ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - ตอนที่ 407 เผยธาตุแท้
ตอนที่ 407 เผยธาตุแท้
รุ่ยเซียงเข้าใจว่าสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อกล่าวออกมานั้นหมายความว่าอย่างไร
นางตอบกลับด้วยใบหน้าบูดบึ้งทันที “จางซิ่วเอ๋อ! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้!”
“เจ้ามันหน้าซื่อใจคด ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเสมอว่าไม่มีผู้ใดให้เงินเจ้า แต่ตอนนี้ท่านหมอเมิ่งกำลังให้เงินเจ้าอยู่ ทุกคนล้วนเห็นมัน! พูดตรง ๆ เถิดว่าเจ้าไม่อยากให้ข้ายืม!” สีหน้าของรุ่ยเซียงที่เคยดูโศกเศร้าพลันมลายหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความขุ่นเคืองและเสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราด
ไม่ว่าจางซิ่วเอ๋อจะอารมณ์ดีแค่ไหน เมื่อได้ยินรุ่ยเซียงกล่าวเช่นนี้ อารมณ์ของนางย่อมไม่ดีได้เช่นกัน
“รุ่ยเซียง ข้าไม่มีหน้าที่ต้องอธิบายเรื่องของข้าให้เจ้าฟัง! และข้าก็มีมโนธรรมชัดเจน! ส่วนเรื่องให้ยืมเงิน ข้าจะให้เจ้ายืมหากเรามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่หากข้าจะไม่ให้เจ้ายืม ข้าก็ไม่ผิด!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวปฏิเสธ
จางซิ่วเอ๋อลอบเยาะเย้ยอีกฝ่ายในใจ ในเมื่อรุ่ยเซียงไม่ยอมไว้หน้ากันแล้ว เช่นนั้นก็แตกหักกันไปข้าง ให้รุ่ยเซียงต้องวิ่งหนีเมื่อพบเจอนางในคราวหน้าไปเลย! สิ่งนี้จะช่วยให้นางหลุดพ้นออกจากปัญหาและความทุกข์ยากที่คล้ายคลึงกันในอนาคต
“จางซิ่วเอ๋อ ข้ามองเจ้าผิดมาตลอด! อย่าได้คิดว่าตัวเจ้าสูงส่งได้เพียงปีนขึ้นต้นไม้นามท่านหมอ มันก็เพียงกิ่งไม้ที่สูงไปบ้าง อย่างไรเจ้าก็เป็นแค่นังร่านที่มีหน้ามาแสร้งกระทำราวกับว่าตนเองบริสุทธิ์ ช่างน่าขันนัก!” รุ่ยเซียงกล่าวเยาะเย้ย
“หากท่านหมอเมิ่งทราบว่าเจ้าเคยอยู่ในซ่องโสเภณีลับมาก่อน และหากท่านหมอเมิ่งทราบว่าเจ้ามีนัดพบกับชายลึกลับบนภูเขาในยามค่ำคืน เขาจะยังคิดจะแต่งงานกับเจ้าอยู่หรือไม่?” รุ่ยเซียงกล่าว ดวงตาของนางถลนออกมาจนแทบจะระเบิด ความรู้สึกที่กล่าวเต็มไปด้วยถ้อยคำริษยา
ชะตากรรมของทั้งสองนั้นคล้ายคลึงกันมาก แต่ทำไมจางซิ่วเอ๋อที่ไม่งดงามเท่านางจึงได้พบจุดจบที่สวยงามกันเล่า?
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยินคำพูดนั้น น้ำเสียงของนางแผ่วลงเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอะไร?”
“ที่ข้าหมายถึงก็คือ เจ้าเพียงให้เงินข้า! ห้าตำลึง! เจ้าเพียงให้เงินข้าห้าตำลึง แล้วข้าจะไม่บอกผู้ใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มิฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้แต่งงานกับท่านหมอเมิ่ง สินสอดทองหมั้นเหล่านั้นก็ต้องส่งกลับให้ท่านหมอเมิ่งด้วย!” รุ่ยเซียงเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับเผยท่าทางเย่อหยิ่ง
จางซิ่วเอ๋อกลอกตาไปมา รุ่ยเซียงพูดเรื่องการยืมเงินก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้นางเปิดเผยธาตุแท้ออกมาอย่างสมบูรณ์แล้วใช่ไหม? นางต้องการใช้เรื่องเหล่านั้นเพื่อกรรโชกทรัพย์ตน
หากวันนั้นนางให้รุ่ยเซียงยืมเงินไปสองตำลึง รุ่ยเซียงก็จะไม่คืนเงินแน่นอน แล้วหากนางไปทวงถามด้วยตนเอง รุ่ยเซียงก็จะหันหลังให้กับตนอย่างไม่ต้องสงสัย!
