ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 218 สั่งสอน
บทที่ 218 สั่งสอน
จางเป่าเกินฟังไปแล้วก็เริ่มเข้าใจ ดวงตาของเขาเป็นประกาย พลางพูด “เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ เลย ทำไมเมื่อตอนนั้นข้าไม่ออกแรงเยอะหน่อย ให้เด็กในท้องนางแท้งไปกันนะ!”
แม่เถาก็เอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้น “เฮอะ ข้าว่าต่อให้รักษาเด็กไว้ได้ ก็น่าจะเป็นเด็กผู้หญิงนั่นแหละ!”
นางไม่อยากให้เด็กที่คลอดออกมาเป็นเด็กผู้ชายเลยสักนิด
จางต้าเหอเอ่ยเสียงต่ำ “พวกเจ้าเบาเสียงหน่อย อย่าให้จางต้าหูได้ยินนะ จางซิ่วเอ๋อไม่ใช่คนที่จะตบตาได้ง่าย ๆ วันนี้นางพูดเพียงนิดเดียวก็เปิดโปงเรื่องทั้งหมด! ข้าว่าต้าหูไขว้เขวเพราะนังนี่แล้ว!”
“ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้นกับจางซิ่วเอ๋อกันแน่? ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงแข็งข้อขนาดนี้?” เวลานี้จางเป่าเกินก็เริ่มสอบถามเรื่องของจางซิ่วเอ๋ออย่างละเอียด
แม่เถาจึงเล่าเรื่องของจางซิ่วเอ๋อให้ฟัง
แน่นอนว่าพูดในแบบฉบับที่จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้นอกจารีตขนาดไหน ไปข้องแวะกับชายชู้มากเพียงใด มีคนให้พึ่งพาด้วย ขนาดเป็นคุณชายตระกูลสูงส่งยังถ่อมาหานางได้ นางถึงโอหังได้ถึงเพียงนี้
จางเป่าเกินฟังจบแล้วก็พูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “มิน่าเล่า! คราวก่อนข้าเจอจางซิ่วเอ๋อที่แคว้น นางถึงผยองถึงเพียงนั้น!”
“นางแย่งเงินข้าไปครึ่งตำลึงเงินด้วย! ข้าอุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน!” จางเป่าเกินพูดด้วยความเคืองขุ่น
แน่นอนว่าครึ่งตำลึงเงินนั้นไม่ใช่จำนวนที่จางเป่าเกินเก็บมานานหรอก แต่เขาได้มาด้วยวิธีที่เปิดเผยไม่ได้ เขาไม่กล้าพูดเรื่องนี้ตรง ๆ กับแม่เถา จึงโกหกไป
แม่เถาไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่จางเป่าเกินมีเงินเก็บครึ่งตำลึงเงิน
เพราะนางเป็นห่วงว่าจางเป่าเกินจะมีชีวิตลำบากนอกบ้าน จึงบอกให้จางต้าเหอส่งตำลึงเงินไปให้บ่อย ๆ ถ้าจางเป่าเกินประหยัดก็เป็นไปได้มากว่าจะมีเงินเก็บ
นางระเบิดอารมณ์ออกมาทันที ถามอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าว่าอะไรนะ? จางซิ่วเอ๋อเอาครึ่งตำลึงเงินของเจ้าไปเหรอ? เจ้าปล่อยให้นังแพศยานั่นแย่งเงินไปได้อย่างไร?”
จางเป่าเกินจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่เถาฟัง
แม่เถาฟังจบก็มีสีหน้าโมโห และจะพุ่งออกไปด้านนอก
จางต้าเหอเห็นท่าทางดังนี้จึงคว้าแม่เถาไว้ทันที “เจ้าจะไปไหน?”
แม่เถาหอบหายใจแรง พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าจะไปไหน? จะไปไหนได้! ข้าก็จะไปถามจางซิ่วเอ๋อให้รู้เรื่องว่ามีสิทธิ์อะไรมารังแกลูกชายข้า! ตำลึงเงินนั่นก็ต้องคืนข้ามาด้วย!”
