ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 7 เสี่ยวซือที่รู้ความ
บทที่ 7 เสี่ยวซือที่รู้ความ
เหยาเฉาลุกขึ้นเดินออกไปทางประตู เพียงชั่วครู่เขาก็เดินหิ้วแพะตัวเมียตัวหนึ่งกลับและจัดการผูกมันเอาไว้ที่ประตู
เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะอาหารอีกครั้งพลางยิ้มและเอ่ยว่า “เป็นความคิดของพี่สะใภ้รองเจ้าน่ะ ที่ไปหาแพะที่พึ่งคลอดลูกมาให้ นางกลัวว่าหลานจะไม่มีน้ำนมกิน”
วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวรวมตัวกันอย่างหาได้ยากยิ่ง อาหารมื้อนี้จึงเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ ทุกคนต่างสนุกสนานสำราญใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ช่วงเวลาของมื้อเย็นก็จบลง
พี่สะใภ้ใหญ่เก็บจานและตะเกียบอย่างคล่องแคล่ว ส่วนพี่สะใภ้รองเดินตามแม่เฒ่าเหยาหายเข้าไปในครัว ไม่นานนักนางก็ยกชามนมแพะร้อน ๆ ชามหนึ่งออกมา แล้วยกไปที่ห้องของเหยาซู เป็นห้องที่เหยาซูเคยอยู่ก่อนที่จะออกเรือน
แม่เฒ่าเหยามักเป็นคนเก็บกวาดห้องของเหยาซูอยู่บ่อย ๆ แม้ว่านางจะออกเรือนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่อกลับมานางจึงสามารถเข้าอยู่อาศัยได้ทันที
หลังจากกินข้าวเสร็จเหยาซูก็ถูกมารดาพากลับไปในห้องและสั่งให้นอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง
เมื่อเห็นพี่สะใภ้รองเดินเข้ามาพร้อมกับนมแพะ นางจึงเอ่ยกับมารดาที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ลูกน้อยยังหลับอยู่ เขาจะหิวแล้วหรือ? ท่านแม่ ตอนนี้สามีของข้าไม่อยู่ ข้าจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า ซานเป่า ดีหรือไม่?”
แม่เฒ่าเหยาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เรื่องชื่อนั้นขึ้นอยู่กับเจ้า แต่ตอนนี้น่าจะหิวแล้ว ก่อนกินข้าวข้าให้สะใภ้รองป้อนนมเขาไปรอบนึงแล้ว เขายังเด็กอยู่ เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เจ้าก็ต้องป้อนนมแก่เขา”
เหยาซูอุ้มทารกไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งใช้ช้อนเล็ก ๆ ตักนมหนึ่งช้อนป้อนเข้าปากเด็กทารก เด็กน้อยขยับปากแล้วดื่มเข้าไป
ไม่นานหลังจากนั้น นมแพะในชามก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
ซานเป่าหยุดดื่มนม เมื่อเหยาซูเงยหน้าขึ้นก็พบกับอาจื้อและอาซือ ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด พวกเขาต่างกำลังมองน้องเล็กของตนเองอยู่
หญิงสาวหัวเราะพลางถามออกมาว่า “อาจื้อ อาซือ พวกเจ้าก็อยากดื่มนมเหรอ?”
อาจื้อกลืนน้ำลายแต่ไม่ยอมพูดอะไร ส่วนอาซือก็ห่อไหล่ลงแล้วขยับเข้าไปหลบหลังพี่ชาย
เหยาซูถอนหายใจ นางยื่นทารกตัวน้อยให้พี่สะใภ้รองและกวักมือเรียกอาซือ “เสี่ยวซือ มาหาแม่มา”
อาซือรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปใกล้มารดาของตนเองอย่างเชื่อฟัง เหยาซูยกแขนโอบกอดลูกสาวของตนเอาไว้ในอ้อมแขน
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกสาวของนางก็กระซิบออกมาเบา ๆ “ท่านแม่…ข้ายังตัดหญ้าให้หมูไม่พอ”
ครั้งนี้เพียงได้ฟังเหยาซูก็รู้สึกปวดใจ แม้แต่มารดาของเหยาซูยังมีดวงตาแดงก่ำ
อาซืออายุเพียงสามขวบ นางไม่กล้ากินแม้แต่ไข่ที่อยู่บนโต๊ะอาหารค่ำของครอบครัวตระกูลหลิน หากนางทำงานไม่ครบตามที่ท่านย่าสั่ง นางจะไม่ได้กินอะไรเลย
เหยาซูรู้สึกลำบากใจ นางจูบลงบนหน้าผากของลูกสาวพร้อมกับสัญญาว่า “ต่อจากนี้ ลูกไม่จำเป็นต้องออกไปตัดหญ้าให้หมูแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านของท่านตา ที่นี่มีอาหารให้กินพร้อม เจ้ามีหน้าที่แค่กินและเติบโตอย่างเชื่อฟัง เข้าใจหรือไม่?”
