ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 71 สวนสาลี่อยู่ที่ใด
บทที่ 71 สวนสาลี่อยู่ที่ใด
เหยาซูยิ้มและพยักหน้า ส่วนหลินเหราเพียงส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา
เรื่องแยกตระกูลของหลินเหราไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังอยู่แล้ว และได้แต่หวังว่าทั้งหมู่บ้านของตระกูลหลินจะรู้เรื่องนี้
ความคิดของเหยาซูสอดคล้องกับเขา เขาอยากให้ทุกคนรับรู้ว่าพวกเขาได้ตัดขาดกับตระกูลหลินและไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว นับแต่นี้ไปตระกูลหลินจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอีกในอนาคต
เมื่อเห็นว่าป้าหูไม่อยากจะเชื่อ เหยาซูจึงรู้ว่าการแยกออกจากตระกูลนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจในสายตาชาวชนบททั่วไป หญิงสาวเลยเสริมว่า “วันหน้าพวกเราจะมอบเงินให้กับคนบ้านตระกูลหลินสิบตำลึงทุกเดือน นับว่าเป็นความกตัญญูแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อป้าหูได้ยินเช่นนั้น แววตาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
สิบตำลึง! ครอบครัวชาวนาธรรมดาไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ มากมาย เงินสิบตำลึงสามารถอยู่ได้ถึงครึ่งปี ตระกูลหลินถึงกับเอ่ยปากขอเงินมากขนาดนี้เลยหรือ?
ตระกูลนี้ช่างเหมือนกับปลิงดูดเลือด ไม่ว่าใครก็อยากจะหนีไปให้ไกล ทว่าโชคดีที่เหยาซูนั้นทำการค้าส่วนตัว และตระกูลเหยาเองก็มีฐานะมั่งคั่ง
เมื่อได้ยินดังเช่นนั้น สะใภ้หูจึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ตอนนี้พวกเจ้าออกมาอยู่กันตามลำพังแล้ว หากมีปัญหาอะไรสามารถมาตามข้ากับพี่หูได้โดยไม่ต้องเกรงใจเลยนะ”
ป้าหูกล่าวเสริม “เพราะเหตุนี้นี่เอง ลูกสามคนของเจ้ายังเด็ก หากแม่เฒ่าเหยาดูแลไม่ไหวก็พาไปเล่นที่บ้านเราได้เช่นกัน”
เหยาซูยิ้มและพยักหน้า หลังจากขอบคุณพวกนางแล้วทั้งสามคนก็ยืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายกันไป
หลินเหราเดินไปข้าง ๆ เหยาซู เมื่อเห็นว่าป้าหูและลูกสะใภ้จากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “อาซู ข้างกายของเจ้ามีคนดีอยู่มากมายนัก”
เหยาซูเห็นว่าหลินเหราพูดแบบนี้จึงมองด้วยความสงสัย “หืม? ท่านว่าอย่างไรนะ?”
หลินเหราส่ายหัวเบา ๆ เขาเพียงถอนหายใจนิดหน่อยเท่านั้น “ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ของเจ้า หรือแม้แต่เพื่อนบ้านเช่นท่านป้าหู ทุกคนที่อยู่รอบข้างตัวเจ้าล้วนเป็นคนจิตใจดีทั้งสิ้น”
จากนั้นเขาก็กล่าวเสริมว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้าก็เป็นคนแบบนั้นเช่นกัน”
เหยาซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาเดินวนไปวนมาเพื่อจะกล่าวประโยคนี้อย่างนั้นหรือ?
ทว่าหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เข้าใจความหมายของหลินเหรา ชายหนุ่มไม่เคยพูดอ้อมค้อม คิดดูแล้วสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นล้วนเป็นความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ
ที่จริงก็เป็นเรื่องเข้าใจได้เหมือนกัน… สภาพแวดล้อมที่หลินเหราเติบโตขึ้นมานั้นไม่มีความอบอุ่นมากนัก แม่เฒ่าหวังเป็นคนใจร้าย พ่อเฒ่าหลินเป็นคนเย็นชา พี่น้องในตระกูลมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน อีกทั้งภรรยาของน้องชายคนรองก็ชอบเอาเปรียบ…
เมื่อคิดเช่นนี้ก็พบว่าเขาช่างโชคร้ายมากจริง ๆ
หัวใจของหลินเหราแข็งแกร่งนัก แน่นอนว่านางไม่จำเป็นต้องปลอบใจ ดังนั้นนางจึงยิ้มและพูดว่า “คนบนโลกนี้มีทั้งดีและไม่ดี หากเจอกับคนใจร้ายก็จงอยู่ห่างพวกเขา คนอื่น ๆ ที่เหลือย่อมเป็นคนใจดี”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ ทั้งสองก็เดินเข้ามาในเมืองอย่างรวดเร็วเหยาซูได้พูดกับหลินเหราว่า “ในเมืองชิงถง ท่านน่าจะคุ้นเคยดี อยากซื้ออะไรก็ดูเองเถิด”
หลินเหราหยุดเดิน พลันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเหยาซู “เจ้าจะไม่ไปกับข้างั้นหรือ?”
เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้าน นางให้เงินหลินเหราสองตำลึงเพื่อซื้อเสื้อผ้าและของใช้ประจำวันก็เพียงพอแล้ว นางจึงพูดกับเขาว่า “ข้าจะไปร้านผ้าน่ะ ยังมีเรื่องต้องทำอีกหน่อย ดังนั้นแยกกันดีกว่า”
หลินเหราไม่พูดอะไรอีก เขายืนนิ่งแล้วหลุบตาลง
เมื่อเหยาซูเห็นท่าทางของเขา นางไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ในโลกที่นางจากมานั้น ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งของนางมีหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง ทุกครั้งที่เจ้าของไม่ยอมพามันไปข้างนอกด้วย สุนัขตัวนั้นก็จะทำท่าเช่นนี้ ก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จา
นางลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัว หยิบถุงเงินออกมาจากตัวแล้วยื่นให้เขา “ท่านพกเงินติดตัวไปด้วย รอจนข้าจัดการเรื่องร้านผ้าเสร็จแล้วข้าจะไปหา”
ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเหยาซูก็รู้สึกว่าตัวเองถูกกระแทกอย่างแรง ถุงเงินถูกคนอื่นฉวยคว้าไป
“อ๊ะ…”
นางร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เกือบจะล้มลง หลินเหรารีบพยุงนางเอาไว้ทันที
นางดูอ่อนแอแม้กระทั่งลมพัดผ่านมาก็แทบจะล้ม ไหนเลยจะทนการชนกระแทกแบบนี้ได้ หลินเหรารู้สึกร้อนใจจึงเอื้อมมือไปโอบเอวของหญิงสาวไว้
“อาซู เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? มันชนตรงไหน?”
เหยาซูรู้สึกว่าร่างกายของนางถูกกระแทกจนเกือบจะแตกเป็นเสี่ยง ทว่าสิ่งที่ทำให้นางโกรธยิ่งกว่าก็คือถุงเงินที่ถูกขโมยไป
“ถุงเงินของข้า…” นางโกรธจนขบกรามแน่น ดวงตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของขโมยที่วิ่งไปไกล
“ข้าปักถุงเงินมาทั้งฤดูหนาวกว่าจะปักเสร็จ อย่าให้ข้าจับขโมยผู้นี้ได้ก็แล้วกัน!”
หลินเหรานึกขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว ถุงเงินสีอ่อนที่วางอยู่บนฝ่ามือขาวเนียนของนางนั้นปักลายกล้วยไม้แบบเรียบง่ายดูสง่างาม
เมื่อเห็นว่าเหยาซูยืนได้อย่างมั่นคง นอกจากความเจ็บปวดจากร่างกายดูเหมือนว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอีก ทว่าใบหน้างดงามของนางเต็มไปด้วยความโกรธและอารมณ์เสีย
เขาลังเลอยู่สักครู่ก่อนจะพูดกับนางว่า “อาซู เจ้าไปนั่งที่โรงน้ำชาข้าง ๆ รอข้าก่อนนะ”
พร้อมกันนั้นหลินเหราก็วิ่งไล่ตามหัวขโมยไปราวกับเสือที่กำลังล่าเหยื่อ เขาหายตัวไปในพริบตา
เหยาซูยังรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่น ๆ ของเขาอยู่ แต่เพียงแค่ครู่เดียวก็มองไม่เห็นเขาเสียแล้ว ทำให้นางตะลึงงันอยู่ชั่วครู่
“โอ๊ย แม่นาง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
คุณลุงผมขาวโพลนที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เมื่อเห็นว่าเหยาซูกำลังมองไปยังทิศทางที่ทั้งสองหายตัวไป จึงเดินเข้าไปปลอบใจนาง
“ไม่ต้องกังวลไป สามีของเจ้าดูแข็งแรงกว่าขโมยผู้นั้นมาก จะต้องแย่งถุงเงินกลับมาให้เจ้าได้แน่”
