ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 111 ล้มแล้วเหยียบซ้ำ
บทที่ 111 ล้มแล้วเหยียบซ้ำ
แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด พอได้ฟังคำพูดของท่านหมอเมิ่งก็พอเข้าใจขึ้นมาแล้ว
จางซิ่วเอ๋อเดินออกมาจากฝูงชน มองหูครึ่งเซียนพลางกล่าว “หูครึ่งเซียน ตอนนี้เจ้ามีอะไรที่อยากพูดอีกไหม? เจ้าเห็นพวกเราเป็นไอ้โง่กันหมดรึ? ถึงได้ใช้วิธีแบบนี้มาหลอกพวกเรา!”
“เจ้ากำลังรังแกคนอื่นชัด ๆ บังอาจให้คนในหมู่บ้านดื่มของไม่สะอาดของเจ้า!” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงโกรธเกรี้ยว
พอจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ ทุกคนก็อารมณ์ขึ้นกันหมด “ข้าก็นึกว่าท่านเป็นคนมีวิขาอาคมมาจากไหน ที่แท้ก็พวกต้มตุ๋น!”
ตอนนี้แม่เฒ่าจางเองก็รู้แล้วว่าตัวเองโดนหลอก สีหน้านางย่ำแย่ถึงขีดสุด “ข้าก็ว่าทำไมเมื่อวานนี้หลังจากดื่มน้ำทิพย์ของเจ้าแล้วข้าถึงท้องเสีย! เป็นเพราะของของเจ้านี่เอง! ไอ้คนหลอกลวง คืน 8 ตำลึงเงินของข้ามานะ!”
สีหน้าหูครึ่งเซียนย่ำแย่สุด ๆ วันนี้จางซิ่วเอ๋อเปิดโปงกลลับของเขาถึงสองกลต่อหน้าทุกคน หลังจากนี้หากเขายังอยากจะหาเงินด้วยวิธีเดิมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
เรียกได้ว่าจางซิ่วเอ๋อทำลายทางลาภของหูครึ่งเซียนจนสิ้น
จางซิ่วเอ๋อไม่ได้แสดงความแค้นที่มีต่อหูครึ่งเซียนออกมา
ถ้าหูครึ่งเซียนอยากแค้นก็ทำไป เนื้อนางไม่ได้หายไปสักหน่อย
ถึงแม้เรื่องตัดทางลาภคนอื่นจะฟังดูไร้คุณธรรมอยู่เล็กน้อย แต่จางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด
นางไม่ได้อยากไปยุ่งเกี่ยวกับหูครึ่งเซียน เป็นหูครึ่งเซียนอยากทำร้ายนางเองไม่ใช่เหรอ?
ที่ตอนนี้หูครึ่งเซียนมีจุดจบแบบนี้เรียกได้ว่ายกหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง สมน้ำหน้าแล้ว! แถมไม่รู้ว่าเมื่อก่อนหูครึ่งเซียนนำวิธีการแบบนี้ไปหลอกใครมาบ้าง! บัดนี้ถือเสียว่าเวรกรรมตามสนองแล้วกัน
ขณะนั้น แม่เฒ่าจางก็เข้ามาฉุดกระชาก “ไอ้พวกต้มตุ๋น! คืนตำลึงข้ามานะ ทั้งหมด 8 ตำลึงเงินกับอีก 30 เหรียญ! ขาดสักแดงเดียวก็ไม่ได้!”
หูครึ่งเซียนกลับมองแม่เฒ่าจางแล้วเอ่ย “จางซิ่วเอ๋อรวมหัวกับหมอคนนี้ทำลายข้า ข้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ 8 ตำลึงเงินของเจ้าข้าไม่คืนให้หรอก! เพราะข้าไล่ผีให้เจ้าไปแล้ว!”
“เจ้ามีสภาพอย่างไรตอนกลับจากบ้านผีสิง แล้วสภาพเจ้าตอนนี้เป็นอย่างไร เจ้าน่าจะรู้ดีแก่ใจไม่ใช่เหรอ?” หูครึ่งเซียนเอ่ยเสียงเย็น
“ข้าไม่สน ข้ารู้แค่ว่าเจ้าต้มตุ๋น เจ้าเอาเงินข้าไป ตอนนี้เจ้าต้องคืนข้ามา!” หูครึ่งเซียนไม่มีเหตุผล แต่สู้แม่เฒ่าจางที่ไม่มีเหตุผลกว่าไม่ได้!
