ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 25 สายสัมพันธ์ครอบครัว
บทที่ 25 สายสัมพันธ์ครอบครัว
ใบหน้าเหลืองหมองของแม่โจวเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความลำบาก
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังยิ้มอย่างอ่อนโยน ถึงแม้นางจะถูกความลำบากของชีวิตทรมานจนแทบไม่เหลือความเป็นคน แต่ในรอยยิ้มนี้ก็ยังมีความเมตตาของผู้เป็นแม่อยู่
“ซิ่วเอ๋อ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า” แม่โจวยิ้มอย่างเข้าใจทุกสิ่งอย่าง
เมื่อครู่นางเข้าใจผิดไปจริง ๆ ซิ่วเอ๋อมีอะไรดี ๆ ก็เอามาให้นางหมด จะรู้สึกว่านางกินเยอะเกินได้อย่างไร
ที่นางเป็นแบบนั้นก็เพราะอายตัวเอง ถึงคิดเป็นอื่น
เมื่อแม่โจวกินอิ่ม ใบหน้าก็เริ่มออกสีอมชมพูมีเลือดฝาด ทั้งตอนนี้ร่างกายก็มีเรี่ยวมีแรงขึ้น นางจึงยืนขึ้นมองไปรอบ ๆ สวน แล้วก็เข้าไปดูในห้อง พอเห็นว่าเด็กทั้งสองไม่ต้องห่วงเรื่องกินอยู่ไปพักนึงก็สบายใจ
จากนั้นแม่โจวจึงตัดสินใจกลับ
ถ้านางยังไม่กลับอีกก็ไม่รู้ว่าที่บ้านจะวุ่นวายไปแค่ไหน
แต่ก่อนจะไป แม่โจวพูดกับจางซิ่วเอ๋ออย่างจริงจังด้วยความเป็นห่วง “ซิ่วเอ๋อ แม่รู้ว่าเจ้าโตแล้ว มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่แม่ก็อดกำชับไม่ได้ ต่อให้ตอนนี้เจ้ามีตำลึงในมือก็จะใช้แบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าต้องคิดถึงวันข้างหน้าที่ตำลึงหมดด้วยว่าจะอยู่อย่างไร ถ้าใช้แบบนี้เกรงว่าเหลือไม่เยอะแล้วล่ะสิ”
แม่โจวช่างพูดแทงใจดำนัก ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อเหลือตำลึงที่ไหนล่ะ
ตอนนี้เหลือแค่เหรียญทองแดงไว้ใช้ยามจำเป็นนิดหน่อยเท่านั้นเอง
จางซิ่วเอ๋อกลัวแม่โจวเป็นห่วง จึงไม่ได้บอกความจริงของตัวเองออกไป แล้วปลอบแม่โจวแทน “แม่วางใจเถอะ ข้ารู้น่า”
“เจ้าก็อย่ารำคาญที่แม่บ่นเลย จำคำพูดแม่ไว้ให้ดี มันเป็นผลดีกับตัวเจ้า” แม่โจวเอ่ยเสียงอ่อนโยน
จางซิ่วเอ๋อจะไปรำคาญที่แม่โจวบ่นได้อย่างไรกัน
มีแต่แม่แท้ ๆ เท่านั้นแหละที่จะบ่นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นได้กินเนื้อก็ดีแล้ว จะมาสนเรื่องพวกนี้ทำไม
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยรับประกันพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ ข้าจะจำคำพูดแม่ไว้ให้ดีเลย”
พอเห็นจางซิ่วเอ๋อมีรอยยิ้มระบายบนใบหน้า แม่โจวก็นึกอุทานในใจ การที่ลูกสาวตัวเองเจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่ ๆ ซะทีเดียวก็ได้
ถึงแม้ตอนนี้ซิ่วเอ๋อจะกลายเป็นแม่ม่าย แต่ก็มีความสุขและอิสระกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ถ้าท้องนี้เป็นลูกชาย นางเองก็จะมีจุดยืนในตระกูลจางขึ้นมาบ้าง จะได้หาทางหาสามีให้ซิ่วเอ๋อได้
