ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - ตอนที่ 431 บ้านตระกูลเมิ่ง
ตอนที่ 431 บ้านตระกูลเมิ่ง
เมื่อจางซิ่วเอ๋อไปที่บ้านของตระกูลจาง มีบางคนที่ไม่เห็นนาง
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกำลังขับเกวียนลาผ่านหมู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านจึงทราบว่าจางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้ว
“โอ้สวรรค์ จางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้วอย่างงั้นหรือ? นางมีความสามารถจริง ๆ มิฉะนั้นตระกูลเนี่ยจะปล่อยนางมาได้อย่างไร?”
“เจ้าเห็นทิศทางที่นางกำลังจะไปหรือไม่ ดูเหมือนว่านางกำลังจะไปหาท่านหมอเมิ่งนะ?”
“โอ้ อย่าบอกนะว่านางกำลังจะไปหาท่านหมอเมิ่ง จริง ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ท่านหมอเมิ่งอาจจะไม่ต้องการแต่งงานกับนางแล้วเพราะกลัวว่าจะถูกตราหน้าว่าทำผิดบาป มันเป็นเ เรื่องปกติที่นางจะรีบเร่งไปอธิบายต่อเขา”
จางซิ่วเอ๋อจะรู้ความคิดเหล่านั้นได้อย่างไร นางเพียงแค่จะไปเรียกหมอมาดูอาการแม่โจวเท่านั้น แต่คนเหล่านี้กลับคิดไปมากมาย
จางซิ่วเอ๋อเคยไปบ้านท่านหมอเมิ่งมากกว่าหนึ่งครั้ง ครั้งนี้นางก็สามารถมาที่นี่อย่างง่ายดาย
เมื่อก่อนนางไม่มีเกวียนของตนเองให้เดินทางไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
เมื่อมาใกล้บ้านของท่านหมอเมิ่ง จางซิ่วเอ๋อจึงลงจากเกวียนลาแล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเกวียนลา
ประตูบ้านท่านหมอเมิ่งปิดสนิท
จางซิ่วเอ๋อผูกเกวียนลาไว้กับเสาไม้ที่ประตูพร้อมกับก้าวเข้าไปข้างใน
จางซิ่วเอ๋อเคยมาที่นี่มาก่อน ทว่าทุกครั้งที่นางมาที่นี่ นางจะรีบร้อนไม่มีเวลาสังเกตสิ่งรอบข้างอย่างรอบคอบ
คราวนี้จางซิ่วเอ๋อมองดูลานบ้านของท่านหมอเมิ่งอย่างตั้งใจ
มีที่โกยผงมากมายในลาน และมีตัวยาตากแดดอยู่ด้านใน
ลานบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร
เมื่อได้กลิ่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็จดจำได้ว่าหนิงอันก็มีกลิ่นหอมคล้ายยาบนร่างกายของเขาเช่นกัน แต่กลิ่นยาในลานแห่งนี้รุนแรงกว่ามาก
สำหรับหนิงอันนั้นมันบางเบายิ่ง
“ท่านอาเมิ่ง ท่านอยู่ที่นี่หรือไม่?” จางซิ่วเอ๋อตะโกน
หลังจากผ่านมาสักครู่หนึ่ง จางซิ่วเอ๋อก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานได้
ท่านหมอเมิ่งเดินออกมาจากห้อง เขาสวมใส่ชุดสีฟ้าเรียบ ๆ ยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดด้วยรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ
สีหน้าไร้ซึ่งความแปลกใจใด ๆ เขามองจางซิ่วเอ๋อด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนพร้อมกล่าวว่า “ซิ่วเอ๋อ เจ้ามาที่นี่หรือ งั้นรีบเข้ามาก่อนเถิด”
หากเป็นในอดีต ท่านหมอเมิ่งคงไม่เชิญชวนจางซิ่วเอ๋อเข้ามาในบ้านเช่นนี้
ทว่าตอนนี้เรื่องราวระหว่างทั้งสองคนเปลี่ยนไปแล้ว และมันก็สมเหตุสมผลหากท่านหมอเมิ่งจะทำเช่นนั้น
จางซิ่วเอ๋อลังเลก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน
เข้ามาแล้วก็พบว่ามีตู้ โต๊ะและตู้ยาอยู่ข้างหลังโต๊ะ นี่คือห้องนั่งเล่นในบ้านท่านหมอเมิ่ง และเป็นสถานที่รักษาผู้ป่วยด้วย
ห้องนั่งเล่นนี้มีประตูสองบาน ห้องนอนอยู่ทางทิศตะวันออก และห้องครัวอยู่ทางทิศตะวันตก ตอนนี้ประตูเหล่านั้นเปิดอยู่
