ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม - บทที่ 90 ปมผีเสื้อคืออะไร
บทที่ 90 ปมผีเสื้อคืออะไร
เมื่อเหยาซูและหลินเหรากลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็พบว่าอาจื้อและอาซือยังคงหลับอยู่ ทว่าซานเป่าตื่นแล้ว เขานอนลืมตาแป๋วอยู่ในเปลอย่างว่าง่าย ไม่ส่งเสียงร้องโยเยและเล่นอยู่กับตัวเอง
เหยาซูเดินเข้าไปอุ้มซานเป่าขึ้นมา นางหอมแก้มอวบอิ่มของลูกชายก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “ซานเป่าหิวหรือยัง?”
ซานเป่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่พูด เขาแกว่งแขนทั้งสองข้างไปมาพลางส่งเสียงร้องอ้อแอ้
อืม เหยาซูดีใจ รับรู้ว่านี่แหละคือคำตอบของลูก!
อาจื้อที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงน้องชายก็ตื่นขึ้นมา เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตา
“ท่านแม่ขอรับ น้องชายอยากเล่นหรือไม่”
แม้ว่าเขาจะสะลืมสะลือ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าซานเป่าต้องการสื่ออะไร
เหยาซูไม่เอ่ยอะไร นางเพียงยิ้มให้ลูกน้อย ๆ “ต้าเป่าเล่นกับน้องชายไหม? แม่จะไปเตรียมอาหารให้ซานเป่า”
อาจื้อพยักหน้า
เหยาซูวางซานเป่าลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ก่อนหยิบของเล่นไม้สองชิ้นจากชั้นวางในห้องส่งให้ลูกชายคนเล็ก ซานเป่าไม่จู้จี้จุกจิกและเล่นกับพี่ชายอย่างมีความสุข
ตอนนั้นเองอาซือก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน นางพลิกตัวไปเห็นพ่อและแม่จึงตะโกนออกมาว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่”
ผมสองข้างที่เคยมัดไว้อย่างเป็นระเบียบของสาวน้อยบิดเบี้ยวไปมา ท่าทางง่วงนอนของนางนั้นช่างดูน่ารักน่าชัง
เหยาซูกำลังจะเข้าครัว เมื่อเห็นท่าทางของอาซือ นางก็หันไปยิ้มแล้วพูดกับหลินเหรา ว่า “อุ้มเอ้อเป่าลงมาหวีผมให้นางหน่อยสิ”
เขาตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
เมื่อเหยาซูหายเข้าไปในครัว หลินเหราก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
เขาอุ้มอาซือขึ้นมาแล้ววางนางไว้ข้างเตียง ชายหนุ่มมองผมอันยุ่งเหยิงของนางแล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าคงต้องไปหาหวีมาก่อน”
อาซือจึงเอ่ยเตือนเขาว่า “ท่านพ่อ มีหวีอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งของท่านแม่เจ้าค่ะ”
หลินเหราชะงักไปเล็กน้อย เขาลูบหัวเด็กน้อย และส่งเสียงตอบรับเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งของภรรยา
เขาเดินกลับมาพร้อมถือหวีมาด้วย ชายหนุ่มปลดที่คาดผมของสาวน้อย มวยผมทั้งสองข้างทิ้งตัวสยายอยู่บนไหล่ของอาซืออย่างนุ่มนวล
เมื่อเห็นพ่อใช้หวีสางผมให้กับตน เด็กน้อยก็นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนพลางถามออกมาด้วยความงุนงง “ท่านพ่อ ท่านมวยผมสองข้างเป็นหรือไม่เจ้าคะ”
