ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 199 ความช่วยเหลือจากเนี่ยเฟิ่งหลิน
บทที่ 199 ความช่วยเหลือจากเนี่ยเฟิ่งหลิน
จางซิ่วเอ๋อลอบสังเกตสีหน้าเขียวปี๋บนใบหน้าของฮูหยินเนี่ยเงียบ ๆ นึกสมน้ำหน้าในใจ
ฮูหยินเนี่ยผู้นี้ช่างโอหังนัก คิดไม่ถึงว่าจะมีช่วงเวลาเช่นนี้ด้วย
คนที่ชื่อว่าเฟิ่งหลินนี้ช่างมีพลังรบเต็มพิกัดจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อแอบปรบมือไชโยให้กับเฟิ่งหลินในใจ ใครใช้ให้ฮูหยินเนี่ยทำให้นางไม่สบอารมณ์ล่ะ เช่นนั้นขอเพียงเป็นคนที่ทำให้ฮูหยินเนี่ยไม่สบอารมณ์ได้ นางจะปรบมือไชโยให้ทั้งหมด
ฮูหยินเนี่ยข่มอารมณ์อยู่สักพัก กว่าจะสะกดโทสะในใจของตัวเองลงไปได้
นางย้ำเตือนตัวเองในใจตลอด ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็จะบาดหมางกับนังต่ำช้าเฟิ่งหลินไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นนายท่านจะคิดว่านางไม่เรียบร้อยไม่อ่อนโยนใจกว้าง จะเป็นการทำลายภาพพจน์ดี ๆ ที่นางหมั่นสร้างมานานนับหลายปีลง
หลังจากตรึกตรองแล้ว ฮูหยินเนี่ยจึงปริปาก “เฟิ่งหลิน เจ้าไม่ต้องนึกเสียใจไปนะ? เจ้ากลับมาครั้งนี้จะอยู่นานเท่าไรล่ะ? ข้าจะได้ส่งคนไปเตรียมการ มิฉะนั้นพี่ชายของเจ้าต้องหาว่าข้าบกพร่องในการรับรองอย่างแน่นอน”
ฮูหยินเนี่ยพูดได้น่าฟัง แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นการบอกเนี่ยเฟิ่งหลินเป็นนัย ๆ ว่าอย่าอยู่นานนัก และเป็นการอยากถามจากปากของเนี่ยเฟิ่งหลินโดยตรงว่าครั้งนี้นางจะกลับมานานเท่าใด
ดวงตาคู่งามของเนี่ยเฟิ่งหลินกวาดมองไป พร้อมกล่าวยิ้ม ๆ “ข้ากลับมาครั้งนี้ไม่อยู่ค้างสักคืนเดียวหรอก”
พูดมาถึงตรงนี้ เนี่ยเฟิ่งหลินมองฮูหยินเนี่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
ฮูหยินเนี่ยโล่งใจ อดเผยรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ ก่อนจะพบว่าเนี่ยเฟิ่งหลินกำลังมองตนอยู่ สีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
แต่ถึงอย่างไรฮูหยินเนี่ยก็มิใช่คนธรรมดา แค่พริบตาเดียวสีหน้าเบิกบานใจของนางก็มลายหายไปไม่เหลือแม้เงา กลับถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เจ้ากลับมาตั้งไกล ทำไมไม่อยู่นานกว่านี้หน่อยเล่า?”
“ข้ากับพี่ชายของเจ้าคิดถึงเจ้ามากนะ” ฮูหยินเนี่ยบอก
เนี่ยเฟิ่งหลินหัวเราะ “ฮูหยินหรู เจ้าเกรงใจกันเกินไปแล้ว แต่ที่กลับมาครั้งนี้ข้าแค่มีเรื่องที่ต้องทำ เรียบร้อยแล้วข้าจะไปทันที มิกล้ารบกวนเจ้าแน่นอน”
ขานว่าฮูหยินหรูอีกแล้ว!
