ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - ตอนที่ 386 ล่าถอย
ตอนที่ 386 ล่าถอย
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าต่อให้เนี่ยเฟิ่งหลินจะรู้ว่านางอ้างชื่อของอีกฝ่าย ก็คงไม่กล่าวโทษซิ่วเอ๋ออย่างแน่นอน
เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว นางก็รู้ว่าเฝิงซูเหวินเป็นคนเช่นนี้ และบังเอิญได้พบเจอกับฮูหยินเนี่ย
ไม่ต้องพูดถึงว่าเนี่ยเฟิ่งหลินต้องการช่วยนางจริง ๆ เพราะเนี่ยเฟิ่งหลินต้องการสร้างปัญหาให้กับฮูหยินเนี่ยเสมอ จางซิ่วเอ๋อจึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะกล่าวอ้างชื่อของเนี่ยเฟิ่งหลิน
อย่างแรก มันสามารถทำให้เฝิงซูเหวินหวาดกลัวได้ และประการที่สองเนี่ยเฟิ่งหลินจะไม่กล่าวโทษนาง
หากเนี่ยเฟิ่งหลินต้องการตำหนินาง ในคราวนั้นนางก็เพียงกล่าวคำขอโทษ
แต่ตอนนี้ จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่านางควรจะต้องผ่านวิกฤติในปัจจุบันไปให้ได้เสียก่อน
เฝิงซูเหวินผู้นี้จะต้องไม่ได้รับชัยชนะ
ไม่อย่างนั้นนางคงไม่อาจทำการค้าต่อไปได้
หากการค้าไม่อาจดำเนินต่อไปได้ จางซิ่วเอ๋อก็จะรู้สึกว่าแผนของนางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจะเปล่าประโยชน์โดยสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านางสามารถทำให้เฝิงซูเหวินและฟู่ต้าเตาไม่กล้าเสนอหน้ามาสร้างปัญหา ถึงตอนนั้น ต่อให้นางพยายามหลบเลี่ยงคลื่นลมเพียงใด ก็จะยังกระทบการค้าอื่นในอนาคต
แล้วฟู่ต้าเตาและเฝิงซูเหวินก็คงจะสร้างปัญหาให้นางเช่นเดิม
นอกจากนี้นี่ยังไม่ใช่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงหมั่นโถวนึ่ง
จางซิ่วเอ๋อไม่อาจกล้ำกลืนลมหายใจแห่งความอัปยศอดสูนี้ได้
ดวงตาของเฝิงซูเหวินกะพริบเล็กน้อยเมื่อได้ยินจางซิ่วเอ๋อกล่าวถึงเนี่ยเฟิ่งหลิน
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวต่ออย่างยืนกราน “จางซิ่วเอ๋อ ข้าแนะนำว่าอย่าได้เสแสร้งเล่นละครมากเกินไปนัก! คุณหนูรองของข้าจะไปสนิทสนมกับคนเช่นเจ้าได้อย่างไร?”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าคนอวดดี! หากเจ้าไม่เชื่อข้า! ก็มานี่สิ! อย่างนั้นก็เข้ามา! เอาป้ายวิญญาณนี้ไป แล้วทำลายมันเสีย! ถึงอย่างไรตระกูลก็คงไม่ถือสา ฮูหยินเนี่ยคงไม่มานั่งสนใจป้ายวิญญาณในมือของข้าที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต…”
เมื่อกล่าวจบ จางซิ่วเอ๋อก้าวไปด้านหน้าสองสามข้าว พร้อมกล่าวกับเฝิงซูเหวินอย่างจริงจัง “ข้าแนะนำให้เจ้าคิดถึงผลของการกระทำสักนิด! นายน้อยอายุสั้นของเจ้าที่เคยได้ยินมาน่ะ ไม่มีแม้แต่นางบำเรอ มีแค่ภรรยาเช่นข้า หากไม่มีใครในตระกูลเนี่ยจดจำข้าได้… ในตอนนั้น… เขาก็คงเป็นได้แค่ผีขี้เหงาอยู่ในวังนรก…”