“เจ้าไปไม่ได้!” จางต้าเหอรีบบอก
แม่เถามองจางต้าเหออย่างตกตะลึง “ท่านหมายความว่าอย่างไร หรือท่านจะเข้าข้างนังแพศยาจางซิ่วเอ๋อรึ?”
“เจ้าคิดไปถึงไหนต่อไหนกัน! ข้าคิดอย่างไรเจ้าไม่รู้เลยเหรอ? ข้าต้องเข้าข้างเจ้าและลูกชายของเราสิ! แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าการที่เจ้าพุ่งออกไปแบบนี้ ไม่ต้องพูดเรื่องที่เป่าเกินเป็นคนผลักแม่โจวล้มตอนนี้ต้องเลี่ยงการปะทะ เอาแค่ครึ่งตำลึงเงินนั่น ถ้าท่านแม่ถามขึ้นมาเจ้าจะอธิบายอย่างไร? ต่อให้บอกว่าเป็นตำลึงเงินที่จางเป่าเกินหามา ตามหลักแล้วตอนนี้ก็ต้องให้ท่านแม่!” จางต้าเหอแจกแจงให้ฟังเสียงเข้ม
ตอนแรกแม่เถาอารมณ์ร้อนมาก หลังจากฟังที่เขาพูดมาแล้วก็ค่อย ๆ ใจเย็นลง
นางกล้ำกลืน “แล้วจะปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อโอหังแบบนี้ต่อไปเหรอ? ครึ่งตำลึงเงินนั้นเราจะเอาคืนไม่ได้แล้วหรือไร?”
“แล้วเจ้าว่าตอนนี้เรามีหนทางอะไรล่ะ? ต่อให้จะเรียกตำลึงเงินก็ต้องไปคุยกันเอง สรุปก็คือ ห้ามใครพูดเรื่องนี้ต่อหน้าท่านแม่! ถ้าท่านแม่รู้ว่าข้าแอบเก็บตำลึงเงินให้ นางจะยอมให้พวกเราได้อยู่กันสบาย ๆ หรือ?” จางต้าเหอกล่าวต่อ
กับแม่เฒ่าจาง แม้ว่าลับหลังนางจางต้าเหอไม่ได้ให้ความเคารพนัก แต่จางต้าเหอไม่กล้าไปท้าทายอำนาจของแม่เฒ่าจางต่อหน้าหรอก
ไม่นานนักน้ำร้อนก็สุก จางซิ่วเอ๋อใช้ถ้วยสองถ้วยเทน้ำสลับไปมาจนอยู่ในอุณหภูมิอุ่นพอดี แล้วจึงป้อนแม่โจว
ครั้นได้จิบน้ำอุ่นแล้ว ปากของแม่โจวก็ดูไม่ซีดเผือดจนน่ากลัวอีกต่อไป
แต่คิ้วของนางขมวดเป็นปมตลอด ถึงแม้นางไม่ได้ว่าอะไร แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังรู้สึกได้ว่าแม่โจวในตอนนี้เจ็บปวดทรมานมาก
ดีที่ท่านหมอเมิ่งมาไวมาก
ท่านหมอเมิ่งเป็นคนสุขุม แต่บัดนี้ก็ก้าวอย่างฉับไว สามก้าวรวมเป็นสองก้าวเพื่อเข้ามาตรวจชีพจรให้แม่โจวในห้อง
ขณะนี้จางต้าหูยืนดูอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทางตึงเครียด
ไม่นานนักท่านหมอเมิ่งก็ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
เขาทอดสายตาไปที่จางต้าหู สั่งสอนไปยกใหญ่ “เจ้าดูแลเมียเจ้าอย่างไรกัน? รู้หรือไม่ว่าเด็กในท้องนางเกือบจะไม่รอดแล้ว?”