ใช่ พวกเขาจะไม่มีวันกลับไปยังตระกูลหลินอีก ไม่มีทางที่จะรอพ่อของเด็ก ๆ เหล่านี้กลับมา
เมื่อมารดากล่าวเช่นนี้หลินซือรู้สึกทำอะไรไม่ถูก นางจึงหันไปมองพี่ชายของตัวเอง
เด็กสาวรู้สึกว่ามารดาของนางนั้นอ่อนโยนมากกว่าแต่ก่อน ราวกับว่าไม่ใช่คนเดิม…
ภายในตระกูลเหยา มีเพียงอาซือที่เป็นเด็กผู้หญิงในรุ่นราวคราวเดียวกัน พี่สะใภ้ใหญ่ชื่นชอบท่าทางที่เชื่อฟังและเฉลียวฉลาดของหลินซืออยู่แล้ว จึงเรียกหลินซือที่กำลังงุนงง “ต่อไปอาซืออยู่เล่นกับพวกพี่ชาย เดี๋ยวตอนไปตลาดป้ารองจะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้อาซือ ดีหรือไม่?”
อาซือรู้สึกปลื้มปิติพลางกระซิบว่า “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้ารอง”
พี่สะใภ้รองที่เห็นท่าทางหวาดกลัวของเด็กหญิงตัวน้อยจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน
เหยาซูรู้สึกว่าซานเป่าคงจะไม่ดื่มอีกแล้ว นางจึงชี้ไปที่นมแพะที่เหลือพลางบอกกับลูกทั้งสองคนว่า “เสี่ยวซือ อาจื้อ เจ้าสองคนดื่มนมนั้นเถอะ”
หลินจื้อรีบโบกมือ “ ท่านแม่…น้องชาย…”
เหยาซูพูดขึ้น “น้องกินอิ่มแล้ว”
เห็นดังนั้นพี่สะใภ้ใหญ่จึงช่วยพูด “ยังมีอยู่ในหม้ออีก หากน้องชายเจ้าหิวก็สามารถไปเอาเพิ่มได้”
เมื่อนางเห็นลูกของน้องเล็กรู้ความเช่นนี้ก็พลันรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก ลูกของนางเอาแต่เล่นซนทุกวัน…
จากนั้นไม่นาน เวลาก็ย่างเข้าสู่ยามดึกท้องฟ้ามืดสนิท
แม่เฒ่าเหยาพาหลานสาวกลับไปที่ห้องหลักเพื่อเข้านอนกับตนเองและชายชรา ส่วนหลินจื้อถูกจัดให้นอนอยู่กับพวกเด็ก ๆ
เมื่อตะเกียงดับลง ตระกูลเหยาก็ตกอยู่ความเงียบอย่างสมบูรณ์
ยกเว้นเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยที่ดังออกมาจากห้องของเหยาซูเป็นครั้งคราว
ในคืนนี้เหยาซูนอนหลับสนิท ไม่มีแม้แต่ความฝัน…
เช้าวันถัดมา เหยาซูก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นหอมบางอย่าง
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมกับเรา สภาพร่างกายและจิตใจก็จะดีขึ้นเอง สงสารน้องอาซือเลยค่ะ ที่ผ่านมาเด็กสามขวบอย่างน้องต้องทรมานขนาดไหน
ไหหม่า(海馬)