ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 133 คุณชายฉินผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้
บทที่ 133 คุณชายฉินผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ ดูจากหน้าตาคุณชายฉินก็ดูไม่เหมือนคนดีแล้ว วันนั้นที่เขาปล่อยนางไปอาจจะมีเหตุผลอื่นที่ทำให้คุณชายฉินเกิดเมตตาขึ้นมาชั่วขณะจริง ๆ หรือไม่เขาก็อาจจะมีเป้าหมายอย่างอื่น
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกเครียดขึ้นมา
ตอนนี้นางไปก็ไม่ได้ ไม่ไปก็ไม่ได้
ในตอนนี้เองผู้ติดตามชุดเขียวของคุณชายก็มองเห็นจางซิ่วเอ๋อ ใบหน้าของเขามืดครึ้มลง “ทำไมถึงเป็นเจ้าอีกแล้ว? ทุกครั้งที่พวกเราพบเจ้าก็มีแต่เรื่องซวย!”
คุณชายฉินจัดเสื้อผ้า บอกกับผู้ติดตามชุดเขียวที่ยืนอยู่ “ดึงม้าขึ้นมา”
ส่วนตัวคุณชายฉินเดินมาทางจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อสัมผัสถึงบารมีแข็งแกร่งจากอีกฝ่ายได้ นางกระแอมเบา ๆ ชิงพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาเอ่ยอะไร “เรื่องเมื่อครู่ท่านโทษข้าไม่ได้นะ”
“ครั้งนี้ข้าเดินทางดี ๆ อยู่บนถนน ใครจะไปรู้ว่ารถม้าของท่านจะพุ่งมาแบบนั้น ถ้าจะโทษใครก็ต้องโทษผู้ติดตามของท่าน”
นางพูดประหนึ่งเทกระจาด จากนั้นก็พูดต่อโดยไม่สนใจ“ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ถ้าไม่เป็นอะไรงั้นข้าไปล่ะ เรื่องวันนี้ข้าไม่ถือสา ถือว่าเราหายกันกับเรื่องคราวก่อน”
จางซิ่วเอ๋อเห็นคุณชายฉินไม่เป็นอะไรก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรในใจอีก เลยตัดสินใจชิ่งก่อนดีกว่า
“หายกัน? หืม?” ริมฝีปากบางของคุณชายฉินขยับ
เสียงของคุณชายฉินทุ้มต่ำ ไม่รู้ทำไม ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรจางซิ่งเอ๋อแท้ ๆ แต่สัญชาตญาณของจางซิ่วเอ๋อบอกว่าเขาเป็นคนอันตราย ทำให้นางอยากอยู่ห่างจากคุณชายฉิน!
จางซิ่วเอ๋อตั้งสติและกล่าวเสียงดัง “ทำไม ไม่อยากหายกันรึ? ถ้าอย่างนั้นถือว่าท่านติดค้างข้า ครั้งแรกข้าแค่ทำปลารดตัวท่าน ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ครั้งนี้ถ้าท่านชนโดนข้าจริง ๆ ชีวิตข้าต้องหาไม่แน่!”
คุณชายฉินเห็นสีหน้าระแวงของจางซิ่วเอ๋อแล้วขมวดคิ้วถาม “เจ้ากลัวข้าเหรอ?”
“ข้าไม่กลัวท่านสักหน่อย!” จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้ว ต่อให้แพ้ในเรื่องกำลังก็ไร้มาดไม่ได้
คุณชายฉินคลี่ยิ้ม รอยยิ้มนั่นทำให้จางซิ่วเอ๋อยิ่งระแวงเขาหนักเข้าไปอีก “ท่านไม่พอใจอะไรพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า ไม่ต้องวางแผนอะไรในใจหรอกเจ้าค่ะ!”