จางซิ่วเอ๋อคิดเรื่องนี้อย่างไม่ได้ตั้งใจนัก และรู้สึกโชคดีเล็กน้อยที่วันนั้นไม่ได้ให้รุ่ยเซียงยืมเงินไปก่อน มิฉะนั้นในท้ายที่สุดหากรุ่ยเซียงไม่คืนเงินให้กับนาง นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความโชคร้ายของตนเอง!
จางซิ่วเอ๋อมองรุ่ยเซียงที่ยืนตรงหน้า นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ารุ่ยเซียงกลายเป็นคนเช่นนี้ได้อย่างไร
ไม่ รุ่ยเซียงอาจจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก แต่นางไม่เคยแสดงด้านที่แย่ที่สุดของตนเองออกมา
“อะไรนะ? เจ้ากลัวงั้นเหรอ? หากว่ากลัวแล้ว ก็รีบส่งเงินมาให้ข้า!” รุ่ยเซียงพูดพร้อมกับยื่นมือออกมา
จางซิ่วเอ๋อปริปากเผยอขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าวตอบทีละคำ “รุ่ยเซียง เจ้าสามารถพูดอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ส่วนเรื่องเงิน… เจ้าจะไม่มีวันได้แม้แต่เหรียญเดียว!”
ถูกต้อง แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋อจะไม่ยอมให้รุ่ยเซียงคุกคามได้
หากนางประนีประนอมไปก่อนในตอนนี้ หลังจากนี้นางคงต้องพบเจอความลำบาก รุ่ยเซียงผู้ซึ่งได้รับความหอมหวานไปหนึ่งครั้ง ย่อมมีแนวโน้มว่าจะมาข่มขู่นางเป็นครั้งที่สอง สาม และสี่!
นอกจากนี้ นางไม่ชอบการถูกคุกคาม!
รุ่ยเซียงสามารถพูดอะไรก็ได้ตามที่นางต้องการ
มีหนี้มากมายก็ไม่เห็นใช่เรื่องต้องใส่ใจ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของนางก็ไม่ใช่ว่าจะดีนัก และนางก็ไม่กลัวหากจะมีเรื่องแย่ ๆ เพิ่มมาอีกสักเรื่อง
กล่าวก็คือเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะมอบเงินจำนวนนี้ให้กับรุ่ยเซียง
“จางซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่กลัวสิ่งที่ข้าพูดไปจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ไม่กล้วว่ามันจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับท่านหมอเมิ่งหรือไร?” รุ่ยเซียงถามออกมาอย่างไม่เชื่อถือ นางรู้สึกว่าความคิดของจางซิ่วเอ๋อนั้นเป็นสิ่งที่นางคาดไม่ถึงจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อควรจะเอาเงินออกมาเพื่อปิดปากนางในเวลานี้มิใช่หรือไร?
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
หากท่านหมอเมิ่งสมัครใจเลิกรากับนางเพราะเหตุนี้ ทั้งนางและเขาจึงไม่ต้องให้โอกาสกันและกันอีก ซึ่งมันจะช่วยบรรเทาปัญหาที่ทั้งสองประสบอยู่ในตอนนี้ได้อย่างดี
แม้ว่านางจะรู้สึกว่านางสามารถทำอะไรให้ผู้คนเชื่อใจได้ แต่มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องพยายามให้กับคนที่ไม่มีความไว้ใจขั้นพื้นฐาน!