เด็กผู้หญิงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปทั้งชาติไม่ได้หรอกนะ
ตอนนี้แม่โจวเริ่มมีแผนสำหรับจางซิ่วเอ๋อในใจแล้ว แน่นอนว่าแผนนี้ถ้าจางซิ่วเอ๋อรู้เข้าต้องไม่ยอมแน่
ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะไม่ต่อต้านการแต่งงาน แต่ก็จะไม่แต่งแค่เพราะต้องแต่ง
ถ้าแต่งโดยไม่รู้อะไรเลย ไปเจอผู้ชายแบบพ่อของตัวเอง แล้วไปเจอแม่ยายแบบแม่เฒ่าจาง อย่างงั้นชีวิตที่เพิ่งได้เริ่มต้นใหม่ของนางคงแหลกเป็นผุยผง
แต่เรื่องที่แม่โจวคิดก็เป็นเรื่องในอนาคต ตอนนี้ยังไม่ลงมือทำอะไรหรอก
อย่างน้อยต้องรอให้นางคลอดลูกชายก่อน แบบนี้ชื่อเสียงซิ่วเอ๋อจะได้ดีหน่อย ตอนนี้มีคนในหมู่บ้านไม่น้อยเลยที่พูดว่าเป็นเพราะซิ่วเอ๋อที่ขัดดวงนาง ทำให้นางไม่มีลูกชายสักที
แต่แม่โจวที่รักลูกตัวเอง ย่อมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
แต่คำพูดของคนนั้นช่างน่ากลัว ซิ่วเอ๋อเพิ่งโดนเรื่องทำให้คุณชายเนี่ยตาย ต้องรอให้เรื่องซาไปก่อนค่อยให้ซิ่วเอ๋อแต่งงาน
เมื่อตอนที่แม่โจวกลับถึงบ้าน ตระกูลจางก็เหลือเพียงเศษข้าวแล้ว
จางต้าหูก็กินข้าวเสร็จแล้ว และเอ่ยเสียงต่ำ “เจ้ากลับมาแล้วเหรอ?”
ระหว่างพูดจางต้าหูก็หยิบซาลาเปาผักออกจากอกตัวเองสองลูก เอ่ยเสียงต่ำ “รีบกินเถอะ ข้าแอบเก็บไว้ให้”
แม่โจวมองซาลาเปาผักแล้วถอนหายใจ
นางไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองจะทนอยู่กับจางต้าหูต่อไปได้อย่างไร
หลายปีที่ผ่านมา นางต้องโกรธเคืองการกระทำของจางต้าหูอยู่บ้าง ความโกรธเคืองเหล่านี้สะสมจากน้อยจนมาก จนนางเองก็รู้สึกแบกรับไว้ไม่ไหวแล้ว
ตอนแรก นางยังคิดว่าที่จางต้าหูแอบซ่อนของกินให้ตัวเองนั้นเป็นการกระทำที่ทำเพราะรักตัวเอง ซึ่งนางซึ้งสุด ๆ
แต่นานวันเข้านางก็พบว่า นางเกลียดการกระทำแบบนี้ของจางต้าหูมาก
ทำไมเขาถึงไม่ต่อต้านแม่เฒ่าจางออกมาตรง ๆ แล้วเอาของกินให้นาง?
ทำไมเขาถึงไม่ปกป้องนางตอนที่นางทะเลาะกับแม่เฒ่าจาง?
ตอนแรกนางก็ไม่ได้อ่อนแอแบบนี้ ตอนอยู่บ้านตัวเองนางก็เป็นลูกรักของที่บ้าน ถึงแม้ชีวิตที่บ้านจะอัตคัด แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยทำให้นางต้องอยู่อย่างอัปยศ
แต่ตั้งแต่ที่นางแต่งงานกับคนที่คนอื่นมองว่าซื่อ ๆ และขยันทำงาน ก็ไม่เคยมีชีวิตที่สุขใจเลยสักวันเดียว
แม่โจวโบกมือ “ข้าไม่กินแล้ว”
อารมณ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว ทั้งยังกินอิ่มตั้งแต่ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อด้วย เวลานี้จะไปกินซาลาเปาผักที่เห็นแล้วรำคาญใจแบบนี้ลงได้อย่างไร?