จางซิ่วเอ๋อมองเห็นลาง ๆ ว่ามีกล่องและหีบอยู่ในห้องนอนพร้อมกับเตียงที่คลุมไว้ด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม และห้องครัวทางตะวันตกอยู่สะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง
นางไม่รู้ว่าท่านหมอเมิ่งทำความสะอาดได้ดีเกินไป หรือว่าเขาไม่ค่อยทำอาหารในห้องครัวกันแน่
“ซิ่วเอ๋อ นั่งลงก่อน” ท่านหมอเมิ่งรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้ามาหาท่านในคราวนี้เพราะข้ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ”
ท่านหมอเมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กล่าวมาได้เลย” น้ำเสียงนี้เหมือนกับจะบอกว่า ไม่ว่าจางซิ่วเอ๋อจะขอให้เขาช่วยเหลือสิ่งใด เขาย่อมเต็มใจทำมันทั้งสิ้น
จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ “เรื่องเป็นเช่นนี้ เมื่อวานแม่ของข้าตื่นตระหนก และข้าต้องการให้ท่านช่วยตรวจร่ายกายนาง”
ท่านหมอเมิ่งพยักหน้าพร้อมตอบกลับ “ย่อมได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของท่านหมอเมิ่งดูงุนงงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้าไม่ได้ดูแลแม่ของเจ้าอย่างดีงั้นหรือ? เหตุใดนางจึงตื่นตกใจอีกครั้ง?”
ท่านหมอเมิ่งยุติครรภ์ให้สตรีมากมาย แต่กับสตรีเช่นแม่โจวที่ครรภ์ไม่คงที่นั้นยังทำไม่ได้
คนปกติทั่วไปแล้ว หากเกิดเหตุการณ์ครั้งหนึ่งก็ควรจะระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่โจวนั้น เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในจรรยาบรรณความเป็นแพทย์ หมอเมิ่งย่อมห่วงใยแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์มันเปลี่ยนไปแล้ว หมอเมิ่งยิ่งห่วงใยแม่โจวมากขึ้น
จางซิ่วเอ๋อเผยท่าทีประหม่าออกมาผ่านทางสีหน้า นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลอบคิดกับตนเองว่าท่านหมอเมิ่งก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลเนี่ยเช่นกัน
จางซิ่วเอ๋อคิดเช่นนั้น จึงกล่าวคำ “ท่านอาเมิ่ง มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องบอกกล่าวแก่ท่าน”
แม้จะพูดยากหน่อย แต่หากไม่พูดตอนนี้ไม่ช้าก็เร็วเรื่องคงถูกเปิดเผยอยู่ดี
“เมื่อวานนี้มีใครบางคนจากตระกูลเนี่ยมาพบข้า ข้าเพลี่ยงพล้ำและถูกคนจากตระกูลเนี่ยพาตัวไป แม่ของข้าจึงตื่นตระหนกด้วยเหตุผลนี้” จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ
จางซิ่วเอ๋อกังวลว่าท่านหมอเมิ่งจะตำหนิตนเอง ดังนั้นจึงไม่ได้บอกว่าตระกูลเนี่ยสร้างปัญหาเพราะเรื่องของตนกับเขา นางเพียงกล่าวออกไปอย่างกระชับเท่านั้น
ท่านหมอเมิ่งนิ่งฟังอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ขัดจังหวะคำพูดของจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ “ในที่สุดตระกูลเนี่ยก็ปล่อยตัวข้า แต่พวกเขาไม่ยินยอมให้ข้าแต่งงานใหม่เป็นเวลาสามปี”
ท่านหมอเมิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจเล็กน้อย “ท่านอาเมิ่ง ข้าทราบดีว่าท่านไม่อาจรอถึงสามปีได้ ดังนั้นการแต่งงานของเรา… หากเป็นไปได้ แสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นทีเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเมิ่งเงยหน้าขึ้น ราวกำลังอดกลั้นบางอย่าง ในแววตาของเขาปรากฏร่องรอยเศร้าโศก
เขาได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าข้ารอไม่ไหว?”