“เจ้าลองตรองดู นายท่านเนี่ยในบ้านของเจ้า และคุณหนูรองเนี่ยของเจ้าจะยอมให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นหรือไม่?” จางซิ่วเอ๋อถามต่อ
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จางซิ่วเอ๋อยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าวประชดประชัน “ข้าขอแนะนำให้เจ้าเลิกทำตัวโง่เขลาเสีย ในเวลานั้นคนที่บอกกล่าวให้เจ้าทำเช่นนี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ และโทษทั้งหมดจะตกมาที่คนรับใช้เช่นเจ้า น่าสมเพชนัก”
ขณะที่จางซิ่วเอ๋อกล่าว นางหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขราวกับได้เห็นจุดจบที่น่าเวทนาของเฝิงซูเหวิน
สีหน้าของเฝิงซูเหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
ทุกคนคิดว่าคนที่จางซิ่วเอ๋อพูดถึงคนที่ขอให้เฝิงซูเหวินสร้างปัญหาคือฟู่ต้าเตา
อย่างไรก็ตาม เฝิงซูเหวินเข้าใจอย่างชัดเจนอยู่เต็มอก คนที่จางซิ่วเอ๋อกล่าวถึงไม่ใช่ฟู่ต้าเตา ฟู่ต้าเตาต้องการสร้างปัญหาเพราะเขาขัดผลประโยชน์กับจางซิ่วเอ๋อเล็กน้อย
แต่อีกคน คือการลอบสร้างปัญหาอย่างลับ ๆ
เมื่อเห็นว่าเฝิงซูเหวินดูเหมือนจะคล้อยตาม จางซิ่วเอ๋อจึงลดเสียงลงพร้อมกล่าวกระซิบด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงนางและเฝิงซูเหวินเท่านั้นที่ได้ยิน
“เฝิงซูเหวิน เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังถูกผู้อื่นหลอกใช้ แล้วจากนั้นเจ้าจะกลายเป็นแพะรับบาป จะไม่มีผู้ใดเห็นใจเจ้า” หลังจากจางซิ่วเอ๋อกล่าวจบ นางแสยะยิ้มให้กับเฝิงซูเหวินอย่างน่าขนลุก
ใบหน้าของเฝิงซูเหวินแปรเปลี่ยนจนยากจะคาดเดาอารมณ์
หลังจากนั้นไม่นาน เขากัดฟันพร้อมมองจางซิ่วเอ๋อและกล่าวว่า “อย่าคิดว่าจะทำให้ข้าเกรงกลัวได้เพียงคำพูดไม่กี่คำ!”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินถึงสัญญาณล่าถอยจากน้ำเสียงของเฝิงซูเหวินแล้ว
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้หวาดกลัว แล้วเหตุใดจึงไม่เข้ามา?” จางซิ่วเอ๋อกล่าวพร้อมกับยกป้ายวิญญาณในมือขึ้น
ใบหน้าของเฝิงซูเหวินซีดเผือด เขาไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้จางซิ่วเอ๋อจะนำป้ายวิญญาณมาด้วยจริง ๆ
หากจางซิ่วเอ๋อไม่มีของสิ่งนี้ เขายังแสร้งทำเป็นสับสนได้
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกลับนำป้ายวิญญาณออกมา หากเขาต้องจัดการกับจางซิ่วเอ๋อ มันก็คงไม่เป็นไรหากไม่มีผู้ใดสนับสนุนจางซิ่วเอ๋อ แต่หากมีคนสนับสนุนจางซิ่วเอ๋อจริง ถึงคราวนั้นเขาต้องประสบโชคร้าย
เฝิงซูเหวินกัดฟัน “ดี! ทำได้ดีมาก!”