จางต้าหูพูดอย่างไม่เข้าใจ “เหมยจื่อ ต่อให้เจ้าไม่อยากกิน ก็นึกถึงตัวน้อยในท้อง….”
ในเวลานั้นเอง จางอวี่หมินก็เดินออกจากห้องและเห็นภาพนี้พอดี
จากนั้นนางจึงโวยวายทันที “พี่สี่ พี่ขโมยของเหรอ? พี่ไม่รู้เหรอว่าวันนี้ข้ากับแม่กินไม่อิ่มน่ะ!”
จางต้าหูพูดด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก “วันนี้พี่สะใภ้เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ข้าเก็บไว้ให้นาง”
“อย่างไรซะในท้องก็ยังเป็นตัวขาดทุนอยู่ดี กินเยอะแล้วจะมีประโยชน์อะไร!” จางอวี่หมินเอ่ยด้วยน้ำเสียงถากถาง
พอนึกถึงเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อบังอาจออกไปตั้งตัวเอง ส่วนจางชุนเถาต่อให้ต้องตายก็จะต่อต้านที่ต้องโดนขาย ส่งผลให้สินสอดของนางสลายไปกับอากาศ ทำให้ตอนนี้จางอวี่หมินก็ไม่ชอบหน้าบ้านสี่สุด ๆ
เวลานี้จึงพาลพี่ชายพี่สะใภ้ของตัวเองด้วย
“ในท้องพี่สะใภ้เจ้าอาจจะเป็นลูกชายก็ได้” จางต้าหูเถียง แต่เสียงไม่หนักแน่นนัก
จางอวี่หมินขำพรืด “ตอนคลอดซานหยาพวกพี่ก็พูดแบบนี้ ข้าว่าพวกพี่จะหลอกเอาของกินซะมากกว่า”
ใบหน้าเล็ก ๆ ที่พอดูดีอยู่ของจางอวี่หมินเต็มไปด้วยความร้ายกาจและโหดเหี้ยม
ได้ยินแบบนั้นแม่โจวก็เศร้าขึ้นมา ถ้าท้องนี้ของนางยังเป็นลูกสาวอยู่นางคงต้องไปโดดน้ำแล้วจริง ๆ ต่อให้นางไม่อยากตายบ้านนี้ก็คงไม่เอานางไว้หรอก
ตอนนี้เองแม่เฒ่าจางก็ออกมาด่าเช่นกัน
แม่โจวเดินเข้าห้องด้วยฝีเท้าหนักอึ้ง นั่งนิ่งอยู่นานไม่ยอมขยับ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ส่วนด้านจางซิ่วเอ๋อ ตอนเช้าพวกนางเก็บกวาดบ้านจนเรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนตอนบ่ายพวกนางว่าจะออกไปหาอะไรกิน
จะรอจนใช้เงินหมดก่อนคงไม่ได้
ที่บ้านเหลือเสบียงอยู่ไม่มากนัก ถ้าไม่รีบหาเงินหรือหาของกิน อีกหน่อยต้องอดข้าวแน่
ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่อยากอดแล้ว ต้องเริ่มหาของกินเพิ่มอีก
ต้องวางการณ์ไกลตั้งแต่เนิ่น ๆ
ตอนบ่ายจางซิ่วเอ๋อจึงไปขึ้นเขา ส่วนจางชุนเถาตอนนี้ยังออกมาไม่ได้
จางชุนเถาร้อนใจมาก รู้สึกเหมือนตัวเองถูกขังไว้ แต่นางเป็นคนฉลาด รู้ว่าที่จางซิ่วเอ๋อไม่ให้นางออกไปก็เพราะหวังดีกับนาง
จางซิ่วเอ๋อเอามีดผ่ากระดูกที่กินเหลือไว้ออก แล้วใส่ในหม้อ กระดูกนี่ต้มเอาน้ำมันออกมาได้ไม่น้อย จะให้ทิ้งคงเสียดายแย่
และยังกำชับให้จางชุนเถาใส่ฟืนเรื่อย ๆ ดูหม้อนี้ให้ดี