ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 75 ข้าขอโทษ
บทที่ 75 ข้าขอโทษ
นายอำเภอเหยาทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว ทว่าพอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของหลินเหรา เขาก็พยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้แล้วกล่าวว่า “น้องหลิน! น้องหลิน! วันนี้ข้ามีตาหามีแววไม่ บังอาจล่วงเกิน…”
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ในมือมีเศษกระเบื้องเคลือบสีขาวเปื้อนเลือดสีแดงหยดสองหยด ส่วนเศษที่เหลือถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายคนนั้น นายอำเภอก็เกิดความหวาดกลัว กระถดถอยหลังอย่างไม่หยุดหย่อน “น้องหลิน เจ้าใจเย็นก่อน! ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ไม่กล้าอีกแล้ว!”
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
ชายหนุ่มเดินตรงมาที่นายอำเภอ เขาค่อย ๆ โน้มตัวลง ในขณะที่มือกำลังเล่นกับเศษกระเบื้องเคลือบที่เต็มไปด้วยเลือด ดวงตาดำขลับจ้องเขม็งไปที่หน้าของนายอำเภอจนเขาตัวสั่นเทิ้ม
“น้องหลิน…ไม่ใช่สิ พี่ใหญ่หลิน ท่านหลิน ท่านหลิน! ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ใต้เท้าอย่าถือสาข้าน้อยเลย…”
เมื่อเห็นกระเบื้องเคลือบเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา กลิ่นคาวเลือดลอยปะทะหน้า ความเย็นแผ่ซ่านลงมาที่แก้มขวา
นายอำเภอเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาไหลพรากในทันที “ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว ไม่ อย่า!”
เมื่อเหยาซูเห็นว่าสามีของนางกำลังใช้เศษกระเบื้องเคลือบกรีดไปที่หน้าของนายอำเภอ นางก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “อาเหรา!”
หลินเหราพลันหยุดมือที่แข็งแรงนั้นไว้ ในดวงตาของเขากลับไม่มีสีสดใสราวกับว่าแสงทั้งหมดถูกดูดซึมไปแล้วด้วยดวงตาที่มืดหม่นของเขา เหลือเพียงแต่ความตายเท่านั้น สายตาของเขาที่มองนายอำเภอราวกับกำลังมองคนตายอยู่
ไม่รู้ว่าใครในโรงน้ำชาตะโกนขึ้น “ฆ่าคน มีคนจะฆ่ากัน!”
ชั่วขณะนั้นราวกับทำลายคำสาปบางอย่าง ทุกคนที่เงียบสงัดก่อนหน้านี้กลับแตกตื่นวุ่นวาย ทั้งโรงน้ำชากึกก้องไปด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนทำให้ตกอยู่ในความโกลาหล
“อาเหรา” เหยาซูยืนอยู่ข้าง ๆ หลินเหรา เอื้อมมือออกไปหยิบกระเบื้องเคลือบที่มีเลือดติดอยู่ออกมาจากมือของเขา ชายหนุ่มก็ไม่ได้ต่อต้านใด ๆ
“แค่ขู่เขาก็พอแล้ว พอเถิด”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนของเหยาซูเหมือนลมที่พัดผ่านเข้ามาอย่างอ่อนโยน หลินเหรารู้สึกราวกับว่าเป็นความฝันที่เขานึกถึงขึ้นมาเอง ชายหนุ่มไม่ได้มองไปที่นายอำเภอเหยาที่กำลังหวาดกลัวบนพื้นอีกต่อไป เขาหันไปกระซิบกับเหยาซูว่า “อาซู ข้าจะฆ่าเขาแทนเจ้า”
เหยาซูไม่ได้ปฏิเสธ นางเพียงแค่ยิ้มและเอ่ยว่า “ที่นี่มีคนมากเกินไป เราจะไปซื้อเสื้อผ้าใหม่กัน หากเราเกิดฆ่าคน เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนแล้วเราจะไปเดินซื้อของกันได้อย่างไรเล่า?”
มีเพียงนายอำเภอเหยาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ในที่สุดนายอำเภอก็ทนไม่ไหว ตาเหลือกพลันสลบไปทันที
“อาซู” ชายหนุ่มหันมาจับมือของเหยาซู กล่าวด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น “ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้า”
บนมือของเขายังมีบาดแผลที่เกิดจากเศษกระเบื้องอยู่ หยดเลือดเริ่มเลอะเสื้อผ้าสีอ่อนของเหยาซู และเริ่มแผ่ขยายไปตามแขนเสื้อของนาง
เหยาซูเห็นเขากำมือแน่นจึงรีบดึงมือชายหนุ่มออกแล้วกางมือของเขาออก ดู เลือดสด ๆ ไหลรินออกมาจากบาดแผลทำให้นางอดรู้สึกปวดใจไม่ได้
นางรับปากพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพันแผลให้เขา “ได้ ๆ พวกเราไปทำแผลกันก่อนเถอะ”
เหยาซูเห็นว่าหลินเหราเลือดไหลไม่หยุดจึงไม่ชักช้าอีกต่อไป นางหยิบเหรียญทองแดงออกมาจากถุงเงินที่หลินเหราเพิ่งนำมาคืน ส่งให้กับเสี่ยวเอ้อที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ และพูดกับเขาว่า “พาคนที่นอนอยู่บนพื้นไปยังโรงหมอ”
เสี่ยวเอ้อหน้าซีด เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตัวสั่น “เขา เขายังไม่ตายใช่หรือไม่?”
เหยาซูถลึงตาใส่ “ยังไม่ตาย! แค่เป็นลม”
พูดจบก็โยนเงินไปที่โต๊ะน้ำชาแล้วลากหลินเหราเดินออกมาจากโรงน้ำชาทันที
โชคยังดีที่ในโรงน้ำชาแห่งนี้ไม่มีใครรู้จักพวกเขา อีกทั้งไม่มีใครกล้าห้ามปราม เหยาซูพลันคว้าข้อมือของหลินเหราและมุ่งตรงไปที่ร้านผ้าของตระกูลเหยาโดยเร็ว
เมื่อมาถึงร้าน เถ้าแก่หลิวที่เห็นเลือดก็พลันตกใจ “คุณหนูเกิดอะไรขึ้นขอรับ?”
เขาสำรวจเหยาซูอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่านางไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อยเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทว่าร่างสูงที่ถูกเหยาซูจูงมามีบาดแผลบนมือซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าอย่างง่าย ๆ เลือดสด ๆ ย้อมผ้าจนเป็นสีแดง
เหยาซูไม่รอช้าพาหลินเหราไปยังห้องด้านหลังและสั่งเถ้าแก่หลิวว่า “รบกวนท่านนำยาห้ามเลือดกับผ้าพันแผลมาให้ด้วย เร็วเข้า!”
เถ้าแก่หลิวร้อง ‘ขอรับ’ พลางคิดเรื่องเฝ้าร้านไว้ทีหลัง เร่งรีบวิ่งออกไปทันที
เหยาซูลากหลินเหราไปที่ห้องด้านหลัง นางให้เขานั่งลงบนเก้าอี้และหาผ้าสะอาดมาพันแผลไว้ชั่วคราว เหยาซูไม่ค่อยมีฝีมือในการทำแผลเท่าไรนักจนทำให้หลินเหราอดส่งเสียง ‘ซี๊ด’ ออกมาไม่ได้
เหยาซูชำเลืองมองเขา “ตอนนี้ท่านรู้ตัวว่าเจ็บแล้วงั้นหรือ? เหตุใดเมื่อครู่ถึงร้ายกาจนัก ทั้งยังบีบถ้วยชาจนแตกด้วยมือเปล่าอีก มือของท่านทำมาจากไม้หรืออย่างไร?”
หลินเหรายอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเองและไม่ได้พูดอะไร
เหยาซูก็ไม่พูดอะไรอีก นางพันผ้ารอบ ๆ จากนั้นก็ออกแรงมัดเป็นปม
หลังจากจัดการเสร็จทุกอย่าง เหยาซูนั่งลงตรงข้ามกับหลินเหรา แต่ไม่ได้มองเขาสักเท่าไร คิ้วเรียวยาวยกขึ้น แม้แต่คนอื่นยังสังเกตใบหน้าของนางออกว่าตอนนี้นางกำลังอารมณ์เสีย
“อาซู”
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกนาง แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ
หลินเหรามองไปที่สีหน้าเย็นชาของเหยาซูแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อาซู”
เหยาซูยังคงเงียบ
หลินเหราไม่มีประสบการณ์ในการเกลี้ยกล่อมผู้คน ทว่าหลายวันมานี้เขาทำให้เหยาซูโกรธไม่น้อย ต่อให้โง่แค่ไหนเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าควรพยายามพูดไปในทิศทางใดจึงจะคลายอารมณ์ขุ่นมัวของนางได้
“อาซู ข้าผิดไปแล้ว”
เขาไม่ได้สนใจเรื่องอื่น เตรียมพร้อมที่จะยอมรับผิดแต่โดยดี อย่างน้อยทัศนคติเรื่องนี้ก็ถือว่ายังดีอยู่
แต่หลินเหราไม่คิดว่าเหยาซูยังคงไม่สนใจ อีกทั้งไม่หันมามองเขา นางกำลังนั่งคิดเรื่องของตัวเองอยู่เหมือนกับท่อนไม้
แม้ว่าหลินเหราจะไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไร แต่เขาก็พยายามหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการลองผิดลองถูกและปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
“อาซู วันนี้ข้าไม่ควรทำเช่นนั้น มันเป็นความผิดของข้าเองที่ทำร้ายผู้คนในโรงน้ำชา”
คิ้วของเหยาซูขยับอีกครั้ง นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออก
หลินเหรารู้ว่าเขากำลังพยายามผิดทางจึงลองอีกครั้งแต่ยังคงน้ำเสียงที่จริงใจ
“ข้าไม่ควรทุบถ้วยน้ำชาและทำให้มือเจ็บ…”
ในที่สุดนางก็เงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองเขา “เหตุใดท่านต้องทำร้ายมือตัวเองด้วย?”
