ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 197 อยากปะทะกับเจ้านั่นแหละ
บทที่ 197 อยากปะทะกับเจ้านั่นแหละ
จางซิ่วเอ๋อปริปากเอ่ยเสียงเรียบ “ประโยคนี้ข้าต้องเป็นคนถามฮูหยินเนี่ยสิเจ้าคะถึงจะถูก”
ฮูหยินเนี่ยนี่จริง ๆ เลยนะ จับนางมาถึงขนาดนี้ เวลานี้กลับมาถามนางเสียอย่างนั้นว่าเรียกนางมาทำไม
“เจ้าไม่รู้เหรอ? ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เด็ก ๆ …บอกจางซิ่วเอ๋อหน่อยว่าข้าเรียกนางมาทำไม?” ฮูหยินเนี่ยหรี่ดวงตาหงส์ที่แฝงแววไม่สบอารมณ์ลง
ท่าทีของจางซิ่วเอ๋อหลังได้พบนางดูนิ่งสงบเกินไป
มันทำให้ฮูหยินเนี่ยไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
เป็นแค่เด็กสาวบ้านนอก บังอาจใช้สายตาแบบนั้นมองตนได้อย่างไร?
ชุนอวี้สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังฮูหยินเนี่ยเดินออกมา เชิดคางและต่อว่าจางซิ่วเอ๋อ
“ก็เพราะเจ้าเป็นคนของตระกูลเนี่ยเราแล้วแท้ ๆ กลับมีสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้ตระกูลเนี่ยของเราต้องขายหน้า!” ชุนอวี้แค่นเสียง
นางเองก็อยากแต่งงานกับคุณชาย ต่อให้คุณชายเป็นคนขี้โรคนางก็ยังชอบคุณชายอยู่ดี
แต่น่าเสียดาย ฐานะของนางช่างต่ำต้อย ไม่มีวาสนาได้แต่งงานกับคุณชาย
คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวบ้านนอกคนนี้กลับได้ประโยชน์ไป คนอย่างจางซิ่วเอ๋อไม่คู่ควรกับคุณชายของตัวเองเลยสักนิด
จางซิ่วเอ๋อฟังจบแล้วหัวเราะด้วยความโมโห
“ข้าล่ะอยากจะรู้จริง ๆ ว่าข้าไปมีสัมพันธ์กับใคร? อีกอย่างข้าเป็นแม่ม่ายไปแล้ว กฎหมายของเราไม่เคยห้ามแม่ม่ายแต่งงานใหม่เสียหน่อย!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง
ขณะเดียวกัน คุณชายฉินที่กลับมาจากข้างนอกแล้วก็ได้ยินบ่าวที่บ้านแจ้งเรื่องนี้
คุณชายฉินมีสีหน้ามืดครึ้ม มองพ่อบ้านพลางเอ่ย “ทำไมไม่ส่งคนไปตามข้า?”
พ่อบ้านตอบเสียงแผ่ว “ข้าน้อยไม่ทราบว่าคุณชายไปอยู่แห่งหนใด ขอคุณชายโปรดอภัย”
สีหน้าคุณชายฉินเย็นชา สั่งลงไปทันที “เตรียมรถม้า ไปอิ๋งเค่อจวี”
ตวนอู่พยักหน้าพลางกล่าว “ขอรับ”
ที่จริงข่าวที่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมส่งมานั้นไม่สมบูรณ์ แต่คุณชายกลับให้ความสำคัญอย่างผิดคาด
ตวนอู่รู้เช่นกันว่าสำหรับคุณชายตัวเองแล้ว จางซิ่วเอ๋อเป็นกรณีพิเศษ เวลานี้จึงไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย
หลังจากคุณชายฉินพบจางชุนเถาแล้วก็รีบรุดหน้าไปตระกูลเนี่ยทันที
บัดนี้จางซิ่วเอ๋อกำลังประจันหน้ากับฮูหยินเนี่ย