“ท่านหมอเมิ่ง เจ้าหมายความว่า…..หมายความว่า….เด็กในท้องเหมยจื่อยังอยู่เหรอ?” จางต้าหูโดนด่าแต่กลับมีอารมณ์ดีเหลือแสน ตอนที่เขาเห็นแม่โจวตกเลือดนึกว่าจะรักษาลูกไว้ไม่ได้แล้วจริง ๆ! คิดไม่ถึงว่ายังมีหวังอยู่
“ถ้าข้ามาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เด็กคนนี้คงไม่รอดแล้ว!” พูดไปท่านหมอเมิ่งก็หยิบยาเม็ดบำรุงครรภ์ออกมาเม็ดหนึ่ง ส่งให้จางซิ่วเอ๋อไปป้อนแม่โจว
ทันทีที่จางซิ่วเอ๋อรับยามา ก็รู้เลยว่ายานี้ไม่ธรรมดา ยานั้นส่งกลิ่นโสมหนาแน่น ดูก็รู้ว่ามีส่วนผสมจากสมุนไพรเลอค่าอย่างโสมอยู่ด้วย
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อยังไม่กล้าถามราคา นางไม่ได้กลัวว่าตัวเองไม่มีเงินซื้อยา แต่กังวลว่าแม่โจวจะตกใจ
ไม่อย่างนั้นนางล่ะอยากจะถามราคาต่อหน้าจางต้าหูจริง ๆ ให้จางต้าหูได้รู้เสียบ้าง!
“ตอนที่ข้ามาคราวก่อนก็บอกแล้วว่าให้ดูแลนางดี ๆ ทำไมพวกเจ้าถึงดูแลจนนางมีสภาพเช่นนี้” ท่านหมอเมิ่งถามด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
จางต้าหูรู้สึกผิดอยู่แล้ว จึงอึกอักขึ้นมา “ข้า…..เรื่องนั้น……”
เห็นท่าทางแบบนี้ของจางต้าหูแล้วจางซิ่วเอ๋อรำคาญจริง ๆ จึงเอ่ยปาก “ท่านอาเมิ่ง ช่างเถอะเจ้าค่ะ”
จางซิ่วเอ๋อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าท่านหมอเมิ่งโมโหแทนตัวเอง
ไม่อย่างนั้นอย่างมากท่านหมอเมิ่งก็แค่กำชับว่าควรดูแลแม่โจวอย่างไร ไม่พูดมากขนาดนี้หรอก ยิ่งไม่มีทางออกความเห็นเรื่องในครอบครัวผู้อื่น นิสัยของเขาก็ไม่ใช่คนแบบนี้ด้วย
แต่ที่เขาเป็นแบบนี้ในตอนนี้ จางซิ่วเอ๋อแค่คิดก็รู้แล้วว่าเพราะอะไร
แต่จางซิ่วเอ๋อยังรู้ด้วยว่าจางต้าหูเป็นพวกดื้อด้าน ต่อให้อ้างเหตุผลมากมายให้จางต้าหูฟังขนาดไหน เขาอาจจะฟังเข้าหูในตอนนั้น แต่พริบตาเดียวก็โดนแม่เฒ่าจางล้างสมอง และจางต้าหูก็จะลืมทุกอย่าง
พอนึกถึงจางต้าหู จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกหมดแรงขึ้นมา
เขาช่างน่าโมโหยิ่งกว่าคนเลวซึ่ง ๆ หน้าอย่างแม่เฒ่าจางเสียอีก!
ความเงียบของเขา ความกตัญญูของเขา ปล่อยปละละเลยให้คนพวกนี้ทำชั่ว ท้ายสุดแล้วยังจะทำท่าทำทางเหมือนว่ารักใคร่ในตัวพวกนางแม่ลูก น่าสะอิดสะเอียดสิ้นดี!
ท่านหมอเมิ่งมองจางซิ่วเอ๋อ มีความสงสารปรากฏในสายตา
เด็กสาวคนนี้ลำบากน่าดูเลย…..
ท่านหมอเมิ่งลอบถอนหายใจ สุดท้ายจึงได้แต่ชำเลืองมองจางซิ่วเอ๋อโดยไม่พูดอะไร
จางซิ่วเอ๋อเห็นการให้กำลังใจและความเป็นห่วงจากสายตาที่ท่านหมอเมิ่งมองมา นางรู้สึกแสบจมูก และตื้นตันใจขึ้นมาในบัดดล
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สั่งสอนให้หนัก ๆ เลยค่ะท่านหมอ คนสมองไร้รอยหยักแบบนี้ถึงจะรู้สำนึกขึ้นมาบ้าง
ไหหม่า(海馬)