ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 196 ช่วยคน
บทที่ 196 ช่วยคน
เถ้าแก่เฉียนจนปัญญากับเด็กสองคนนี้ แต่จะส่งทั้งสองไปที่ตระกูลฉินก็ไม่ได้ หากคุณชายฉินไม่ต้องการพบเด็กสองคนนี้ ก็เท่ากับว่าเขาแส่ไม่เข้าเรื่องน่ะสิ?
อีกอย่างตระกูลฉินมีบ้านเป็นจำนวนมาก ใครจะรู้ว่าตอนนี้คุณชายฉินอยู่ที่บ้านหลังไหน?
ขณะที่เถี่ยเสวียนเดินผ่านมา เขาก็เห็นจางชุนเถากำลังร้องไห้อยู่
“เจ้านาย ท่านดูสิว่านั่นใช่น้องสาวของจางซิ่วเอ๋อหรือไม่?” เถี่ยเสวียนถามพลางมองเนี่ยหย่วนเฉียวข้างกายตัวเอง
เนี่ยหย่วนเฉียวที่กำลังจะเดินผ่านไปได้ยินเช่นนั้นจึงชะงักฝีเท้าและหันไปมอง
ทั้งสองเดินไปอยู่ตรงหน้า เนี่ยหย่วนเฉียวเอ่ยถาม “ชุนเถา เจ้าร้องไห้ทำไม? พี่สาวของเจ้าล่ะ?”
จางชุนเถาเงยหน้ามอง ก็เห็นว่าเป็น ‘หนิงอัน’ ที่เคยช่วยพวกนาง จึงไม่นึกระแวง ประกอบกับนางทำตัวไม่ถูกจริง ๆ จึงบอกด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “พี่สาวของข้าถูกคนของตระกูลเนี่ยจับตัวไปเจ้าค่ะ”
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ยินแล้วก็มีสีหน้าแข็งทื่อไปเล็กน้อย “เจ้าค่อย ๆ เล่ามาเถิดว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้ว่าคนของตระกูลเนี่ยไปฟังมาจากที่ไหนว่าพี่สาวข้าไม่สงวนตัว มีสัมพันธ์กับชายอื่น จึงพาตัวพี่สาวข้าไปที่ตระกูลเนี่ย ข้าคิดว่าพวกเขาต้องไม่ปล่อยพี่สาวของข้าไว้แน่” จางชุนเถาบอกทั้งที่ร้องไห้อยู่
“พี่สาวข้าไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย! อีกอย่างพี่สาวข้าต้องกลายมาเป็นแม่ม่ายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำไมถึงตอนนี้แล้วคนตระกูลเนี่ยยังไม่ยอมปล่อยพี่สาวข้าไปอีก? คิดจะทำร้ายพี่สาวของข้าไปถึงไหนกัน!” จางชุนเถาพูดอย่างไม่พอใจ
เถี่ยเสวียนมองภาพตรงหน้าอย่างอึดอัดใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้านาย เราจะทำอย่างไรดีล่ะขอรับ?”
เนี่ยหย่วนเฉียวหน้าขรึม น้ำเสียงเริ่มโกรธเกรี้ยวขึ้นมาบ้างแล้ว “จะทำอย่างไรได้ล่ะ? ไปที่ตระกูลเนี่ยเดี๋ยวนี้เลยน่ะสิ!”
“แต่…..” เถี่ยเสวียนแสดงท่าทางกังวลใจออกมา
สีหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวย่ำแย่ลง เพียงแค่ตอนนี้เขานึกไปว่าสตรีโฉดอย่างฮูหยินเนี่ยจะลงมือกับจางซิ่วเอ๋อก็พาลบันดาลโทสะ!
ความเกลียดชังที่มีต่อฮูหยินเนี่ยผสมกับความเห็นใจที่มีต่อจางซิ่วเอ๋อทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา จางซิ่วเอ๋อเป็นแค่ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งที่ต้องตกทุกข์ได้ยากเพราะเขา
นางทั้งสดใสและมีชีวิตชีวา บัดนี้กลับต้องสูญเสียชีวิตอันสวยงามของตนให้กับฮูหยินเนี่ยงั้นหรือ?