เหยาซูได้สติกลับมา ขอบคุณคุณลุงคนนั้นแล้วเดินตรงไปยังโรงน้ำชาข้าง ๆ
นางถูกกระแทกอย่างแรงจนต้องนั่งลงช้า ๆ
อีกด้านหนึ่งหลินเหราได้วิ่งตามโจรไปอย่างรวดเร็ว
ขโมยน้อยไม่ได้วิ่งช้าแต่หลินเหรากลับวิ่งเร็วกว่า ขโมยพยายามมุดซ้ายมุดขวาและพยายามสลัดชายที่ตามมาอยู่เบื้องหลัง
หลินเหราตัวสูงใหญ่ อีกทั้งแววตาที่เฉียบคมของเขาทำให้เขาสามารถเห็นขโมยที่เหมือนปลาดุกจากฝูงชนได้
ทว่าเมื่อครู่ตอนที่เหยาซูถูกชนเขามัวแต่มองว่านางเป็นอะไรหรือไม่ จึงทำให้ไล่ตามหัวขโมยช้าลง ตอนนี้ไม่ว่าหลินเหราจะเร็วแค่ไหนเขาก็ยังคงทิ้งห่างจากหัวขโมยอยู่ดี
หลินเหราไม่คุ้นเคยกับตรอกเล็ก ๆ ในเมืองนัก เมื่อเห็นว่าขโมยมุดเข้าไปในตรอกเกรงว่าเขาน่าจะถูกทิ้งเป็นแน่ สีหน้าของเขาจึงหมองลงทันที
เมื่อเลี้ยวไป ขโมยได้หายไปจริง ๆ ทำให้หลินเหราหยุดเดิน
เขาไม่เห็นหน้าขโมยเพราะตอนนั้นเหยาซูกำลังพูดกับเขา หลินเหราเห็นขโมยแค่ด้านหลังเท่านั้น
ขโมยคนนั้นสวมเสื้อผ้าที่ตัดปะ ไม่สูงไม่อ้วนไม่ผอม ทว่าท่าทางคล่องแคล่วมาก
หลินเหราเชื่อว่าตราบใดที่เขาเห็นแผ่นหลังนี้อีกครั้งเขาจะต้องจำได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ขโมยหายไปในตรอกแล้ว ทำให้เขาเสียเวลาไปไม่น้อย เกรงว่าคนผู้นั้นคงหนีไปนานแล้ว
เขาค่อนข้างหงุดหงิด พลางคิดในใจว่าตราบใดที่คนคนนั้นยังกล้าปรากฏตัวในเมืองชิงถง เขาจะจับขโมยที่น่ารังเกียจนี้มาให้ได้
“น้องหลิน!”
ทันใดนั้นเงาของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นที่ปลายตรอก สายตาคมกริบของหลินเหรากวาดตามองไปที่คนคนนั้นจนเหงื่อแตกพราก
“น้องหลิน ข้าเอง เจิ้งอัน!”
ชายคนนี้เป็นคนที่เคยพาหลินเหราเดินผ่านจวนผู้ตรวจการเข้าไป ตอนนี้เขาเดินออกมาและยกมือขึ้นราวกับแสดงว่าตนเองไม่เป็นอันตราย
เมื่อหลินเหราเห็นดังนั้นสีหน้าเย็นชาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่คิ้วของเขายังคงขมวดเข้าหากัน ร่างกายแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่ไม่ควรเข้าใกล้ออกมา…
เจิ้งอันตัวสั่นงันงกฝืนใจพูดกับเขาว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังไล่ตามคนอยู่เลยเดินเข้ามาดู เห็นคนผู้นั้นแอบเข้าไปยังสวนสาลี่พอดี…เจ้ากำลังไล่ตามใครอยู่หรือ?”
หลินเหรามองเขาด้วยสายตาเฉียบคม พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ขโมยคนหนึ่ง สวนสาลี่อยู่ที่ใด? เขาเข้าไปจริง ๆ หรือ?”
เจิ้งอันได้ยินว่าเขากำลังไล่ตามขโมยอยู่จึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
“ที่แท้เขาก็เข้าไปยังสวนสาลี่นี่เอง อืม ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีเท่าไรนัก น้องหลิน เจ้าควรรอให้เขาออกมาจะดีกว่า”
หลินเหราไม่สนใจความหมายแฝงของเจิ้งอัน ทำเพียงถามออกมาว่า “สวนสาลี่อยู่ที่ใด”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครบังอาจขโมยเงินอาซู ตามจับให้ได้นะอาเหรา
ไหหม่า(海馬)