ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 149 ไปตลาด
บทที่ 149 ไปตลาด
จางซิ่วเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “อยากโตไว ๆ เจ้าก็ต้องกินเยอะ ๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้โตแล้วก็ผอมแห้งแรงน้อย ตีกับใครก็ไม่ชนะหรอก”
จางซิ่วเอ๋อพูดจบก็รู้ตัวว่าตัวเองสอนเรื่องไม่ค่อยดีให้เด็ก ๆ เสียแล้ว
นางจึงรีบกระแอมและเปลี่ยนเรื่อง “ซานหยา ตอนบ่ายพี่พาเจ้าไปเยี่ยมท่านน้าเล็กที่ตลาดดีไหม?”
จางซานหยาตาเป็นประกาย “ได้จริง ๆ เหรอพี่?”
นางอยากไปเที่ยวในเมืองเหลือเกิน แต่อยู่บ้านตระกูลจางแล้วจะไปได้ที่ไหนกัน ถ้าไม่ใช่คราวก่อนเพราะตามแม่โจวกลับบ้าน จางซานหยาไม่มีโอกาสได้เข้าเมืองหรอก
จางซิ่วเอ๋อชี้หญ้าอาหารหมูแล้วพูด “ตัดมาเท่านี้ก็พอแล้ว เราไปกันตอนนี้เลย แล้วกลับมาก่อนฟ้ามืด ตอนกลับค่อยเรียกพี่เอ้อร์หลางไปช่วยเจ้าตัดหญ้า คิดว่าทันอยู่”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ลดเสียงต่ำ “แต่เราต้องไปกันเงียบ ๆ นะ อย่าให้ใครรู้”
จางซิ่วเอ๋ออยากเข้าเมืองแล้ว นางอยากไปซื้อไข่แล้วค่อยไปคุยเรื่องกระดานซักผ้ากับโจวเหวิน
กระดานซักผ้าทำง่าย เวลาใช้ก็ง่ายมาก ถ้าทำออกมาได้น่าจะขายได้ อาจจะใช้วิธีนี้หาเงินได้ด้วย
แต่กระดานซักผ้ามีข้อด้อย นั่นก็คือทำขึ้นมาได้ง่ายมาก ดังนั้นตอนขายครั้งแรกอาจจะได้กำไรอยู่ แต่พอมีคนเรียนรู้วิธีทำได้ก็คงหาเงินจากสิ่งนี้ไม่ได้แล้ว
จางซิ่วเอ๋อจึงไม่คิดจะรวยด้วยการทำกระดานซักผ้า
ที่นางไปหาโจวเหวินตอนนี้หนึ่งคือหวังว่าตัวเองจะมีกระดานซักผ้าใช้ อีกหน่อยซักผ้าจะได้สะดวกขึ้น และถ้าหาเงินให้ท่านน้าเล็กจากเรื่องนี้ได้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว
ใช่แล้ว จางซิ่วเอ๋ออยากใช้เรื่องกระดานซักผ้านี่ช่วยโจวเหวินบ้าง
ความเป็นอยู่ของตระกูลโจวอัตคัดมาก หากมีทาง นางไม่ถือที่จะช่วยฉุดดึงคนตระกูลโจวบ้าง
และตระกูลโจวเอ็นดูรักใคร่ในตัวพวกนางจริง ๆ นางช่วยได้ก็สบายใจด้วย
ตอนนี้เฒ่าหลี่อยู่ที่เมือง จะไปยืมรถลากวัวที่ผู้ใหญ่บ้านซ่งบ่อย ๆ ไม่ได้ ดังนั้นสามพี่น้องจึงได้แต่เดินเท้าไป
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าขากลับค่อยจ้างรถ
ถึงแม้ตอนกลับอาจจะเจอเฒ่าหลี่ที่รอขับรถรับคนในหมู่บ้านกลับมา แต่ครั้งนี้พาซานหยามาด้วย ไม่สะดวกให้ใครรู้ ดังนั้นควรจ้างรถแยกกลับมาดีกว่า
ก่อนทุกคนจะออกเดินทาง จึงแวะบ้านบัณฑิตจ้าวก่อน
อย่างไรก็ต้องไปบอกจ้าวเอ้อร์หลางว่าตอนบ่ายไม่ต้องไปตัดหญ้ากับจางซานหยา และบัณฑิตจ้าวไม่ต้องมาสอนหนังสือทุกคนตอนบ่ายแล้ว
“พี่ซิ่วเอ๋อ พวกพี่เดินหรือนั่งรถเข้าเมืองกันเหรอขอรับ?” จ้าวเอ้อร์หลางเอ่ยเสียงเบา
ยาของพ่อเขาหมดแล้ว เขาตั้งใจจะไปซื้อยาจากในเมืองด้วย
ถ้าพวกพี่ซิ่วเอ๋อเดินไปเขาจะได้ไปด้วย เดินไปด้วยกันคักคักดีออก แต่ถ้าพวกนางนั่งรถไปเขาไม่ไปด้วยดีกว่า
เขาเสียดายเงิน
ตอนแรกจางซิ่วเอ๋อยังไม่รู้สึกตัว พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เดินไป”
จ้าวเอ้อร์หลางตาเป็นประกาย รีบพูดขึ้น “ข้าไปด้วยได้ไหมขอรับ?”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วตอบยิ้ม ๆ “ได้สิ”
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อรู้แล้วว่าจ้าวเอ้อร์หลางคิดอะไรอยู่
“เอ้อร์หลาง ถึงอายุเจ้าจะไม่ได้มากที่สุด แต่ก็เป็นผู้ชาย ไปถึงเมืองแล้วดูแลพวกนางด้วยนะ” บัณฑิตจ้าวกำชับ
จ้าวเอ้อร์หลางเอ่ย “ท่านพ่อวางใจเถอะขอรับ! ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