ขณะนั้นผู้ติดตามชุดเขียวลากรถม้าขึ้นมาได้แล้ว และยื่นพัดอันนั้นให้คุณชายฉินด้วยสองมือ “คุณชาย”
จางซิ่วเอ๋อเพิ่งประจักษ์ถึงพลังร้ายกาจของพัดอันนี้เมื่อก่อนหน้า นางถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ
คุณชายฉินกลับหัวเราะขึ้นมา “ไหนบอกไม่กลัวข้า?”
จางซิ่วเอ๋อทอดสายตาไปที่พัด ก็เห็นปลายแหลมของพัดหดกลับไปแล้ว ตอนนี้พัดนั้นดูธรรมดา เป็นเพียงพัดพับแกนเหล็กคุณภาพไม่เลวเท่านั้น
นางได้ยินคำพูดแกมล้อเลียนของคุณชายฉินแล้วก็รู้สึกทั้งโมโหทั้งอาย
“ตาข้างไหนของท่านเห็นว่าข้ากลัว?” จางซิ่วเอ๋อยืดตัวตรงเดินไปข้างหน้า วันนี้ไม่ว่าอย่างไรมาดนางจะแพ้ไม่ได้
ถ้ามาดแพ้ ใครจะรู้ว่าคุณชายฉินจะฉวยโอกาสนี้ขูดรีดนางหรือเปล่า
คุณชายฉินหัวเราะเสียงขรึม “เถาฮวาใช่ไหม?”
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตา “ทำไม? มีปัญหาเหรอ?”
คุณชายฉินเห็นท่าทางพร้อมสู้ของจางซิ่วเอ๋อแล้วหันไปมองผู้ติดตามชุดเขียว “คำนวณดูซิว่ารถม้าของเราเสียหายระดับไหน ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการซ่อม”
ไม่รู้ว่าผู้ติดตามชุดเขียวนั่นคำนวณจริงหรือเป็นสิงโตอ้าปากกว้างคิดจะรีดไถ เขาเอ่ย “ 12 ตำลึงเงิน!”
คุณชายฉินพูดอย่างแฝงนัยยะ “ซ่อมรถม้าต้องใช้ตั้ง 12 ตำลึงเงินแน่ะ”
จางซิ่งเอ๋อแค่นเสียง “พวกเจ้าอย่ามาสิ 12 สิบสองตำลึงเงินในการซ่อมหรอก และเรามาพูดกันให้ชัดนะ รถม้าของพวกท่านพังไปก็ไม่เกี่ยวกับข้าเลยสักนิด!”
ผู้ติดตามชุดเขียวไม่ชอบหน้าจางซิ่วเอ๋ออยู่แล้ว จึงพูดขึ้น “จะไม่เกี่ยวกับเจ้าได้อย่างไรกัน? ถ้าไม่ใช่เจ้า รถม้าของพวกเราจะคว่ำได้อย่างไร?”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ข้าว่าเป็นเพราะเจ้ามากกว่า ถ้าเจ้าไม่ขับรถม้าเร็วขนาดนั้น! รถม้าจะคว่ำได้อย่างไร?”
“ข้ายังไม่ได้ให้เจ้าชดใช้ให้ข้าเลย ข้าเองก็ตื่นตระหนกและเสียขวัญนะ ถ้าข้าเกิดตกใจจนป่วยพวกเจ้ามีเงินชดใช้รึ?” จางซิ่วเอ๋อโต้
“แค่นังเด็กชาวไร่คนหนึ่ง ทำไมจะไม่มีชดใช้ล่ะ!” น้ำเสียงผู้ติดตามชุดเขียวดูถูกอย่างเหลือแสน
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วเสียใจภายหลังอย่างยิ่ง ทำไมวันนี้ตัวเองถึงวอนหาเรื่องอยู่ตรงนี้นะ รีบไปเสียก็สิ้นเรื่อง
ตอนนั้นนางไม่น่ามีเมตตาเลย
จางซิ่วเอ๋อแย้งเสียงกราดเกรี้ยว “ข้าเป็นแค่นังเด็กชาวไร่ก็จริง แต่เจ้าก็ไม่ได้สูงส่งกว่าข้านักหรอก! อย่างคุณชายของเจ้าสูงส่งมากนักรึไง? วันนี้ข้าจะบอกอะไรให้ ชีวิตคนไม่มีแบ่งแยกสูงส่งหรือต่ำต้อยหรอก!”