ชายหนุ่มเงียบไปก่อนถามลูกสาวตัวน้อยของตนว่า “มวยผมเช่นเมื่อครู่น่ะหรือ”
อาซือพยักหน้า
หลินเหรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เขาไม่น่าแกะผมทั้งสองข้างของนางพร้อมกันเลย หากเขาเก็บไว้สักข้างหนึ่งก็จะได้รู้ว่าต้องหวีอย่างไร…
แต่ตอนนี้คงต้องอาศัยภาพจำและลองทำไปก่อน
มันไม่ง่ายเลยที่แบ่งผมของสาวน้อยให้เป็นสองส่วนได้เท่ากัน เขาคว้าส่วนขวาจากนั้นก็หยิบผ้ารัดผมขึ้นมา แต่ก็ถูกอาซือหยุดเอาไว้เสียก่อน
“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าใส่เสื้อผ้าสีชมพูดังนั้นจะใช้ผ้ารัดผมสีน้ำเงินไม่ได้”
หลินเหราไม่อยากปล่อยมือขวาของตนเอง หากเขาปล่อยมือจากผมของลูกสาว ผมที่เขาเพิ่งหวีไว้จะกระจายออกทันที เขาจึงหันไปตอบอาซือ
“มัดไว้ก่อนแล้วเราไปหาที่รัดผมอันใหม่กัน ตกลงไหม”
สาวน้อยไม่ได้ทำให้ท่านพ่อของนางลำบากใจจึงตอบรับอย่างว่าง่าย
หลินเหราจับผมของนางไว้อย่างมั่นคงแล้วใช้ผ้ารัดเข้ากับมวยผมด้านขวาอย่างรวดเร็วและผูกปมชนิดที่แน่นที่สุด
“เอาล่ะตอนนี้บอกพ่อมาซิว่า ที่รัดผมของเจ้าอยู่ที่ใด”
อาซือชี้ไปที่ตู้ตรงกำแพง “อยู่ชั้นบนของตู้เจ้าค่ะ”
หลินเหราอุ้มลูกสาวขึ้นมา ตั้งใจจะพานางไปเลือกด้วยตนเอง แต่พออาซือหันหน้าไปมาผมที่รัดเอาไว้ก็หลุดคลายออก
เด็กน้อยตัวแข็งทื่อราวกับว่าตัวเองทำความผิด “ท่านพ่อผมข้าหลุดแล้ว…”
ผมสีดำเหลือบสีน้ำตาลลื่นสลวยเป็นเงา ทำให้ปมที่หลินเหรามัดเอาไว้คลายออกได้อย่างง่ายดาย
“ไม่เป็นไร” หลินเหราปวดหัวเล็กน้อย “เดี๋ยวเราหยิบผ้ามัดผมแล้วค่อยหวีใหม่”
เขาอุ้มอาซือไปที่หน้าตู้ พอเปิดดูก็มีผ้ารัดผมของเด็กน้อยอยู่ อาซือที่นั่งอยู่บนแขนของชายหนุ่มพลางกวาดสายตามองเข้าไปในตู้เสื้อผ้า นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้มีโอกาสเลือกผ้ารัดผมของตัวเอง
นางยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปพลางเอ่ยพึมพำ “สีชมพู…สองอัน”
นางพลิกไปพลิกมาแต่พบเพียงหนึ่งอันเท่านั้น
“ผ้ารัดผมของข้าอยู่ไหน?” นางทำหน้าบึ้งตึง ไม่ยอมแพ้ ใช้มือกวาดไปมาเพื่อหาอีกรอบแต่ก็ยังหาไม่เจอ
อาจื้อได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นจากที่ไกล ๆ ว่า “คราวที่แล้วตอนไปเล่นที่ภูเขา เจ้าให้ญาติผู้พี่ยืมผ้ารัดผมของเจ้าให้เขาพันกิ่งไม้ไม่ใช่หรือ”
อาซือหันมาประท้วง “ข้าไม่ได้ให้เขายืม พี่รองเขาเป็นคนถอดออกจากผมของข้า!”
นางถามอีกครั้ง “แล้วพี่รองได้คืนผ้ารัดผมให้ข้าในภายหลังหรือไม่”
อาจื้อเงยหน้า “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เจ้าลองนึกดูเองสิ”
ทั้งสองคนตะโกนจากที่ไกล ๆ หลินเหราได้ยินก็อยากจะหัวเราะ
อาซือคิดอยู่นาน สุดท้ายก็นึกไม่ออกจึงได้แต่เบะปากไม่พูดอะไรอีก
หลินเหราจึงเอ่ยปลอบใจนาง “เอาล่ะ อาซือมีผ้ารัดผมเยอะแยะ เลือกอันอื่นดีไหม?”