หูครึ่งเซียนมองแม่เฒ่าจางและเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย “แม่เฒ่าจาง เจ้าคิดดูให้ดีนะ ในโลกนี้มีผีหรือไม่เจ้ารู้ดี! ถ้าเจ้าทำให้ข้าโมโห…..ข้าไม่เกี่ยงที่จะส่งผีไปหาเจ้าหรอกนะ!”
พูดมาถึงตรงนี้ หูครึ่งเซียนมองคนรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นเยียบ
ถึงแม้คนพวกนี้รู้แล้วว่าหูครึ่งเซียนเป็นพวกต้มตุ๋น แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ จึงพึมพำในใจว่าบางทีหูครึ่งเซียนอาจจะเข้าใจจางซิ่วเอ๋อผิด แต่ก็อาจจะมีฝีมือจริงอยู่บ้าง
เรื่องแบบนี้เชื่อว่ามีอยู่จริงดีกว่า
การล่วงเกินหูครึ่งเซียนไม่เป็นผลดีสำหรับพวกเขา ด้วยเหตุนี้ ฝูงชนที่เมื่อครู่ยังฮึกเหิมอยู่ก็สงบลง
ส่วนแม่เฒ่าจางนึกถึงประสบการณ์ตัวเองที่บ้านผีสิงแล้วเย็นวาบไปทั้งหลัง ไม่กล้าไปขอเงินหูครึ่งเซียนแล้ว
หูครึ่งเซียนฉวยโอกาสนี้รีบพาลูกชายตัวเองเดินออกไปข้างนอก
เขากลัวจริง ๆ ว่าอีกสักพักคนหมู่บ้านชิงสือจะรุมประชาทัณฑ์พวกเขา!
ตอนที่หูครึ่งเซียนไป เขามองท่านหมอเมิ่งและแค่นเสียง “เจ้าหนุ่ม! ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
จางซิ่วเอ๋อเห็นแบบนั้นก็ส่งสายตาขอโทษไปหาท่านหมอเมิ่ง วันนี้เขาต้องมาติดร่างแหไปด้วยเพราะเรื่องของนางแท้ ๆ
ตัวนางเองโดนแค้นไม่เท่าไหร่ แต่ท่านหมอเมิ่งเป็นคนมีไมตรีกับผู้อื่นมาตลอด ตอนนี้ต้องมาซวยซะงั้น
นางจึงนึกในใจว่าต้องหาโอกาสขอบคุณท่านหมอเมิ่งให้ได้
“เอาล่ะ ๆ! ในเมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว หลังจากนี้ทุกคนก็อย่าเห็นลมแล้วตีโพยตีพายว่าฝนจะมาอีก ซิ่วเอ๋ออยู่กับชุนเถาสองคนลำบากอยู่แล้ว! พวกเจ้าเพลา ๆ บ้างเถอะ!” ผู้ใหญ่บ้านซ่งขมวดคิ้วกล่าว
เวลานี้ท่านหมอเมิ่งรู้ต้นสายปลายเหตุจากปากคนรอบ ๆ แล้ว เขาจึงมีใจจะไปปลอบจางซิ่วเอ๋อ แต่พอเห็นจางซิ่วเอ๋อยืนอยู่ด้วยสีหน้าไร้ความหวั่นไหว ท่านหมอเมิ่งก็รู้ว่าไม่ต้องห่วงจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้
อีกอย่าง คนมากมายขนาดนี้ เขาที่เป็นพ่อม่ายก็ไม่ควรไปใกล้ชิดจางซิ่วเอ๋อมากนัก
ท่านหมอเมิ่งส่งยิ้มให้จางซิ่วเอ๋อจากที่ไกล ๆ เป็นอันว่าให้จางซิ่วเอ๋อสบายใจ ตัวเองไม่ถือเรื่องที่ตนต้องพลอยมาพัวพันไปด้วย
ภาพนี้สะท้อนอยู่ในสายตาแม่ม่ายหลิว กลายเป็นสองคนนี้ส่งสายตาหวานแหววให้กัน นางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างแค้นเคือง
จางซิ่วเอ๋อสัมผัสได้ถึงสายตานี้ นางขมวดคิ้ว ตั้งแต่คราวก่อนที่แม่ม่ายหลิวปล่อยข่าวลือว่านางมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน นางก็รู้สึกได้ว่าแม่ม่ายหลิวเป็นปรปักษ์กับนาง
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อขี้เกียจจะสนใจแม่ม่ายหลิว ตอนนี้นางแค่อยากกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
แต่ก็มีคนไม่อยากให้จางซิ่วเอ๋อหลุดพ้นง่าย ๆ
แม่เฒ่าจางกระโจนออกมา มองจางซิ่วเอ๋อพร้อมกล่าว “ซิ่วเอ๋อ หูครึ่งเซียนนี่มาเพื่อไล่ผีให้เจ้า ตำลึงนี่เจ้าน่าจะให้ข้าได้รึยัง?”
