ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 159 ปวดใจ
บทที่ 159 ปวดใจ
ว่าแล้วจางซานหยาหยิบห่อกระดาษไขออกจากอก ซึ่งข้างในเป็นเกี๊ยว
ต่อให้เมื่อครู่นี้ถูกตี นางก็ยังพยายามรักษาเกี๊ยวนี่ไว้
จางซานหยาเอ่ย “ท่านแม่ รีบกินเร็วเจ้าค่ะ”
ในขณะนี้แม่โจวกินอะไรลงเสียที่ไหน แต่เห็นสายตาคาดหวังของจางซานหยาแล้วก็อดกินไม่ได้
กินไปแล้วแม่โจวก็เริ่มน้ำตาร่วง
ในขณะที่แม่โจวหยิบเกี๊ยวชิ้นสุดท้ายเข้าปาก จางต้าหูก็ผลักประตูเข้ามา
จางซานหยาตกใจจนรีบขยำกระดาษไขแล้วยัดเข้าแขนเสื้อตัวเอง
ส่วนแม่โจวก็กลืนเกี๊ยวลงไปในคำเดียว
พริบตาที่จางต้าหูเข้าห้องมาเห็นการกระทำของสองแม่ลูก เขาที่ไม่ได้โง่ย่อมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแล้วก็อดอัดอั้นตันใจไม่ได้
กลิ่นเนื้อคละคลุ้งอยู่ในห้อง จางต้าหูที่ไม่ได้กินข้าวเย็นน้ำลายไหลอย่างอดไม่ได้ ท้องเขาส่งเสียงร้องโครกหนึ่ง แต่แม่โจวทำเป็นไม่ได้ยิน
จางต้าหูไม่พูดไม่จา ล้มตัวลงนอน
แม่โจวมองด้วยสายตาเย็นชาอยู่สักพักก็พาจางซานหยาไปนอนบนเตียงที่เมื่อก่อนนอนกันสามคนพี่น้อง
นางถึงกับแยกเตียงนอนกับจางต้าหู!
ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม่โจวคงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ในฐานะสตรีแล้ว ถ้าไม่ได้นอนกับบุรุษของตัวเองจะไปมีความหมายอะไร?
จางต้าหูสังเกตเห็นการกระทำของแม่โจว นึกว่าแม่โจวแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนจางซานหยาเท่านั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ
แต่ตอนนอนเขาชินแล้วกับการมีคนนอนข้าง ๆ เวลานี้ที่ยื่นมือไปและรู้สึกได้ว่าข้างกายว่างเปล่าเลยนอนไม่ค่อยหลับ
วันรุ่งขึ้น จางซานหยามาถึงบ้านผีสิงแต่เช้าเหมือนปกติ
ข้าวเช้าวันนี้ช่างหลากหลาย จางซิ่วเอ๋อทอดเกี๊ยวที่เหลือ ข้าวต้มที่ต้มด้วยข้าวฟ่าง นอกจากของพวกนี้แล้วจางซิ่วเอ๋อยังต้มไข่ไว้หลายฟองอีกด้วย
ภายใต้การอบรมสั่งสอนของจางซิ่วเอ๋อ จางซานหยาล้างมือก่อนกินข้าวเสมอ และในตอนที่จางซานหยาล้างมือนี่เอง นางได้ถลกแขนเสื้อขึ้นโดยสัญชาตญาณ ส่วนจางซิ่วเอ๋อก็กวาดสายตามาทางนี้พอดี
พอจางซิ่วเอ๋อเห็นแขนที่ช้ำเป็นทางของจางซานหยาก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วและจับมือจางซานหยาไว้
“ซานหยา แขนเจ้าไปโดนอะไรมา?” จางซิ่วเอ๋อถามอย่างร้อนใจ
ขณะที่พูด จางซิ่วเอ๋อก็เห็นใต้ร่มผ้าของจางซานหยาปิดรอยฟกช้ำรอยใหญ่ไว้
จางซิ่วเอ๋อร้อนใจ ถลกแขนเสื้อจางซานหยาขึ้นอีก พอเห็นแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่ทันที เพราะแขนนางเป็นสีเขียวม่วงไปทั้งแขน
จางซิ่วเอ๋อใจเย็นไม่ไหว ฉีกเสื้อจางซานหยาออก
บนหลังของจางซานหยาก็เต็มไปด้วยรอยแผล! มีเพียงตรงหน้าอกที่จางซานหยาเก็บเกี๊ยวไว้และเสียดายไม่อยากให้อาหารต้องโดนปู้ยี่ปู้ยำจึงปกป้องไว้ตลอด ทำให้บริเวณนั้นไม่มีแผล เรียกได้ว่าทั้งเนื้อตัวจางซานหยาไม่มีตรงไหนเรียบเนียนเลย!
