ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 21 กินให้พุงกาง
บทที่ 21 กินให้พุงกาง
อย่างจางซิ่วเอ๋อเองจะชอบกินของตุ๋นตามสูตรตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนเพื่อนร่วมงานชอบกินของเผ็ดตามสูตรใต้
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางมีแค่เต้าหู้เลือด และผักป่าที่เจอตามหญ้ารกตอนเก็บสวนเมื่อวาน
ก่อนหน้านี้คงจะมีเมล็ดถูกหว่านไว้ในสวน เพราะมีแปลงผักกาดด้วย
จางชุนเถาไม่กล้าเด็ด จึงกินผักป่านี่ไปก่อน
จางซิ่วเอ๋อเอาหม้อไปต้มแป้งข้าวโพดต่อ ส่วนเนื้อที่จางชุนเถาคีบออกมา นางหยิบมาส่วนนึงใส่ในข้าวต้ม
ตอนเช้ากินข้าวต้มกับเต้าหู้เลือด
ตอนแรกจางชุนเถาให้ตายยังไงก็ไม่ยอมกินเต้าหู้เลือด แต่พอเห็นจางซิ่วเอ๋อกินท่าทางน่าอร่อย นางจึงลองชิมอย่างอดไม่ได้
อีกอย่างในข้าวต้มใส่เนื้อกับผัก รสชาติก็ไม่เลว
ที่สำคัญคือข้าวต้มข้นมาก และทั้งสองกินได้มากเท่าที่ต้องการ
เมื่อก่อนสมัยอยู่กับตระกูลจางเคยได้กินข้าวต้มข้น ๆ แบบนี้ซะที่ไหนกัน ต่อให้มีพวกนางก็กินไม่ได้
ที่บ้านตระกูลจาง คนบ้านสี่อย่างพวกนางก็เหมือนต้นหญ้า ส่วนคนอื่น ๆ เป็นดั่งของล้ำค่า
ทั้งสองกินเสร็จก็เริ่มทำงาน พอเวลาได้ทีแล้วจางซิ่วเอ๋อก็ออกไปรอตามทางเดินที่ข้างนอก
ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นจางซานหยาแบกตะกร้าสานใบใหญ่ขึ้นเขา พอเห็นภาพนี้จางซิ่วเอ๋อก็นึกปวดใจ นางพาจางซานหยาออกมาด้วยไม่ได้ก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ
สำหรับจางซิ่วเอ๋อ ในเมื่อนางอยู่ในร่างของจางซิ่วเอ๋อผู้นี้แล้วก็ต้องช่วยจางซิ่วเอ๋อดูแลน้องสาว
อีกอย่าง น้องสาวสองคนนี้ก็น่าเอ็นดู นางเองก็รักใคร่จากใจ
“ซานหยา ไปเร็ว ไปกินข้าวเช้ากับพี่” จางซิ่วเอ๋อเรียก
จางซานหยามองไปยังทิศทางของบ้านผีสิงอย่างนึกกลัว แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
ตอนมาถึงบ้านผีสิง จางซานหยายืนมองอยู่ฝั่งกำแพงผุพังก่อน พอนางเห็นสวนที่สะอาดสะอ้าน และจางชุนเถาที่จัดของอยู่ นางก็ปล่อยมือจางซิ่วเอ๋อทันทีและวิ่งเข้าไปด้านในอย่างตื่นเต้นดีใจ
“พี่รอง พี่ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?” จางซานหยาดีใจมาก
จางชุนเถารีบบอกยิ้ม ๆ “ข้าไม่เป็นไรอยู่แล้ว ข้ายังใช้ชีวิตไม่สะใจเลย ไม่ออกแรงโขกอยู่แล้วน่า”
พอจางซานหยาได้สติจากอาการตื่นเต้นดีใจ นางก็มองไปรอบ ๆ พินิจพิเคราะห์บ้านหลังนี้ และกวาดตามองต้นโอ๊กคอเบี้ยวในสวนอยู่หลายครั้ง
สุดท้ายนางก็ลองเดินเข้าไปในห้องดู
พอเห็นผ้าห่มผืนใหม่นุ่มนิ่มในห้อง นางก็ไปกลิ้งบนนั้นอย่างอดไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาเอากับข้าวที่เก็บไว้ให้จางซานหยาออกมา
จางซานหยาก็ไม่ลังเล กอดถ้วยกระดกข้าวต้มทันที ข้าวต้มที่หอมผักและเนื้อแบบนี้นางไม่เคยได้กินมาก่อน
นางกินไปสองถ้วย จางซิ่วเอ๋อก็รีบหยุดนางไว้ไม่ให้กินต่อ ถ้ากินต่อได้จุกแน่
จางซานหยาปาดน้ำตา “พี่ พี่ดีกับข้าจริง ๆ เลย” ตั้งแต่พี่ใหญ่แต่งงาน พี่ใหญ่ก็ให้นางได้กินของดี ๆ ตั้งหลายครั้ง
“ซานหยา เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่ผัดหมูให้กิน ถึงเวลาเดี๋ยวไปเรียกมากินด้วยกัน…ส่วนหญ้าที่ต้องให้ย่า พี่จะออกเร็วหน่อยแล้วไปตัดให้แล้วกันนะ” จางซิ่วเอ๋อเช็ดน้ำตาให้จางซานหยาไปพลางพูดไปพลาง
นางและชุนเถาหนีออกมาจากเงื้อมมือปีศาจของแม่เฒ่าจางได้แล้ว แต่ซานหยายังต้องลำบากอยู่
ตอนซานหยาไป จางชุนเถาไม่ลืมกำชับซานหยาว่าห้ามพูดเรื่องที่กินข้าวที่นี่เด็ดขาด รวมถึงกินอะไรให้คนอื่นฟังด้วย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ได้กินหมูแล้วจะโดนริษยาเอาเลย เอาแค่เลือดหมูก็พอ ถ้าใครรู้เข้าต้องเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้แน่