ฮูหยินเนี่ยรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อกำลังท้าทายอำนาจของตัวเอง ประกอบกับต่อให้จางซิ่วเอ๋อเป็นคนที่นางเลือก แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังเป็นคนของเจ้าเนี่ยหย่วนเฉียวเดนตายนั่นอยู่ดี จวนตระกูลเนี่ยของพวกเขาไม่มีใครพูดถึงเนี่ยหย่วนเฉียวมานานแล้ว
ตัวนางเองยังคิดว่าสามารถหลงลืมเนี่ยหย่วนเฉียวไปได้อย่างสิ้นเชิง
ใครจะรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อกลับกระโดดออกมาทำบางสิ่งบางอย่างที่ไปเตือนนายท่านเนี่ยถึงการมีอยู่ของเนี่ยหย่วนเฉียว
เรื่องนี้ทำให้ฮูหยินเนี่ยไม่สบอารมณ์มาก
คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเนี่ยหย่วนเฉียว ฮูหยินเนี่ยล้วนชิงชังหมด
ไม่ว่าฮูหยินเนี่ยจะคิดอย่างไร แต่นางก็ไม่ชอบจางซิ่วเอ๋อ และอยากให้จางซิ่วเอ๋อได้โดนดี
“จางซิ่วเอ๋อ! จนป่านนี้แล้วเจ้ายังจะเถียงอีก หากข้าไม่สั่งสอนเจ้าหน่อย คนเป็นแม่สามีอย่างข้าคงไร้ประโยชน์!” ฮูหยินเนี่ยแค่นเสียง กล่าวอย่างมุ่งร้าย
จางซิ่วเอ๋อมองค้อนกลับไป ตอนนี้ต่อให้นางยอมนบนอบ ฮูหยินเนี่ยก็ไม่ปล่อยนางไปอยู่ดี แล้วนางจะทำให้ตัวเองต้องอัปยศไปทำไมกัน?
และนิสัยของจางซิ่วเอ๋อก็ไม่ใช่คนอดทนด้วย
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง ขำพรืด “ข้าเป็นเพียงคนต่ำต้อย ไม่กล้าให้ท่านเป็นแม่สามีข้าหรอก!”
น่าขำสิ้นดี ฮูหยินเนี่ยบังอาจใช้คำว่าแม่สามีนิยามตัวเอง หากวันนี้นางยังอยู่ที่ตระกูลเนี่ย ฮูหยินเนี่ยจะจัดการนางอย่างไรนางก็ไม่ว่า แต่ตอนนี้นางถูกส่งออกจากตระกูลเนี่ยแล้ว
และเจ้าของร่างก็สูญสิ้นชีวิตไปเพราะความเฉยชาของตระกูลเนี่ย
จางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบอะไรต่อเรื่องของตระกูลเนี่ยอีก
ชุนอวี้ได้ยินแล้วพุ่งเข้ามาทันที ยกมือหวังจะตบหน้าจางซิ่วเอ๋อ
“นังชั้นต่ำ! จนบัดนี้แล้วยังกล้ามาปะทะกับฮูหยินอีก! ข้าว่าเจ้านี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ!” ชุนอวี้ด่าเสียงเกรี้ยวกราด
เห็น ๆ อยู่ว่ามือของชุนอวี้กำลังจะกระทบตน จางซิ่วเอ๋อหรี่ตาและถอยวูบไปด้านหลังหนึ่งก้าว ก่อนจะยื่นมือไปกระชากชุนอวี้
ชุนอวี้จึงล้มลงกับพื้น
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยยิ้ม ๆ “เจ้าจะคำนับข้าเหรอ? ก็ถูกนะ ถ้าฮูหยินเนี่ยนับข้าเป็นลูกสะใภ้ เช่นนั้นก็ถือว่าข้าเป็นนายคนหนึ่งของตระกูลเนี่ยเหมือนกัน เจ้าเป็นแค่สาวใช้ต่ำต้อย เกรงว่าจะไม่มีสิทธิ์มาติเตียนอะไรข้าได้”
“เจ้าวางใจเถอะ ในเมื่อเจ้ายอมหมอบคำนับกับพื้นเพื่อเป็นการขอโทษข้า งั้นข้าก็จะไม่ถือสาหาความเจ้า” จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ
นางไม่ชอบฮูหยินเนี่ย ขณะเดียวกันก็ไม่ชอบพวกอวดอ้างบารมีผู้อื่นอย่างชุนอวี้ด้วย
ฮูหยินเนี่ยตบโต๊ะอย่างแรง เอ่ยอย่างโมโห “ชักโอหังใหญ่แล้วนะ!”