หลินเหราถอนหายใจด้วยความโล่งอกราวกับได้รับการยืนยันและยังคงพยายามต่อไป
“ข้ารู้ว่าข้าผิด” ในเวลานี้หลินเหราสังเกตเห็นแล้วว่าความโกรธของเหยาซูเกิดจากการที่เขาไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง
แต่บนโลกนี้ไม่มีอารมณ์ใดที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล เขาพยายามนึกอย่างถี่ถ้วนถึงสาเหตุความโกรธนี้
แม้ว่าเหยาซูจะไม่อยากยอมรับมันแต่เมื่อเห็นหลินเหราได้รับบาดเจ็บนางก็รู้สึกเสียใจ หลินเหราพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง “เมื่อครู่ข้าโกรธมาก พอเห็นสายตาที่เขามองเจ้า ทำให้ข้าโมโหจนอยากจะฆ่าคน”
ในที่สุดเหยาซูก็ทนไม่ไหว ความโมโห ความปวดร้าว และความไม่เข้าใจระคนกัน จึงกล่าวขึ้นว่า “โกรธแล้วลงมืออย่างนั้นหรือ ท่านพูดดี ๆ ไม่เป็นหรืออย่างไร? ต่อให้ลงมือทำไมต้องทำให้ตัวเองบาดเจ็บด้วย เห็นเลือดนี้หรือไม่ ท่านไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยใช่ไหม? มันจะดีกว่าถ้าท่านรักตัวเองมากกว่านี้!”
นางระบายอารมณ์ออกมาแต่หลินเหรานั้นมีสัมผัสที่เฉียบคม เขาเข้าใจอย่างเลือนรางว่าเหยาซูกำลังโกรธและหวาดกลัว แต่ลึก ๆ แล้วความเจ็บปวดของนางมาจากเขา
ความรู้สึกนี้ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่ม แม้จะเบาบางและไม่เจ็บแต่กลับทำให้รู้สึกชาจากฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ
“อาซู …” เขาพูดเสียงต่ำ “ข้าขอโทษ”
ดวงตาของเหยาซูฉายแววโกรธเคือง “ท่านขอโทษทำไม? ไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า! ทำตัวเองเจ็บก็ขอโทษตัวเองสิ!”
หลินเหราไม่ได้อธิบายเหตุผลในการขอโทษ ทว่ากลับพูดเรื่องอื่นออกมาแทน “เมื่อสักครู่บนถนน ขโมยคนนั้นชนเจ้าและขโมยของของเจ้าไป… ข้าไล่ตามไปเป็นเวลานานและในที่สุดก็พบกับเขา”
เสียงของเขาค่อย ๆ เย็นลงราวกับว่ากลายเป็นน้ำเย็นชโลมจิตใจนาง “ข้าไม่ได้ส่งเขาเข้าคุก ข้าแค่บีบคอเขาเพื่อให้เขาหายใจไม่ออก คนเราจะจดจำจนตายโดยเฉพาะเมื่อความตายมาถึง”
“วันนี้ที่โรงน้ำชา ไอ้สารเลวคนนั้นทำให้เจ้าอับอาย ข้าต้องการสั่งสอนเขาเพื่อให้เขาได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดและความหวาดกลัวของอาวุธที่ตัดผ่านผิวหนัง”
เมื่อพูดถึงการบีบคอจนหายใจไม่ออก ความตาย ความเจ็บปวด และความกลัว คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของหลินเหราได้อย่างง่ายดาย ราวกับเขามีประสบการณ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
……………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนแตกตื่นกันหมดแล้วท่านพ่อ สารภาพผิดและขอโทษกับท่านแม่ดี ๆ เลยนะ
ฟังจากการบอกเล่าแล้ว ชีวิตท่านพ่อคงจะผ่านประสบการณ์ดำมืดมาไม่น้อยเลยถึงได้โหดแบบนี้
ไหหม่า(海馬)