สีหน้าจางซิ่วเอ๋อดำทะมึนลงราวกับมีเมฆครึ้มลอยผ่าน!
ตอนที่จางชุนเถาออกมาจากห้องก็ตกใจเหมือนกัน “ซานหยา เจ้าไปโดนอะไรมา?”
จางซิ่วเอ๋อไม่สนใจเรื่องกินข้าวแล้ว นางพาจางซานหยาเข้าห้องและทายาให้น้องสาว
โชคดีที่ในบ้านมียาห้ามเลือดแก้ช้ำอยู่
จางซานหยาไม่มีแผลเลือดออกที่ตัว แต่ช้ำเป็นแถบ ๆ แบบนี้เห็นได้ชัดว่าเกิดจากเลือดคลั่งอยู่ข้างใน
จางซิ่วเอ๋อทายาให้จางซานหยาไปพลางถาม “ใคร?”
จางซานหยาเม้มปาก ความน้อยใจก่อตัวขึ้นมาทันที
ความรู้สึกนี้ต่อให้ตอนอยู่กับแม่โจวก็ไม่เกิดขึ้น
เพราะนางรู้ว่าต่อให้แม่โจวจะปวดใจเพราะนางเจ็บตัวแต่อีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะทวงความยุติธรรมให้นาง
จางซานหยาตาแดง น้ำตาร่วงเผาะ จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วปวดใจ
แต่พริบตาเดียว ในใจจางซิ่วเอ๋อก็มีผู้ต้องสงสัยแวบผ่านไปหลายคน
คนแรกคือจางเป่าเกิน แต่จางเป่าเกินคงไม่มีเวลาทำร้ายจางซานหยาถึงเพียงนี้ต่อหน้าทุกคน
และเมื่อวานซานหยายังดี ๆ อยู่เลย เจ็บตัวขนาดนี้ต้องเป็นเพราะคนตระกูลจางแน่นอน
“ซานหยา เจ้าไม่ต้องกลัว ใครรังแกเจ้า เจ้าค่อย ๆ พูด พี่จะทวงความยุติธรรมให้เจ้าเอง” จางซิ่วเอ๋อโมโหมาก แต่เวลานี้ต้องข่มกลั้นไว้ให้น้ำเสียงตัวเองนุ่มนวลที่สุด
จางซานหยาถึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านให้ฟังทั้งสะอึกสะอื้น
จางซิ่วเอ๋อหน้าเป็นสีเขียวคล้ำ จางเป่าเกินยังไม่กลับมา จางอวี่หมินไม่ได้หาเรื่องจางซานหยาเพราะเรื่องนี้แน่
ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นเพราะตัวเองฉีกเสื้อผ้าของจางอวี่หมิน รวมถึงเรื่องที่ตระกูลจางต้องเสีย 8 ตำลึงเงินเพราะตัวเอง จางอวี่หมินถึงได้มาหาเรื่องทั้งที่ไม่มีเหตุผล
“ซานหยา วันนี้เจ้ารักษาตัวที่นี่แหละ หญ้านั่นเจ้าไม่ต้องไปตัดแล้ว” จางซิ่วเอ๋อบอกเสียงอ่อนโยน
“แต่…” จางซานหยาตัวสั่นนิดหน่อย นางกลัวว่าตัวเองจะโดนด่า
จางซิ่วเอ๋อขยี้หัวที่ผมแห้งเหมือนหญ้าฟางของจางซานหยาเบา ๆ ช่วงนี้สามพี่น้องเริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง แต่น่าเสียดายที่เมื่อก่อนร่างกายขาดแคลนสารอาหารหนักเกินไป ที่ตอนนี้ยังบำรุงให้กลับมาแข็งแรงต้องใช้เวลา
จางซิ่วเอ๋อมีไฟโทสะสุมอยู่ในใจ จางอวี่หมินรังแกจางซานหยาไม่เท่าไหร่ เพราะนางไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว
แต่จางต้าหูก็เอากับเขาด้วย!
