ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 703 ต้องดูแลผู้ใหญ่อีกคน
บทที่ 703 ต้องดูแลผู้ใหญ่อีกคน
บทที่ 703 ต้องดูแลผู้ใหญ่อีกคน
หลังจากที่คลอดลูกออกมา หลินซือแทบไม่ค่อยออกจากจวนอีกเลย
ตอนที่เด็กยังอยู่ในท้อง หลินซือกลัวที่สุดว่าถ้าต้องอยู่ในจวนคนเดียวเป็นเวลานานจะรู้สึกเบื่อหน่าย
ตอนนี้หลังจากที่คลอดลูกออกมา หลินซือต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับลูกน้อย ไม่อยากออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว คิดว่าการออกจากจวนเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก สู้อยู่ดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดดีกว่า
ถึงอย่างไรลูกของนางก็ยังเล็กมาก ห่างจากอกผู้เป็นแม่ไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว หลินซือมักจะนึกถึงลูกน้อยเสมอ
หลินซือเป็นกังวลว่า ถ้าห่างจากลูกน้อยแม้แต่เสี้ยวลมหายใจ ลูกน้อยอาจเป็นอันตราย ในตอนที่ลูกน้อยถ่าย หลินซือรีบจัดการอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตรายแก่ลูกน้อย
หลินซือนั่งแกว่งแปลอยู่ข้างเตียงเฉกเช่นทุกครั้ง หยิบกลองป๋องแป๋งมาเล่นหยอกเย้ากับลูกน้อยที่ขยับแขนขาดุกดิกอยู่บนเตียง
“สนุกหรือไม่?” นางเอ่ยกับเด็กน้อยบนเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม้ว่าเด็กน้อยจะยังเล็ก และยังฟังไม่เข้าใจว่านางกล่าวอะไร
แต่หลินซือยังหยอกล้ออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พูดกับเด็กน้อยอย่างต่อเนื่อง
เจี่ยงเถิงยุ่งกับงานทั้งวัน หลังจากกลับมาก็เห็นหลินซือกำลังแกว่งเปลกล่อมลูกน้อยอยู่ข้างเตียง
นึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าก่อนที่เขาจะออกจวนก็เห็นหลินซือนั่งหยอกล้อกับลูกน้อยเช่นนี้ ตอนนี้เขายุ่งทั้งวัน เสร็จงานกลับมา หลินซือก็ยังนั่งหยอกล้อกับลูกน้อยเช่นเดิม
วันนี้ทั้งวัน นางนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ลุกไปไหนเลยหรือ?
จากนั้นก็รีบรุดหน้าเข้าไปคว้ากลองป๋องแป๋งออกจากมือของหลินซือ
หลินซือมองเจี่ยงเถิงอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านทำอะไร? ข้ากำลังพูดกับลูกอยู่นะ”
“ถึงอย่างไรเขาก็ยังเด็ก ฟังไม่เข้าใจหรอกว่าเจ้ากำลังพูดสิ่งใด เจ้านั่งอยู่ตรงนี้นานเพียงใดแล้ว ได้กินข้างบ้างหรือไม่?”
เจี่ยงเถิงมองหลินซือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แล้วข้าจะไม่กินข้าวดี ๆ ได้อย่างไร ข้าต้องให้นมลูกนะ กินครบสามมื้อทุกวัน ท่านวางใจได้”
แม้ว่าหลินซือจะพูดกับเจี่ยงเถิง แต่สายตาของนางกลับยังจับจ้องอยู่ที่ลูกน้อย
นับตั้งแต่ที่เขามายืนอยู่หน้าหลินซือ นางยังไม่เบี่ยงสายตามามองเขาเลยแม้แต่น้อย
เช่นนี้เจี่ยงเถิงจึงรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้ ครั้นเห็นลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงที่แกว่งไปมา กลับรู้สึกว่านั้นไม่ใช่ลูกชายของเขา แต่เป็นเจ้าหนี้ที่ตั้งใจมาแย่งภรรยาของเขาไป
ได้แต่ด่าว่าเด็กเหลือขออยู่เงียบ ๆ
“เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ?” หลินซือได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง ก็พลันชำเลืองมองเขาทันที
เจี่ยวงเถิงรีบส่ายหน้า “เปล่า เจ้าฟังผิดแล้ว”
หลินซือจ้องมองเจี่ยงเถิงด้วยสายตาสงสัย หากแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่ถามต่อ แต่เลือกจะกล่อมลูกน้อย
เด็กได้รับการกล่อมจากหลินซือแล้วเบิกบานใจกลั้วหัวเราะคิดคักตลอด น้ำเสียงสดใสน่ารักเหมือนกับระฆังเงิน
แต่ความน่ารักนี้คือความน่ารักที่อยู่ในสายตาของหลินซือเท่านั้น ในสายตาของเจี่ยงเถิงเขาเห็นลูกน้อยเป็นศัตรูของตัวเอง
“เอาล่ะ เจ้าหยุดหยอกล้อเขาได้แล้ว เวลานี้เราควรกินมื้อค่ำกันได้แล้ว เจ้าคงไม่มานั่งดูเขากินมื้อเย็นตรงนี้หรอกนะ”
ครั้นได้ยินคำพูดของเจี่ยงเถิง หลินซือลุกขึ้นยืนด้วยความทอดถอนใจ จากนั้นก็เดินมานั่งข้างโต๊ะ แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังเปลของเด็กน้อยตลอดเวลา
หลินซือมีท่าทีไม่ปกติ เจี่ยงเถิงจึงอดทอดถอนใจไม่ได้ รู้สึกเสียใจอยู่ในใจ เสียใจที่ให้หลินซือตั้งครรภ์คลอดลูก
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากที่หลินซือคลอดลูกแล้ว นางจะทุ่มเทใจทั้งหมดมาที่เขา ผลปรากฏว่าเขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะทุ่มเทแรงกายแรงใจไปให้เจ้าตัวเล็ก และโยนสามีอย่างเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
เขารู้สึกปวดใจมาก
หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ หลินซือกำลังจะเดินกลับไปยังข้างเปลลูกน้อยอีกครั้ง เจี่ยงเถิงจึงรีบลุกขึ้นยืน แล้วขวางนางไว้
“ทำไม?” หลินซือมองเจี่ยงเถิงตรงหน้าด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำสิ่งใด
“เจ้าเพิ่งกินข้าวเสร็จ เนื้อตัวยังติดกลิ่นน้ำมันอยู่เลย ไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้วค่อยมาก็ได้ เดี๋ยวข้าดูแลลูกเอง”
หลินซือได้ยินดังนั้นก็รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าทำได้เหรอ?”
“ที่นี่มีแม่นมทั้งคนไม่ใช่หรือ? วางใจเถอะ”
เห็นเขาพูดเช่นนี้ หลินซือก็ทำได้แค่ใจกว้าง
คิดว่าตัวเองคงเต็มไปด้วยกลิ่นควันและน้ำมัน ถ้าถูกตัวเด็กอาจไม่เป็นผลดีต่อเด็กก็ได้ จึงตอบรับไป แล้วไปอาบน้ำยังห้องที่อยู่ถัดไป
เมื่อเห็นหลินซือจากไป
เจี่ยงเถิงก็รีบเรียกแม่นมเข้ามา “พาเด็กไป คืนนี้เจ้าดูแล และต้องดูแลให้ดีด้วย เข้าใจหรือไม่?”