บัณฑิตจ้าวยิ้มพลางพยักหน้าและส่งเด็ก ๆ ออกจากบ้าน
ถึงแม้บัณฑิตจ้าวยังไม่หายป่วย แต่อย่างน้อยก็เดินได้แล้ว คนเราพอกินอิ่มก็จะไม่อ่อนแอเหมือนก่อน
เขาขอบคุณจางซิ่วเอ๋อจากใจจริง จึงต้องสอนลูกตัวเองบ่อย ๆ ว่าต้องรู้จักสำนึกและทดแทนบุญคุณ
เมื่อก่อนจ้าวเอ้อร์หลางได้เข้าเมืองอยู่บ่อย ๆ
เนื่องจากต้องไปซื้อยาให้บัณฑิตจ้าว หรืออาจจะไปขายฟืน แต่ไม่เคยมีวันไหนสบายใจเท่าวันนี้
เพราะวันนี้เขาไม่ต้องกังวลว่าตอนตัวเองไม่อยู่บ้านบัณฑิตจ้าวจะป่วยจนทำอะไรไม่ไหวหรือไม่
และไม่ต้องคอยคำนวณว่าเหรียญที่ตัวเองเอามาซื้อยาได้แค่ไหนซื้อข้าวได้แค่ไหน ครั้งนี้เขาเอาเงินมามากพอแล้ว! นอกจากค่ายาก็ยังซื้อธัญพืชได้ด้วย
ซื้อเสร็จแล้วยังเหลืออีกนิดหน่อย
ก่อนมาเขาคิดไว้แล้วว่าประเดี๋ยวเจอของน่าเล่นน่ากินจะซื้อให้ทุกคน
จ้าวเอ้อร์หลางจำคำที่บัณฑิตจ้าวบอกในใจได้มั่น และรู้ว่าตัวเองต้องซาบซึ้งในบุญคุณ
เด็กผู้ชายจะเริงร่ากว่าเด็กผู้หญิง จ้าวเอ้อร์หลางกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างหน้าทั้งทาง เด็ดดอกไม้มาให้ดูบ้าง บางทีก็จับแมลงแปลกตามาให้ดูบ้าง
เด็กผู้หญิงที่โตมาในหมู่บ้านนั้นไม่รู้สึกกลัวเวลาเห็นแมลงแปลกตาสวย ๆ กลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า
ถ้าแค่นี้ยังกลัว ทุกคนคงขึ้นเขากันไม่ได้
คนทั้งหมดไปถึงตัวเมืองอย่างรวดเร็ว พวกจางซิ่วเอ๋อแยกกับจ้าวเอ้อร์หลางก่อนชั่วคราว
จ้าวเอ้อร์หลางไปซื้อยาก่อน แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ร้านช่างไม้
“ท่านน้าเล็ก!” จางซานหยาเห็นโจวเหวินแต่ไกลจึงตะโกนเรียก
ขณะนั้นโจวเหวินนั่งอยู่หน้าร้าน เคาะ ๆ เก้าอี้ไม้ตัวนึงอยู่
โจวเหวินเห็นหลานสาวสามคนมาหา หน้าตาตื่นเต้นดีใจ จากนั้นเขามองไปทางด้านหลังทั้งสามก็ไม่เห็นแม่โจว
จางซิ่วเอ๋อยิ้มและอธิบาย “ครั้งนี้เรามากันแค่สามคนเจ้าค่ะ”
ตอนแรกโจวเหวินจะเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่พอมองจางซิ่วเอ๋อที่อายุน้อยกว่าตัวเองแค่นิดเดียวก็นึกได้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ใช่เด็กแล้ว นางแต่งงานแล้ว พาน้องสาวสองคนออกมาคงไม่เป็นอะไรหรอก
“ซิ่วเอ๋อ เจ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าไปบอกอาจารย์ก่อน” โจวเหวินบอกยิ้ม ๆ
โจวเหวินไปบอกกล่าวกับเถ้าแก่ก่อนจะเดินออกมา
ตอนนี้เถ้าแก่ร้านมองโจวเหวินและครอบครัวในทางที่ดี เมื่อวานหยางชุ่ยฮวาแวะเอาปลามาฝากที่ร้านอีกแล้ว
เห็นหยางชุ่ยฮวาขี้เหนียวแบบนี้ แต่บางครั้งนางก็ใจกว้างมาก
โจวเหวินออกมาและพูดยิ้ม ๆ “ไป ตามข้ามา เดี๋ยวน้าพาไปหาอะไรกิน”
จางซิ่วเอ๋อรีบบอก “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ”
โจวเหวินหยิบถุงเงินออกมาและบอกด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีเงิน พวกเจ้าวางใจเถอะ”
เงินนี่โจวอู่และหยางชุ่ยฮวาเอามาให้เมื่อไม่นานมานี้ ที่บ้านขายปลาได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ถึงจะไม่ได้เก็บเงินได้เป็นก้อน แต่ก็มีแหล่งรายได้ ชีวิตมีหลักประกัน ทุกคนจึงพกเงินกันนิด ๆ หน่อย ๆ ไว้ใช้
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทางดังนั้นก็ไม่ปฏิเสธ โจวเหวินเป็นผู้ใหญ่ ถ้านางไม่รับอะไรจะทำให้โจวเหวินไม่สบายใจ
โจวเหวินไม่ใช่คนขี้งก เรื่องนี้ก็เอ็นดูพวกนางจากใจจริง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
การเป็นอิสระจากบ้านตระกูลจางมันเป็นแบบนี้นี่เอง ขอให้วันหลังได้แยกตัวออกมาโดยสมบูรณ์นะซานหยา
ไหหม่า(海馬)