ไม่มีใครในตระกูลเนี่ยกล้าท้าทายนางถึงเพียงนี้ โบราณกล่าวไว้ว่าจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้านายของมันเสียก่อน การกระทำของจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้เหมือนตบหน้าฮูหยินเนี่ยชัด ๆ
แต่จางซิ่วเอ๋อก็ไม่จำเป็นจะต้องโดนตบ
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อต้องคิดและทำไปทีละก้าว นางเคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว
และตอนนี้จางซิ่วเอ๋อยังคาดหวังกับคุณชายฉินอยู่
นางคิดว่าต่อให้เป็นเพราะสูตรเครื่องเทศผสมนั่น คุณชายฉินก็คงไม่นิ่งดูดายหรอก
“เด็ก ๆ! นำกฎตระกูลออกมา ข้าจะสั่งสอนนังเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้เสียหน่อย!” ฮูหยินเนี่ยเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด
ชุนอวี้คลานขึ้นมาจากพื้น มองจางซิ่วเอ๋ออย่างแค้นเคือง สายตาฉายแววสมน้ำหน้า
นางอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าจางซิ่วเอ๋อจะทนอย่างไรไหว!
ไม่นานนัก ก็มีคนยื่นแส้สีดำเส้นหนึ่งมาให้
จางซิ่วเอ๋อมองฮูหยินเนี่ยอย่างโกรธขึ้ง ไม่มีท่าทางขอความเมตตา
ชุนอวี้ง้างแส้ ฟาดจางซิ่วเอ๋อไปหนึ่งที ในหนึ่งทีนี้แฝงไว้ด้วยไฟโทสะของชุนอวี้ เมื่อฟาดไปบนตัวของจางซิ่วเอ๋อ ต่อให้นางพยายามหลบไปได้นิดหน่อย แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังรู้สึกเจ็บมาก
“ฟาดไป! ฟาดนังชั้นต่ำนี่ให้ตายไปเลย จะได้ฝังไปเป็นเพื่อนคุณชายใหญ่!” ฮูหยินเนี่ยพูดกัดฟัน
พอได้ยินคำว่าฝังไปเป็นเพื่อน จางซิ่วเอ๋อก็หัวใจเย็นวาบ ที่ฮูหยินเนี่ยพูดเมื่อครู่ดูเหมือนพูดไปเพราะบันดาลโทสะก็จริง ทว่าฟังดูดี ๆ แล้วจะรู้ว่าไม่ใช่การพูดด้วยอารมณ์อะไรเลย
ฮูหยินเนี่ยน่าจะคิดแบบนี้จริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อเย็นวาบในใจ ตัวสั่นเพราะความหนาวเหน็บ
นางนึกว่าตระกูลเนี่ยอย่างมากก็แค่สั่งสอนตัวเอง อย่างแย่ที่สุดก็ขังตัวเองไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินเนี่ยจะเกิดความคิดเช่นนี้!
ฝังไปด้วย?
เจ้าของร่างตายเป็นเพื่อนเจ้าขี้โรคเนี่ยหย่วนเฉียวไปแล้ว!
นางยังมีชีวิตดี ๆ เรื่องอะไรต้องตายเป็นเพื่อนเนี่ยหย่วนเฉียว!
ในใจของจางซิ่วเอ๋อตอนนี้เคียดแค้นเนี่ยหย่วนเฉียวสุด ๆ ตัวเขาเองตายไปไม่เท่าไร ทำให้นางต้องกลายเป็นแม่ม่ายไม่เท่าไหร่ แต่เวลานี้แล้วยังคิดจะลากนางลงปรโลกไปด้วย!
ฮูหยินเนี่ยมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาเย็นชา นึกในใจ เนี่ยหย่วนเฉียวไม่อยากแต่งงานกับเด็กสาวบ้านนอกไม่ใช่เหรอ?