หัวใจของจางซิ่วเอ๋อสั่นไหวเล็กน้อย แต่นางก็ยังกล่าวต่ออย่างแน่วแน่ “ท่านเป็นคนดี ท่านไม่ควรจะรอข้านานเช่นนั้น”
นางยังเด็ก เพียงแค่ 3 ปีนางรอได้
หากแต่ท่านหมอเมิ่งมิใช่เด็กอีกต่อไป หากเขารอถึง 3 ปีมันคงจะน่าอับอายเกินไปสำหรับเขา
แต่เพื่อบอกความจริง จางซิ่วเอ๋อไม่ต้องการให้ท่านหมอเมิ่งต้องรอนาง
หากท่านหมอเมิ่งรอนางถึง 3 ปีจริง ๆ นางก็ไม่อาจปฏิเสธท่านหมอเมิ่งได้อีกต่อไป!
จางซิ่วเอ๋อคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่นาน
นางมีความประทับใจต่อท่านหมอเมิ่ง แต่เมื่อคิดอย่างจริงจังแล้ว ความประทับใจเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก และถือได้ว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยเท่านั้น เฉกเช่นพี่น้องช่วยเหลือซึ่งกันแ และกัน
ท่านหมอเมิ่งมองจางซิ่วเอ๋อและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าไม่คิดเรื่องนี้ต่อแล้วงั้นหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “ข้า…”
ท่านหมอเมิ่งไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ถึงความคิดดำมืดจางซิ่วเอ๋อได้อย่างชัดเจน
ในเวลานี้ เขาจะถามจางซิ่วเอ๋อว่านางต้องการจะคิดไตร่ตรองมันอีกครั้งหรือไม่
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อก็เข้าใจเช่นกันว่าท่านหมอเมิ่งมองนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่นางก็ไม่อาจกล่าวขอโทษหมอเมิ่งได้
นางไม่ได้ถามท่านหมอเมิ่งว่าเขาจะรอนางเป็นเวลา 3 ปีได้หรือไม่ แต่นางกล่าวออกไปว่าท่านหมอเมิ่งไม่อาจทำได้ ในท้ายที่สุดแล้วทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพราะว่านางไม่แน่ใจว่าตนต้องกา ารจะแต่งงานกับท่านหมอเมิ่งจริง ๆ
แต่นางไม่เก่งพอที่จะปฏิเสธท่านหมอเมิ่งทันที ดังนั้นข้ออ้างเกี่ยวกับข้อตกลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันอาจจะทำให้ทั้งสองคนอับอายน้อยลง
ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่ความผิดของท่านหมอเมิ่งหรือจางซิ่วเอ๋อ ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด
ด้วยวิธีนี้ เรื่องนี้สามารถกล่าวตกลงกันได้ทันที และไม่จำเป็นต้องอับอายต่อกัน
………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ยังคงเป็นความสัมพันธ์ที่คลุมเครือต่อไป สามปีให้หลังจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ชะตากำหนดแล้วกันค่ะ
ไหหม่า(海馬)