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็มองแม่เฒ่าจางตาโต วันนี้นางรู้แล้วว่าอะไรคือระดับสูงสุดของความหน้าด้าน
ไม่สิ บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ระดับสูงสุด เพราะแม่เฒ่าจางทำลายสถิติความหน้าด้านได้ตลอดน่ะแหละ
ตอนแรกที่แม่เฒ่าจางบอกจะให้นางออกเงินนั้นนางไม่ได้เก็บมาคิดมาก คิดแค่ว่าเปิดโปงลูกไม้กลลวงของหูครึ่งเซียนได้แม่เฒ่าจางก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีก คิดไม่ถึงว่าแม่เฒ่าจางจะหน้าด้านขนาดนี้
ตัวเองโดนหลอก แต่จะมาขอเงินจากนางนี่นะ?
จางซิ่วเอ๋ออดมองบนไม่ได้ “ท่านย่า ข้าใช้ชีวิตแบบไหนใช่ว่าย่าไม่รู้ ข้าไม่มีเงิน!”
“ไม่มีเงินไม่เป็นไร เจ้าเขียนตั๋วยืมไว้ แล้วค่อย ๆ คืนก็ได้” แม่เฒ่าจางออกความเห็น
จางซิ่วเอ๋อพูดชัดถ้อยชัดคำ “ท่านย่าจะให้ข้าพูดจริง ๆ ใช่ไหม? ถึงท่านจะเป็นย่าข้า ข้าควรจะกตัญญูต่อหน้าท่าน แต่เรื่องบางเรื่องข้าจะกตัญญูจนโง่เขลาไม่ได้ อย่างเรื่องวันนี้ ท่านปล่อยให้หูครึ่งเซียนนั่นใส่ร้ายข้าว่าถูกวิญญาณร้ายสิงร่าง ท่านย่าไม่อยากให้ข้าอยู่ในหมู่บ้านต่อไปใช่ไหม!”
“ข้าเห็นว่าย่าก็ถูกหลอกเหมือนกัน จึงไม่ถือสาเรื่องนี้ แต่ท่านมาให้ข้าออกเงินได้อย่างไรกัน?” จางซิ่วเอ๋อย้อนถาม
คนที่มามุงดูในวันนี้นึกสงสารจางซิ่วเอ๋ออยู่แล้ว รู้สึกว่าถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่ฉลาด เปิดโปงกลลวงของหูครึ่งเซียนไม่ได้ วันนี้คงต้องมีเคราะห์โดยที่ไม่ผิดอะไร
สายตาที่มองแม่เฒ่าจางจึงเต็มไปด้วยความดูแคลน
“แต่จะว่าไป ท่านย่านี่มีเงินเยอะจริงนะ ตั้ง 8 ตำลึงเงินเลยนะไม่ใช่ 8 เหรียญ แต่กลับโดนหลอกไปได้ง่ายดายขนาดนี้!” พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็นึกสมน้ำหน้า
สีหน้าแม่เฒ่าจางย่ำแย่ แต่ก็ยังเชิดหน้าพร้อมกล่าว “ข้าไม่สน! เงินนี่เจ้าไม่ออกแล้วใครจะออก? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าไปอยู่ในบ้านผีสิง พวกเราจะถูกผีตามได้อย่างไร? ถ้าไม่ถูกผีตามก็คงไม่ไปหาหูครึ่งเซียน และคงไม่โดนหลอกหรอก!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แหกสักทีจะได้หายโง่กันให้หมด แต่ก็เห็นใจหมอเมิ่งนะคะที่จู่ ๆ ก็ติดร่างแหไปด้วย
ตอนหน้าซิ่วเอ๋อจะสลัดย่าจางยังไง ติดตามกันต่อไปค่ะ
ไหหม่า(海馬)