อาซือกะพริบตาปริบ ๆ “แต่ข้าอยากได้สีชมพู..”
หลินเหรารู้สึกมึนงง
เมื่อก่อนตอนอยู่ในตระกูลหลิน เด็กทั้งสองยังเล็กมาก ปกติก็ไม่ค่อยชอบพูด ไม่ค่อยใกล้ชิดกับเขาเช่นนี้ ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กกำลังนั่งอยู่บนแขนของเขาด้วยท่าทางอ่อนหวานและออดอ้อน หลินเหราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
สุดท้ายเขาจึงหันไปปรึกษากับลูกสาวว่า “เอาสีเขียวได้ไหม?”
อาซือส่ายหน้า
หลินเหรารู้สึกหมดหนทางและถามว่า “สีเหลืองล่ะดีหรือไม่?”
หลังจากถามเกี่ยวกับสีผ้ารัดผมในตู้เสื้อผ้าแล้ว อาซือก็ยังคงส่ายหน้า
เมื่อเห็นว่าปากของนางเบะออก ขอบตาเริ่มแดง หลินเหราจึงรีบเกลี้ยกล่อมนางทันที “ตอนนี้เรามัดผมให้เรียบร้อยก่อนดีไหม รอให้แม่เจ้ากลับมา จากนั้นให้แม่ไปซื้อผ้ารัดผมสีชมพูให้เจ้าใหม่ ตกลงไหม?”
อาซือพยักหน้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจและเอนตัวซบไหล่หลินเหราโดยไม่พูดอะไรอีก
หลินเหราถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยของเขาไม่ได้ร้องไห้ออกมา
เขาหยิบผ้ารัดผมสีเหลืองออกมาสองเส้น ชายหนุ่มอุ้มนางกลับไปที่เตียงเพื่อเริ่มต่อสู้กับผมของอาซืออีกครั้ง
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาจึงชำนาญมากขึ้น ไม่นานก็แบ่งผมออกเป็นสองส่วนได้สำเร็จ จากนั้นก็คว้าผมส่วนด้านขวาขึ้นมาพันรอบเป็นวงกลม
สิ่งต่อไปก็คือการมัดปม หลินเหราพยายามอยู่หลายครั้งแต่ผมของอาซือนุ่มลื่นเกินไปจนไม่สามารถมัดได้
เขาหยุดคิดอย่างหนักว่าก่อนหน้านี้เหยาซูหวีผมและมัดผมให้อาซือได้อย่างไร
อาจื้อเห็นดังนั้นจึงพูดแทรกขึ้นมาว่า “ท่านพ่อขอรับ ผมของน้องสาวห้ามมัดแบบนี้เด็ดขาด”
หลินเหราหันไปถามเขา “เจ้าทำเป็นหรือไม่?”
เมื่อเห็นลูกชายพยักหน้าอย่างมั่นใจ หลินเหราก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “งั้นมาลองทำดูเสีย”
อาซือลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่ายบนเตียงและปล่อยให้พ่อกับพี่ชายผลัดกันมัดผมของตัวเอง
ทว่าอาจื้อไม่ใช่หลินเหรา เขามัดผมน้องสาวด้วยแรงทั้งหมด
“เจ็บ” เด็กน้อยขมวดคิ้วแน่น
อาจื้อจึงรีบเอ่ยว่า “เอาล่ะมัดเรียบร้อยแล้ว เจ้าจะห้อยลงมาหรือผูกเป็นปม”
อาซือสูดจมูกฟืดพลางรู้สึกน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย “ข้าอยากให้ท่านแม่ผูกปมผีเสื้อ!”
หลินเหราและอาจื้อต่างมองหน้ากัน คล้ายจะถามว่าปมผีเสื้อคืออะไร?
……………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เลี้ยงลูกสาวก็จะต่างจากเลี้ยงลูกชายหน่อยนะคะอาเหรา สู้ๆ ค่ะ
ปมผีเสื้อก็คือผูกโบอย่างไรล่ะ
ไหหม่า(海馬)