“วางใจเถอะเจ้าค่ะ นายท่าน”
หลังจากที่หลินซืออาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้วก็กลับมายังห้องนอน แต่กลับเห็นว่าลูกน้อยไม่ได้นอนอยู่บนเปลแล้ว จึงรีบออกตามหาอย่างร้อนใจ แต่กลับถูกเจี่ยงเถิงขวางไว้
“ลูก ลูกหายตัวไป ข้าจะออกไปตามหาลูก”
เจี่ยงเถิงเห็นท่าทางร้อนใจของหลินซือ ก็รีบปลอบนางทันที “วางใจเถอะ ลูกไม่เป็นไรข้าแค่ให้แม่นมพาลูกไป คืนนี้ข้าให้แม่นมดูแลลูกแทนแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ? ทำไมล่ะ ลูกต้องอยู่ใกล้แม่ของตัวเองสิ ท่านโยนให้แม่นมหมายความว่าอย่างไร ข้าจะไปอุ้มลูกกลับมา”
หลินซือกล่าวพลางก็เตรียมเดินจากไป แต่หลังจากเดินไปได้แค่ก้าวเดียว ก็รู้สึกว่าระดับสายตาของตัวเองนั้นลอยขึ้นมา เพราะนางถูกเจี่ยงเถิงอุ้มขึ้นมาพาดบนไหล่
เจี่ยงเถิงแบกหลินซือมาข้างเตียง จากนั้นก็วางหญิงสาวลงบนเตียง แล้วดึงผ้าคลุมเตียงลงมา และกดตัวหลินซือเอาไว้
“ท่านจะทำอะไร? ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
หลินซือยื่นมือออกไป ทุบหน้าอกของเจี่ยงเถิง และผลักเขาเพราะอยากให้เขาปล่อยตัวเอง
“ไม่ได้ ถ้าข้าปล่อยเจ้า เจ้าต้องไปหาลูกแน่นอน ตอนนี้ทั้งตัวทั้งใจเจ้ามีแต่ลูก ในใจของเจ้ามีข้าบ้างหรือไม่?”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของเจี่ยงเถิง หลินซือก็อึ้งงันไป รู้สึกประโยคนี้ช่างคุ้นหูนัก
“ลูกยังเด็กมาก ก็ต้องอยู่ข้างกายผู้เป็นพ่อและแม่อยู่แล้ว การเอาใจใส่ดูแลเขาเป็นสิ่งที่ข้าต้องทำไม่ใช่หรือ?”
ครั้นเห็นหลินซือกล่าวเช่นนี้กับตน เจี่ยงเถิงกลับไม่ทน
“มีแม่นมช่วยเจ้าดูแล เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดลูกตัวไม่ห่างเช่นนี้ก็ได้ เจ้าเห็นไหมว่าตั้งแต่ที่เจ้าคลอดลูกมา เจ้าก็อยู่แต่ในจวน ไม่เคยออกไปไหน”
หลินซือไม่สนใจ “ข้าแค่รู้สึกว่าการออกไปข้างนอกดูเหมือนจะไม่มีเรื่องต้องทำ อยู่เล่นกับลูกในจวน ข้ายังจะรู้สึกดีกว่า”
“แต่ข้ารู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย เจ้าไม่มีเวลาแม้แต่จะอยู่กับข้า ทุกวันข้ากลับมาเจ้าก็เอาแต่อยู่ดูแลลูก ตกลงลูกสำคัญกว่าหรือข้าที่สำคัญกว่า?”
ครั้นได้ยินประโยคนี้ หลินซือก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา นางรู้แล้วว่าทำไมประโยคนี้ถึงคุ้นหูยิ่งนัก
นั้นคืดคำถามที่นางมักถามเจี่ยงเถิงขณะที่ตั้งครรภ์ ครั้นได้ยินก็พลันหัวเราะ
“ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงถามคำถามนี้กับข้า?”
“เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้าจะถามคำถามนี้หรือไม่ เจ้ารีบตอบข้ามาว่าตกลงข้าหรือลูกที่สำคัญกว่า?”
ครั้นเห็นเขาโกรธลูกอย่างฉับพลัน หลินซือจึงได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา “ท่านและลูกก็ต้องสำคัญเท่ากันอยู่แล้ว หรือว่าท่านไม่เข้าใจความหมายของข้า?”
“ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ แล้วเหตุใดทุกวันเจ้าเอาแต่สนใจแต่ลูก?” เจี่ยงเถิงถามขึ้น
หลินซือส่งเสียงไอด้วยความลำบากใจ “นี่ข้าต้องดูแลผู้ใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ลูกยังเล็กนี่นะ”
——————————————–