ตอนนี้พวกนางอาศัยอยู่ในบ้านผีสิง ต้องโดนนินทาอยู่แล้ว ถ้าลือออกไปอีกว่าพวกนางกินเลือดหมูก็เดาไม่ออกเลยว่าจะลือกันไปรุนแรงขนาดไหน
ถ้าเห็นพวกนางเป็นปีศาจ หรือโดนผีสิงขึ้นมา ถึงจะไม่ถึงขั้นจับพวกนางไปเผา แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะรังเกียจพวกนางเอาได้
จางซิ่วเอ๋อไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะมองอย่างไร แต่ในเมื่ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ จะปลีกวิเวกมากไม่ได้ ถ้าโดนชาวบ้านรังเกียจตั้งแง่ขึ้นมาจริง ๆ จะทำอะไรก็ลำบาก
นางเองไม่เท่าไหร่ แต่ชุนเถาอายุยังน้อย นางยังต้องการเพื่อน อีกอย่าง อีกหน่อยก็ต้องแต่งงาน นางต้องคำนึงถึงเรื่องพวกนี้ด้วย
จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาใช้เวลาทั้งช่วงเช้าจัดห้องให้เรียบร้อย หลังจากปัดกวาดห้องให้สะอาดแล้วก็ยกสิ่งของต่าง ๆ ที่เจ้าของเดิมไม่ได้เอาไปด้วยออกมา นอกจากประตูเก่า ๆ กับหน้าต่างที่พังอย่างสิ้นเชิง รวมถึงเศษกระเบื้องแตกแล้ว บ้านหลังนี้ถือว่ากว้างขวางและสะอาดมาก
จางซิ่วเอ๋อวางแผนในใจ ก่อนที่นางจะหาเงินเพียงพอในการเปลี่ยนบ้าน พวกนางสองพี่น้องยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ พออีกหน่อยมีเงิน ซ่อมแซมเสียหน่อย อยู่ที่นี่ไปก็ไม่แย่ขนาดนั้น
ดูแล้วมีภูมิกว่าบ้านตระกูลจางซะอีก
ตระกูลจางมีห้องไม่น้อย แต่ล้วนแต่เป็นห้องหลังคาหญ้าแห้ง โดยเฉพาะห้องฝั่งตะวันตก นอกจากอึมครึมแล้วยังเก่าด้วย
ครอบครัวห้าคนต้องเบียดกันอยู่ในนั้น ลำบากที่จะบอกว่าอยู่กันสบาย
บ้านหลังขนาดนี้ไม่เล็ก และด้านหลังมีพื้นที่โล่งอยู่ สองพี่น้องจึงช่วยกันเก็บกวาดพื้นที่โล่ง
จางซิ่วเอ๋อมองพื้นที่โล่งนั้น และมีรอยยิ้มผุดบนใบหน้า นางหวังจะปลูกข้าวบนผืนแปลงนี้คงจะไม่ไหว แต่ถ้าปลูกผักก็เพียงพอสำหรับสองพี่น้องแล้ว
จวนจนเวลาเที่ยง จางซิ่วเอ๋อก็ให้ชุนเถารอที่บ้าน ส่วนนางขึ้นไปบนเขา
ซานหยาอายุแค่นี้ แต่ตอนนี้ต้องทำงานที่เป็นของนางและชุนเถา แบบนี้แล้วซานหยาจะทำเสร็จได้อย่างไร?
นางก็อยากให้ซานหยาปล่อยให้แม่เฒ่าจางรอเก้อ และไม่ว่าแม่เฒ่าจางจะพูดอะไรก็ไม่ยอมไปทำงาน แต่ถ้าซานหยาทำแบบนี้กลับไปต้องโดนตีแน่ นางไม่อยากให้ซานหยาต้องลำบาก
ในยุคสมัยนี้ การให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าเกิดขึ้นอยู่ทั่วไป
เด็กผู้หญิงทั่ว ๆ ไป ถ้าไม่ได้โดนตีจนตาย ไปฟ้องศาลก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
มากสุดก็แค่คนที่ตีโดนคนใจดีต่อว่า แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไร
จางซิ่วเอ๋อเคยตัดหญ้าอยู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำงานได้เร็วพอใช้ได้อยู่
ตอนขึ้นเขาไปตัดหญ้าให้ซานหยา จู่ ๆ นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หลายวันก่อนนางช่วยคนแปลก ๆ คนนึงไว้ที่นี่ ตอนนี้คน ๆ นั้นคงไม่ได้ตายที่นี่ไปแล้วนะ
พอคิดได้ดังนี้ จางซิ่วเอ๋อก็นึกยุบยับในใจ
นางอยากรู้มากว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับคน ๆ นั้น แต่ก็กลัวถ้าตัวเองไปแล้วเจอศพขึ้นมา เรื่องน่ากลัวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่จะซวยเอาได้ง่าย ๆ
แต่ถ้าไม่ไปดู นางก็ข่มความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ได้เช่นกัน
นางตัดหญ้าไปพลางเหลือบมองซานหยา หลายวันมานี้ซานหยาขึ้นมาตัดหญ้าบนเขาคนเดียวตลอด ถ้าคน ๆ นั้นตายอยู่ที่นี่จริง แล้วซานหยาไปเห็นเข้า ยัยเด็กขี้กลัวนี่คงตกใจแย่เลยสินะ…