หากท่านหมอเมิ่งใช้สิ่งนี้เพื่อถอนตัวจากการแต่งงาน นางก็โล่งใจอย่างแท้จริง และนางรู้สึกว่าตนไม่ได้ติดค้างผู้ใดเลย
รุ่ยเซียงย่อมไม่เข้าใจว่าจางซิ่วเอ๋อไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับท่านหมอเมิ่งเลย
“รุ่ยเซียง ข้าเกรงว่าเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เจ้าสามารถพูดอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ แต่หลังจากที่เจ้าไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าย่อมรู้ดีว่าข้ามิใช่คนที่สามารถกลั่นแกล้งได้ง่าย เรื่องของเจ้ากับหวังกลากเกลื้อน...” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มุมปากของจางซิ่วเอ๋อยกยิ้มเล็กน้อย
หากรุ่ยเซียงเล่าเรื่องของนางออกไป นางก็ไม่จำเป็นต้องเก็บความลับให้รุ่ยเซียง
หวังกลากเกลื้อนนั้นไม่ว่าจะมองจากซ้ายหรือขวา เขาไม่ใช่คนดีและนางก็ไม่ได้ชื่นชอบคนผู้นี้เลย ดังนั้นนางย่อมไม่คิดปรานี
นางไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเพราะนางรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของตน และนางรู้สึกว่านางไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นสตรีปากยื่นปากยาว
แต่หากรุ่ยเซียงยั่วยุนาง นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
รุ่ยเซียงกรีดร้องทันที “จางซิ่วเอ๋อ เจ้ากำลังข่มขู่ข้า! ข้านึกว่าเราจะเป็นสหายกัน!”
จางซิ่วเอ๋อมองรุ่ยเซียงด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “เป็นเจ้าที่ข่มขู่ข้าก่อน! สำหรับคำว่าสหาย… ข้าช่างโชคร้ายไม่เบาที่มีสหายเช่นเจ้า!”
เมื่อก่อนนางเป็นเพียงคนที่มีความคิดความอ่านไม่เหมือนกับรุ่ยเซียงอย่างมากเท่านั้น นางก็เพียงแตกต่างกัน แม้เป็นสหายไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ศัตรู ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับรุ่ยเซียง แม้ว่าจะไม่พอใจมากเพียงใด แต่นางก็อดกลั้นไว้เสมอ
แต่ตอนนี้นางเข้าใจแล้ว
นางกับรุ่ยเซียงไม่เหมือนกันเลย ทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ดุจปลายเข็มกระทบเมล็ดข้าว*!
*สมควรต่อกันแล้ว หรือ ทัดเทียมเสมอกัน
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าเหนื่อยนิดหน่อยแล้วเหมือนกัน ข้าไม่มีเวลาจะคุยกับเจ้าแล้ว” จางซิ่วเอ๋อโบกมือและเดินเข้าไปในป่าผีสิง
รุ่ยเซียงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “จางซิ่วเอ๋อ อย่าคิดว่าเจ้าเพียงใช้เรื่องของพี่หวังมาข่มขู่แล้วข้าจะกลัว! หากเจ้าไม่หยุด ข้าจะกลับไปบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าในตอนนี้!”
ฝีเท้าของจางซิ่วเอ๋อหยุดลงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะเดินไปข้างหน้าต่อโดยไม่แม้แต่หันหลังกลับมา
รุ่ยเซียงจ้องแผ่นหลังของจางซิ่วเอ๋ออย่างโกรธเคือง “ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีความสุข!”
ในเวลานี้ ใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อเผยความไร้ปรานีออกมา มันช่างเป็นวันที่ประเสริฐจริง ๆ! ประเสริฐมาก!
มีคนอย่างรุ่ยเซียงบนโลกใบนี้ได้อย่างไร? จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าพฤติกรรมของคนบางคนสามารถพัฒนาความไร้ยางอายได้อย่างไร้ขีดจำกัด!
นางคิดว่ามีเพียงคนตระกูลจางเท่านั้นที่ไร้ยางอาย แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าเรื่องของรุ่ยเซียงก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน!
เมื่อจางซิ่วเอ๋อเดินมาถึงหน้าประตูบ้านผีสิง นางก็สงบใจเล็กน้อยก่อนจะคลายความกังวลในใจลง
นางไม่ต้องการที่จะนำความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านี้เข้าไปในบ้าน
………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถ้ามีเพื่อนอย่างนี้ก็เทสถานเดียวล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าถ้าใจอ่อนแล้วจะโดนแทงข้างหลังกี่แผลบ้าง
ไหหม่า(海馬)