“เฝิงซูเหวิน ข้าแนะนำให้เจ้ากลับไปทำหน้าที่คนรับใช้โดยซื่อสัตย์ อย่างไรเราย่อมอยู่ด้วยกันอย่างสันติได้ ไม่เช่นนั้นคราวหน้าหากข้าได้พบเจอคุณหนูรอง ข้าอาจจะต้องพูดกล่าวอะไรสักอย่าง” จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในขั้นตอนทั้งหมด จางซิ่วเอ๋อกระทำด้วยอาการสงบนิ่งในสายตาผู้รับชม
มีเพียงจางซิ่วเอ๋อเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองกังวลมากเพียงใด
นางหวาดกลัวจริง ๆ ว่าคำพูดของตนจะไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้เฝิงซูเหวินได้
แต่โชคดีที่เฝิงซูเหวินแตกต่างจากฟู่ต้าเตา ฟู่ต้าเตารู้เพียงการใช้กำลังอย่างโหดเหี้ยมและไม่มีสมอง แต่เพราะเฝิงซูเหวินสามารถอยู่ในตระกูลเนี่ยได้ ดังนั้นเขาจึงมีสมองอยู่บ้าง
เขารู้จักวิธีชั่งน้ำหนัก ผลดี ผลร้าย และยังช่างสังเกต
อีกทั้งเขาไม่ได้สนใจความรู้สึกของฟู่ต้าเตามากนัก
เป็นเพียงเพราะฟู่ต้าเตาขอร้องต่อเขา เขาจึงยื่นมือมาช่วยฟู่ต้าเตาอย่างไม่ตั้งใจนัก
สำหรับตอนนี้น่ะหรือ? เขารู้สึกว่าหากช่วยเหลือจะมีความเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องถอนตัว
ทันทีที่เฝิงซูเหวินคิดถึงสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อกล่าว ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าใด เขายิ่งรู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์เลยที่จะทำเช่นนี้ หากเกี่ยวข้องกับตัวเขาจริง ๆ มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
มันเป็นเรื่องที่เขาไม่สมควรคิด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฝิงซูเหวินชั่งน้ำหนักในจิตใจพร้อมกล่าวเสียงดัง
“จางซิ่วเอ๋อ เพราะอยู่ต่อหน้านายน้อยของข้า คราวนี้ข้าจึงยกโทษให้เจ้า!” เฝิงซูเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก และดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อโปรดปรานมากที่สุด
จางซิ่วเอ๋อเม้มริมฝีปากของนางอย่างไม่คิดยอมรับ เมื่อได้ยินว่าเฝิงซูเหวินตั้งใจที่จะหนี แต่เพราะเขาไม่อยากเสียหน้ามากนัก ดังนั้นเขาจึงตั้งใจกล่าวออกมาเช่นนั้น
จางซิ่วเอ๋อไม่ได้โต้แย้งอะไรเลย ตอนนี้เฝิงซูเหวินคิดจะตีจากไปแล้ว และนางไม่ต้องการตอบโต้
ท้ายที่สุด นางยังเป็นเพียงบุคคลภายนอกที่กล่าวอ้างชื่อของบุคคลภายในเพื่อข่มขู่เฝิงซูเหวิน ท้ายที่สุดนางก็ยังไม่มั่นใจว่าบุคคลผู้นั้นจะช่วยเหลือนางจริง ๆ
อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้นี้จะถูกนางควบคุม นางก็เพียงแสร้งทำเป็นห่มหนังเสือ นอกจากพูดเสียงดังแล้ว ก็หาได้มีกำลังใดไม่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อยังรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อเผชิญกับความโชคร้าย
หากไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ แล้วทำให้เฝิงซูเหวินโกรธ จะให้เฝิงซูเหวินมาสร้างปัญหา ก็ไม่มีประโยชน์อะไร จริงไหม?
เมื่อเห็นว่าเฝิงซูเหวินกำลังจะล่าถอย ผู้รับชมทั้งหมดต่างจับจ้องจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาว่างเปล่า
ทุกคนลอบชื่นชมว่าจางซิ่วเอ๋อมีความสามารถ! เฝิงซูเหวินถึงกับหวาดกลัวต่อถ้อยคำเพียงสองสามพยางค์
นอกจากนี้ ทุกคนยังรู้จากคำพูดของจางซิ่วเอ๋อว่าจางซิ่วเอ๋อมีสัมพันธ์กับตระกูลเนี่ย ในเวลานี้คนอื่น ๆ ที่มีเจตนาไม่ดีต่อจางซิ่วเอ๋อจึงรีบล้มเลิกความคิดทันที
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เก่งมากซิ่วเอ๋อ น้องยืนหยัดด้วยตัวเองได้แล้ว
ไหหม่า(海馬)