่อนหน้านั้นมารดาของนางได้บอกกล่าวนางไว้แล้ว เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นขั้นตอนที่ต้องเจอในการแต่งงาน ทั้งยังเก็บคำพูดของแม่งานไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ
เดิมทีปี้ชุนมุ่งหวังถึงอนาคตระหว่างตัวเองและเหยาเอ้อหลางมาโดยตลอด
หลังจากได้ฟังคำบอกกล่าวของแม่งานจบลง ความมุ่งหวังแรกคือเรื่องที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ จะเป็นอย่างที่แม่งานกล่าวไว้หรือไม่?
“ถึงเวลาแล้ว!”
เสียงตะโกนจากคนนอกห้องดังขึ้น
ปี้ชุนเกิดใจสั่นทันใด รู้ว่านี่คือวันที่ตัวเองต้องออกเรือนแล้ว
แม่งานที่อยู่ข้างกายรีบเรียกสาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเข้ามา
พวกเขาจึงรีบเร่งฝีเท้าเข้ามาจากด้านนอกเพื่อเข้ามาตรวจสอบทั้งหมดใหม่อีกครั้ง หลังจากมั่นใจว่าปี้ชุนไม่มีปัญหาตรงไหนแล้ว ก็ทำการคลุมผ้าแดงให้ปี้ชุน จูงมือนาง เดินออกไปข้างนอกทีละก้าว
ยิ่งเดินออกไปข้างนอกเท่าไร ปี้ชุนก็ยิ่งได้ยินเสียงดังระงมจากข้างนอกชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น เสียงตีฆ้องเคาะกลอง และก็เสียงผู้คนที่เฝ้ามองภาพตรงหน้าอย่างคึกคัก บรรยากาศในเวลานี้ได้เปลี่ยนเป็นคึกคักอย่างอดไม่ได้
เป็นเพราะปี้ชุนคลุมด้วยผ้าสีแดงเลยทำให้มองไม่เห็น ทำได้แค่เดินตามการชักนำของคนรอบข้างไปตามสิ่งแวดล้อมข้างนอก หลังจากเดินเข้าไปนั่งบนเกี้ยวแล้วก็รู้สึกถึงเกี้ยวที่ถูกคนยกขึ้นสูง
เหยาเอ้อหลางนั่งอยู่บนอานม้าที่ถูกประดับประดาด้วยดอกไม้สีแดงรอบหน้าอกของตัวม้าอย่างสง่าผาเผย จากนั้นก็หันกลับไปมองเฉลียงสีแดงด้านหลังแวบหนึ่ง นั่นคือที่นั่งสำหรับเจ้าสาวของเขา
ในที่สุดเขาก็ได้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกับปี้ชุน อีกไม่นานพวกเขาจะต้องสร้างครอบครัวของตัวเอง
คิดได้เช่นนี้ ในใจของเหยาเอ้อหลางก็อดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นก็จับเชือกบังเหียนม้าในมือไว้แน่น
ขบวนแห่ต้อนรับค่อย ๆ เคลื่อนทัพไปข้างหน้า ไม่นานก็มาถึงจวนของเหยาเอ้อหลาง บังเอิญมาถึงหน้าประตูจวนพร้อมกับขบวนแห่ต้อนรับของเหยาต้าหลางพอดี
จากนั้นเจ้าบ่าวทั้งสองคนก็ต่างฝ่ายต่างจูงเจ้าสาวของตัวเอง เดินมาตรงหน้าประตูจวน ข้ามกองไฟ
เหยียบย้ำขนม จนมาถึงห้องโถงใหญ่
ครั้นเผชิญหน้ากับแม่งานที่อยู่ข้างกำแพงสูง ก็เริ่มตะโกนแผดเสียงสูงทันที
“กราบที่หนึ่งไหว้ฟ้าดิน!”
“กราบที่สองไหว้บรรพบุรุษ!”
“เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี!”
จากนั้นเสียงปรบมือของแขกผู้มีเกียรติมากมายก็ดังระงมขึ้น
ทุกคนต่างร่วมแสดงความยินดีเป็นหนึ่งเดียว ต่างพร้อมใจกันร่วมอวยพรคู่แต่งงานทั้งสองคู่อย่างจริงใจ
แม่งานจึงกล่าวต่อ “ส่งตัวเข้าหอ!”
คู่บ่าวของสาวปี้ชุนและเหยาต้าหลางต่างถูกส่งเข้าห้องหอของแต่ละคน
ครั้นกลับถึงห้องหอแล้ว ปี้ชุนนั่งรออยู่ในห้องเพียงลำพัง รอการมาถึงของสามีตัวเองอย่างเงียบ ๆ
มือทั้งสองข้างประสานด้วยกันแน่นด้วยความกังวล ในห้องมีเพียงปี้ชุนเพียงคนเดียว ไม่มีใครคนอื่น
ปี้ชุนนึกถึงคำสั่งของแม่งาน ไม่ว่าอย่างไรห้ามเปิดผ้าคลุมสีแดงออกเองเด็ดขาด มันจะไม่เป็นสิริมงคล ความกังวลนี้อาจจะกระทบต่องานแต่งของตัวเองและเหยาเอ้อหลางจึงได้แต่ดึงมือกลับ
เดิมทีเหยาเอ้อหลางอยากเข้าไปดูปี้ชุนแทบขาดใจ แต่ตอนนี้ได้แต่ดื่มสุราไปตามอารมณ์สองสามจอก กระทั่งรับหน้าแขกเสร็จเตรียมตัวจากไป แต่ในตอนนี้เองต้าขุนกลับรั้งเหยาเอ้อหลางไว้
“ไอหยา! น้องเขยอย่าเพิ่งรีบไปสิ พี่ใหญ่อย่างข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ตอนนี้เจ้าได้สู่ขอน้องสาวของข้าไปแล้ว ต่อไปต้องดูแลนางให้ดี ถ้านางได้รับควาไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
เหยาเอ้อหลางได้ยินคำพูดของต้าชุน ก็รีบพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจังทันที
“พี่ใหญ่วางใจเถิด ในเมื่อข้าสู่ขอปี้ชุนมาแล้ว ข้าจะแสนดีกับนางไปชั่วชีวิตของข้า จะจงรักภักดีต่อนาง รักเดียวใจเดียว ข้าขอมอบหัวใจทั้งดวงให้นางไป”
มีคำยืนยันจากเหยาเอ้อหลาง ต้าชุนก็วางใจปล่อยเขาให้รีบกลับห้องหอ
จากนั้นเหยาเอ้อหลางก็รีบตรงไปยังห้องหอทันที
ครั้นเห็นปี้ชุนนั่งอยู่บนเตียงอย่างเงียบ ๆ ศีรษะยังคลุมด้วยผ้าสีแดง จึงรีบรุดหน้าเข้าไป จับผ้าคลุมสีแดงที่คลุมอยู่บนศีรษะของปี้ชุนเปิดออก
ภาพที่ดึงดูดสายตาคือใบหน้าขนาดเล็กที่งดงามวิจิตรของนาง ช่างงดงามยิ่งยัก เขาจดจำภาพนี้ไว้ จะไม่มีทางลืมเลือนไปชั่วชีวิต
“เหตุใดเจ้าเพิ่งมา? ข้ารอเจ้าตั้งนาน”
ปี้ชุนเห็นเหยาเอ้อหลางตรงหน้าก็อดบ่นอุบอิบไม่ได้
——————————————–