“ของบางอย่างต่อให้เจ้ามีเงินขนาดไหนก็ซื้อไม่ได้!” จางซิ่วเอ๋อยิ้มเย็น
“ข้าเองก็มีคนในครอบครัว ถ้าวันนี้ข้าเป็นอะไรไป ต่อให้พวกเจ้าให้เงินคนในครอบครัวข้ามากขนาดไหนก็ไม่อาจทำให้พวกเขาหายเจ็บปวดได้!” จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ
แน่นอนว่าคนในครอบครัวที่จางซิ่วเอ๋อพูดถึงไม่ใช่พวกแม่เฒ่าจาง
สำหรับพวกแม่เฒ่าจางนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องให้เงินเยอะเลย ถ้านางตายไปแล้วแม่เฒ่าจางได้เงินเพียงตำลึงเดียวก็คงเบิกบานสุด ๆ ไม่ต้องคิดเรื่องที่อีกฝ่ายจะเจ็บปวดเพราะการตายของนาง
จางซิ่วเอ๋อกำลังพูดถึงจางชุนเถา จางซานหยา รวมถึงแม่โจว
ผู้ติดตามคนนั้นยังอยากพูดอะไรต่อ แต่คุณชายฉินกลับโบกมือให้เขาถอยไป
ผู้ติดตามชุดเขียวถอยไปแล้ว แต่ยังมีสีหน้าไม่พอใจอยู่
คุณชายฉินกล่าว “เจ้าบอกว่าชีวิตคนไม่แบ่งสูงส่งหรือต่ำต้อย แต่มีคนยอมเสียพันตำลึงเงินเพื่อซื้อชีวิตข้า ทว่าไม่มีใครยอมเสียสิบตำลึงเงินเพื่อซื้อชีวิตเจ้านะ”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินคำโต้แย้งของคุณชายฉินแล้วแค่นเสียง “ท่านคิดว่าชีวิตท่านมีค่ามากเหรอ? ที่มีค่าคือฐานะของท่านต่างหาก!”
“ถ้าท่านกับข้าตกอยู่ในมือคนค้ามนุษย์ ราคาคงไม่ต่างกันเท่าไหร่! ต่อให้ท่านแพงกว่าข้าก็เพียงเพราะท่านมีเนื้อมีหนังมากกว่าข้า และดูผิวขาวสะอาดกว่าข้าเท่านั้นแหละ!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
คุณชายฉินอึ้งไป สายตาลึกล้ำยิ่งขึ้น
ฟังเผิน ๆ เหมือนคำพูดของจางซิ่วเอ๋อออกจะเป็นการแถอยู่ไม่น้อย แต่พอตรึกตรองดี ๆ แล้ว ที่จางซิ่วเอ๋อพูดก็มีเหตุผลอยู่มาก
ตอนนี้เขาจำต้องยอมรับแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อพูดไม่ผิด
ที่มีค่าไม่ใช่ชีวิตของเขา แต่เป็นฐานะของเขา
คุณชายฉินมองท้องฟ้าและคำนวณเวลาดู ก่อนจะมองจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ย “ 12 ตำลึงนี่ข้าไม่เอาจากเจ้าแล้ว วันนี้ข้ามีธุระอื่น ไว้วันหน้าเจอกันใหม่ แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กัน”
จางซิ่วเอ๋อไม่ค่อยมั่นใจว่าเรื่องที่คุณชายฉินพูดถึงคือเรื่องไหน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ฟาดคุณชายขี้เก๊กนี่ไปหนึ่งดอกจุก ๆ สะใจจริง ๆ ค่ะ
ว่าแต่คุณชายมีแผนอะไรอยู่ในใจกันนะ
ไหหม่า(海馬)