ฮูหยินเนี่ยรู้สึกว่าขนาดความสามารถในการเก็บอารมณ์ที่ฝึกฝนมานานหลายปีของตนก็ยังไม่อาจต้านได้เต็มที่เมื่อเผชิญหน้ากับเนี่ยเฟิ่งหลิน
ถ้าไม่ใช่เพราะเนี่ยเฟิ่งหลินกลับมาแค่บางครั้ง นางก็พอทนไหวอยู่ ไม่อย่างนั้นนางคงได้บาดหมางกับเนี่ยเฟิ่งหลินไปนานแล้ว
ใบหน้าของฮูหยินเนี่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าสีหน้าของนางดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าใดนัก
ขณะนั้นเองฮูหยินเนี่ยก็เอ่ยถามขึ้น “ไม่ทราบว่าที่เจ้ากลับมาครั้งนี้ต้องการอะไรหรือ? มีอะไรให้ช่วยหรือไม่?”
เนี่ยเฟิ่งหลินหัวเราะ “เจ้าไม่รู้หรือว่าข้ากลับมาครั้งนี้ต้องการอะไร?”
ใบหน้าของฮูหยินเนี่ยฉายแววงงงัน “ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการอะไร?”
ประโยคนี้เรียกได้ว่าแฝงนัยยะลึกซึ้งไว้ เจ้าต้องการอะไร? พอถามแบบนี้ รวมถึงน้ำเสียงต่างเจือความระแวงอย่างชัดเจน กลัวว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะทำอะไรที่นางไม่ชอบใจ
แต่ความจริงต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ๆ
เพราะนอกเสียจากเนี่ยเฟิ่งหลินจะไม่กลับมาแล้ว การกลับมาของนางก็ทำให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์ได้!
อย่างคำว่าฮูหยินหรูตั้งแต่ตอนแรกเริ่มก็เท่ากับแทงเข้าใจดำนางชัด ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลังจากนั้น!
ถ้าเนี่ยเฟิ่งหลินผู้นี้เป็นคนโง่ ยังไม่ชินกับการต้องเปลี่ยนคำเรียกก็ไม่เป็นไร แต่นอกจากเนี่ยเฟิ่งหลินจะไม่โง่แล้ว ยังเป็นคนที่ฉลาดมากอีกด้วย
ฉลาดจนรู้ว่าคำพูดแบบไหนที่ท้าทายความอดทนของฮูหยินเนี่ย!
ทุกประโยคล้วนแฝงเสี้ยนหนามเอาไว้!
รอยยิ้มบนใบหน้าเนี่ยเฟิ่งหลินกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่น้ำเสียงของนางกลับเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน!
เนี่ยเฟิ่งหลินถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น “ข้าแค่อยากถามว่าหลานชายข้าตายไปทั้งคน พวกเจ้าไม่คิดจะส่งข่าวให้ข้าเสียหน่อยหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วชะงักไปเช่นกัน คนผู้นี้น่าจะเป็นเนี่ยเฟิ่งหลินใช่ไหม? เป็นท่านอาหญิงของเจ้าขี้โรคเนี่ยหย่วนเฉียว
แต่ทำไมถึงไม่มีใครบอกเรื่องใหญ่อย่างการตายของเนี่ยหย่วนเฉียวกับเนี่ยเฟิ่งหลินเล่า?
เรื่องนี้ดูจะไม่ถูกเท่าใด นอกเสียจากว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายเลวร้ายมาก แต่เห็นได้ชัดจากวิธีการพูดของเนี่ยเฟิ่งหลินว่า ในตระกูลเนี่ยแห่งนี้เนี่ยเฟิ่งหลินยังมีสถานะสูงมาก และรู้ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเนี่ยเฟิ่งหลินและคุณผู้ชายเนี่ยนั้นดีมาก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่มีสถานะสูงเช่นนี้ในตระกูลเนี่ย แล้วทำไมเนี่ยเฟิ่งหลินถึงไม่รู้เล่า?
ฮูหยินเนี่ยคงจงใจกระทำล่ะสิ
ดูท่าเนี่ยเฟิ่งหลินมาที่นี่ก็เพื่อจะมาหาเรื่อง!