ในสายตาของเนี่ยหย่วนเฉียว จางซิ่วเอ๋อก็เหมือนดอกเบญจมาศป่าที่เบ่งบานอยู่ตามภูเขา ซึ่งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา แต่ตอนนี้ฮูหยินเนี่ยกลับคิดจะทำลายดอกไม้งามอย่างเหี้ยมโหด
แน่นอนว่าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่อยากเห็นภาพแบบนั้น!
ความผูกพันต่าง ๆ เป็นผลให้เนี่ยหย่วนเฉียวเกิดความรู้สึกสงสารและเอ็นดูกับจางซิ่วเอ๋อ
และในสายตาเนี่ยหย่วนเฉียว เขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อผจญอยู่
เขาต้องแบกรับเรื่องนี้เอาไว้
“เถี่ยเสวียน เจ้าดูแลชุนเถา อย่าให้นางต้องเสียใจต่อไป เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” เนี่ยหย่วนเฉียวตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ลังเล
ไม่รอให้เถี่ยเสวียนพูดอะไร เนี่ยหย่วนเฉียวก็หายไปจากครรลองสายตาของทุกคน
เถี่ยเสวียนมองทิศทางที่เนี่ยหย่วนเฉียวจากไปอย่างวิตกกังวล นึกรำพึงในใจขอให้คุณชายของตัวเองมีสติบ้าง วิธีช่วยจางซิ่วเอ๋อมีเยอะแยะ อย่าทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนไปด้วย
จางซิ่วเอ๋อถูกส่งตัวมาถึงตระกูลเนี่ยในเวลาบ่าย
ครั้งแรกที่นางมาตระกูลเนี่ยเป็นตอนที่นางเข้าพิธีแต่งงานกับพ่อไก่นั่น แม้ว่าในตอนนั้นคนในนี้จะไม่ค่อยเห็นนางอยู่ในสายตานัก แต่ก็ยังเกรงใจกันอยู่ แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหยาบคายขึ้นมาก
จางซิ่วเอ๋อไม่ได้อยู่ในสภาพอารมณ์ที่ดีในตอนมาถึงที่นี่ครั้งแรก และด้วยสุขภาพที่ไม่สู้ดีแล้ว ก็ทำให้นางรู้สึกวิงเวียนและไม่ได้พิจารณาบ้านตระกูลเนี่ยหลังนี้โดยละเอียด
ในครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อถึงสัมผัสถึงความร่ำรวยของตระกูลเนี่ยได้
แต่นางก็แค่อุทาน ไม่ได้ถึงขั้นตะลึงลานอะไร
ถ้าจะให้พูดเรื่องความโอ่อ่า พระราชวังที่นางเห็นในยุคปัจจุบันสิเรียกว่าโอ่อ่าของจริง!
เพราะฉะนั้นจางซิ่วเอ๋อและแม่เฒ่าจางจึงให้ความรู้สึกสองอย่างเมื่อได้มาที่บ้านตระกูลเนี่ย
หัวหน้าแม่เฒ่าเห็นจางซิ่วเอ๋อมองทุกอย่างในตระกูลเนี่ยด้วยสายตาเรียบเฉย ราวกับไม่ทุกข์ร้อนและไม่ยินดี ก็ให้นึกดูแคลนจางซิ่วเอ๋อในใจมากขึ้นไปอีก
นางไม่คิดว่าจางซิ่วเอ๋อสงบจิตสงบใจหรอก
แต่คิดว่าจางซิ่วเอ๋อทึ่งจนทำตัวไม่ถูก
เด็กสาวบ้านนอกอย่างจางซิ่วเอ๋อ ไม่เคยได้ประสบพบเจออะไร ได้มาเห็นความหรูหราของตระกูลเนี่ยด้วยตัวเองจะไม่ตะลึงงันได้อย่างไร?
และตอนที่แม่เฒ่าผู้นี้ตั้งใจมาดักรอจางซิ่วเอ๋อ นางก็ไปพบแม่เฒ่าจางก่อนเพื่อความสะดวกในจัดการ
แม่เฒ่าจางจะพูดอะไรดี ๆ เกี่ยวกับจางซิ่วเอ๋อได้? ต้องพูดแต่ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่รักนวลสงวนตัว อ่อยคนนู้นคนนี้ไปทั่ว แล้วยังเลี้ยงชายชู้อีกด้วย
ประกอบกับฮูหยินเนี่ยสั่งพวกนางไว้ว่าไม่ต้องเกรงใจกับจางซิ่วเอ๋อ พวกนางย่อมดูถูกจางซิ่วเอ๋อเป็นธรรมดา
ถ้าจางซิ่วเอ๋อรู้ว่าคนพวกนี้มีความคิดเช่นนี้ ต้องเข้าไปกัดแรง ๆ แน่
ในสายตาจางซิ่วเอ๋อ ตระกูลเนี่ยแห่งนี้ล้วนกินคน! ตัวเองเลี้ยงลูกชายขี้โรค จะตายอยู่แล้วยังจะหาเด็กสาวมารองหลังให้
จนเด็กสาวคนนั้นต้องกลายเป็นแม่ม่ายไปในบัดดล แถมยังดับชีพชีวาวายไปอยู่ในปรโลก นี่มันเห็นชีวิตคนเป็นเสมือนต้นหญ้าชัด ๆ!
แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเหตุมาจากแม่เฒ่าจางเสียมากกว่า จางซิ่วเอ๋อไม่ใช่เจ้าของร่าง จึงมีความรู้สึกโมโห แต่ก็ไม่ถึงขั้นเคียดแค้นคนตระกูลเนี่ย
ถึงอย่างไรการเป็นแม่ม่ายก็ช่วยนางไว้ได้เยอะในเรื่องที่หนีออกจากตระกูลจาง
แต่ตอนนี้ตระกูลเนี่ยกลับเรียกนางมา นางจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก
ตระกูลเนี่ยต้องการอะไร? คิดจะชำระแค้นงั้นหรือ หลังได้สติจากความเจ็บปวดที่ลูกชายตายไป ก็เลยอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกชายตัวเองสินะ? ตัวเองมีลูกเป็นคนขี้โรคเองแล้วยังจะโทษคนอื่นอีกหรือ?
จางซิ่วเอ๋อยิ่งคิดยิ่งโมโห
แต่โมโหไปก็ทำอะไรไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อถูกโยนเข้าไปในห้องเก็บฟืนของตระกูลเนี่ย นางยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าคนของตระกูลเนี่ยกำลังหาทางจัดการตัวเองอยู่
จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมาก็อดตัวสั่นไม่ได้
ตระกูลเนี่ยคงไม่คิดจะขังตัวเองไว้ ให้ตัวเองต้องเฝ้าไอ้คนอายุสั้นนั่นไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม?
ได้ข่าวว่าคนตระกูลใหญ่บางตระกูลจะทิ้งหญิงสาวที่สามีเสียชีวิตไว้บนเขา ให้ไปเป็นแม่ชี……
สรุปก็คือยิ่งคิดแล้วจางซิ่วเอ๋อยิ่งสังหรณ์ไม่ดี
จางซิ่วเอ๋ออยู่ในห้องเก็บฟืนแห่งนี้ได้ครึ่งชั่วยามก็มีคนเข้ามา พาจางซิ่วเอ๋อเดินไปยังลานแห่งหนึ่ง
หลังจากผ่านประตูมู่ลี่ไป แม่เฒ่าผู้นั้นก็ปล่อยตัวจางซิ่วเอ๋อและคำนับเบื้องบน “ฮูหยิน ข้าพาตัวนางมาให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ”
จางซิ่วเอ๋อเงยหน้า ก็เห็นว่าด้านหน้าตัวเองมีโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้นุ่มอีกสอง
หนึ่งในเก้าอี้มีหญิงสาวอายุสามสิบต้น ๆ สวมเครื่องประดับปิ่นทองลูกปัดเต็มศีรษะนั่งอยู่
จางซิ่วเอ๋อเคยเจอฮูหยินเนี่ย แต่ตอนนั้นเห็นไม่ชัดเท่าใด พอตอนนี้ได้มองอย่างละเอียดแล้วก็อดอุทานในใจไม่ได้ หญิงสาวตระกูลใหญ่แตกต่างจากหญิงสาวในหมู่บ้านจริง ๆ
หญิงสาวในหมู่บ้านหากอายุเท่านี้แล้ว ดูแก่ชรากว่าหญิงสาวตรงหน้าคนนี้มาก
ฮูหยินเนี่ยจิบชา วางถ้วยชาลงก่อนจะเอ่ยปาก “จางซิ่วเอ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเรียกตัวเจ้ามาวันนี้เพราะเหตุใด?”
น้ำเสียงของฮูหยินเนี่ยไม่แสดงอารมณ์ ฟังไม่ออกว่านางดีใจหรือโกรธเกรี้ยว