จางชุนเถาฟังจบก็ออกจากห้องไปโดยไม่พูดไม่จา
จางซิ่วเอ๋อรีบไล่ตามไป ก็เห็นจางชุนเถาหยิบปังตอเดินจ้ำออกไปข้างนอก
จางซิ่วเอ๋อจับจางชุนเถาไว้ “ชุนเถา! เจ้าจะทำอะไร?”
“ข้าจะไปเรียกร้องให้ซานหยา!” จางชุนเถาพูดด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน
จางซิ่วเอ๋อรีบบอก “ชุนเถา เจ้าอย่าวู่วาม ข้ารู้ว่าเจ้าอยากไปอาละวาดที่บ้านตระกูลจางเหมือนที่ข้าไปอาละวาดที่บ้านตระกูลสวี่ แต่เจ้าเคยคิดไหมว่าตระกูลสวี่ไม่เหมือนตระกูลจาง!”
“คนเป็นพ่อตีลูก ต่อให้ตีแรงไปหน่อยก็มีเหตุผลเป็นร้อยเป็นพัน” จางซิ่วเอ๋อใจเย็นลงมากแล้ว
“พี่ใหญ่ แล้วพี่จะมองซานหยาโดนรังแกเฉย ๆ เหรอ?” จางชุนเถาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
จางซิ่วเอ๋อจ้องจางชุนเถา
จางชุนเถาลนลานขึ้นมา รู้ว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดแรงไปหน่อย พี่ใหญ่จะทนมองซานหยาโดนรังแกได้อย่างไรกัน? ครั้งไหนบ้างที่นางไม่ได้ยืนหยัดออกมาปกป้องพวกนางไว้ด้านหลังตัวเอง?
“พี่….ข้าขอโทษ” จางชุนเถาก้มหน้าขอโทษอย่างรู้สึกผิด ตอนนี้นางเองก็ใจเย็นลงแล้ว
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจ นางรู้ว่าจางชุนเถาเป็นห่วงซานหยามากไปหน่อย โกรธจนหัวหมุนถึงพูดไม่คิด
ถ้าวันนี้คนที่โดนรังแกไม่ใช่จางซานหยาแต่เป็นนาง นางเชื่อว่าจางชุนเถาก็ต้องร้อนใจแบบนี้เหมือนกัน
จางซิ่วเอ๋อเห็นจางชุนเถาใจเย็นลงแล้วจึงเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม “ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจ แต่เจ้าผลีผลามไปหาแบบนี้มันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้”
“พี่ แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ? ข้าทนเห็นซานหยาโดนรังแกแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ” จางชุนเถาพูดอย่างว้าวุ่น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ผู้แปลก็หัวร้อนอยากไปช่วยน้อง ๆ ทุบบ้านตระกูลจางเหมือนกันค่ะ แต่ก็ติดที่สังคมสมัยนั้นไม่เหมือนตอนนี้ มุทะลุไปจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเอง ขอให้ได้แผนดี ๆ เด็ด ๆ ในการเด็ดหัวคนตระกูลจางนะคะ
ขออภัยอีกครั้งที่วันนี้มาช้า แปลตอนของวันนี้แล้วมันโมโห มันของขึ้น ต้องปรับอารมณ์ไปพักใหญ่ ๆ น่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)