จางซิ่วเอ๋อมองเรื่องราวสนุกที่นี่อย่างสนอกสนใจ อย่างไรเสียในตอนนี้นางก็ยังไปไหนไม่ได้ สู้ดูละครอยู่เงียบ ๆ เสียดีกว่า
จะได้ยื้อเวลาให้นานขึ้นสักหน่อย เพื่อรอคุณชายฉินมาช่วยตัวเอง
ฮูหยินเนี่ยมีสีหน้าแข็งทื่อไป เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา นางดูมีท่าทางลนลานนิด ๆ แต่หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแสนโศกเศร้า “ที่แท้เจ้ามาเพราะเรื่องนี้เองหรือ? ที่ข้าและพี่ชายของเจ้าไม่ได้บอกเจ้าก็เพราะพวกเราเสียใจกันมาก การสูญเสียลูกในวัยกลางคนเป็นเรื่องที่พวกเราสะเทือนใจไม่น้อย ขนาดตัวพวกเราเองยังฟื้นตัวกันไม่ได้เลย จะบอกเรื่องที่แสนเศร้าเช่นนี้กับเจ้าได้อย่างไรกัน?”
เนี่ยเฟิ่งหลินไม่ได้ล้มเลิกการคาดคั้นเพราะใบหน้าที่ดูเสียใจของฮูหยินเนี่ย กลับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็น “ที่พวกเจ้าไม่ได้บอกข้าในเรื่องที่หย่วนเฉียวสิ้นชีพแล้วนั้นอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็จริง แต่ไฉนข้าถึงได้ยินมาว่าก่อนหย่วนเฉียวจะตาย เขาได้แต่งงานแล้วกันล่ะ?”
“เรื่องมงคลแบบนี้ทำไมถึงไม่บอกข้า? หรือคนเป็นอาอย่างข้าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าร่วมพิธีแต่งงานของหย่วนเฉียวรึ?” เนี่ยเฟิ่งหลินแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่าโมโหมาก
ฮูหยินเนี่ยรีบอธิบาย “เฟิ่งหลิน เจ้าอย่าคิดแบบนี้สิ ถ้าเป็นการแต่งงานตามปกติจะไม่บอกเจ้าได้อย่างไรกัน ที่หย่วนเฉียวแต่งงานเพราะเขาป่วยหนักยื้อไม่ไหวแล้ว จึงหาคนมาแก้ชง”
“แก้ชงก็นับเป็นงานมงคลไม่ใช่หรือ? แล้วไหนบอกว่าแก้ชง? ทำไมแก้จนกระทั่งเสียชีวิตล่ะ?” เนี่ยเฟิ่งหลินไล่บี้ถาม
ฮูหยินเนี่ยเริ่มจะรำคาญ เนี่ยเฟิ่งหลินผู้นี้ไม่จบไม่สิ้นหรืออย่างไรกัน?
แม้ว่าในใจของฮูหยินเนี่ยจะคิดเช่นนี้ แต่ตอนปริปากกลับเปี่ยมด้วยความปวดร้าว “ที่แก้ชงให้หย่วนเฉียวก็เพราะหมดสิ้นหนทางแล้วจริง ๆ ถ้าข้าและพี่ชายของเจ้าหาวิธีอื่นได้สักนิดก็คงไม่ทำเช่นนี้”
“เลือกใครมาแก้ชงล่ะ” เนี่ยเฟิ่งหลินเอ่ยถาม
ฮูหยินเนี่ยกล่าว “ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งจากในหมู่บ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะหาคนที่มีแผนผังพลังชี่สมพงษ์กันจากบ้านอื่นไม่ได้ ก็ไม่เลือกคนแบบนี้หรอก”
ฮูหยินเนี่ยกังวลนิดหน่อยว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะรังเกียจที่จางซิ่วเอ๋อฐานะต่ำต้อย จึงอธิบายไปเช่นนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะสตรีในหอนางโลมไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ด้วยเจตนาที่ชัดแจ้งเกินไป ฮูหยินเนี่ยก็อยากจะหาสตรีในหอนางโลมมาเป็นภรรยาหลวงของเนี่ยหย่วนเฉียวเสียจริง ๆ แล้วสวมเขาให้เนี่ยหย่วนเฉียวแบบนับไม่ถ้วน!
แผนผังพลังชี่อะไรกัน เรื่องจกตาทั้งนั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เชียร์อาเฟิ่งหลินค่ะ ไล่บี้นังฮูหยินชั่วให้แบนไปเลย ซิ่วเอ๋อต้องลำบากก็เพราะแผนของแก
ไหหม่า(海馬)