ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 252 ปัญหาของคุณชายฉิน
บทที่ 252 ปัญหาของคุณชายฉิน
เรื่องสูตรเครื่องเทศผสมได้จบลงแล้ว ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง แต่ถ้าถอยออกมาหนึ่งก้าว อย่างน้อยตอนนี้นางก็สบายใจแล้ว
ไม่ต้องคอยวิตกอยู่ทุกวันว่าจะประชันสมองกับคุณชายฉินอย่างไร
ตอนที่คุณชายฉินกลับนั้น จางซิ่วเอ๋อเป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง
ขณะจะออกจากป่าผีสิง จางซิ่วเอ๋อก็ถามอย่างใจดี “ในเมื่อตวนอู่ไม่ได้ตามมาด้วย ท่านคงไม่ได้เดินมาจริง ๆ หรอกใช่ไหมเจ้าคะ? ที่นี่ไม่ได้อยู่ใกล้กับเมืองชิงสือเลยนะ ข้าจ้างเกวียนให้เอาไหม?”
จางซิ่วเอ๋อพูดจบแล้วก็นึกเสียใจ คุณชายฉินเป็นคนระดับไหนกัน จะยอมลดตัวมานั่งเกวียนได้อย่างไร?
คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋อและบอก “ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ตวนอู่น่าจะมารับข้าแล้ว”
“เช่นนั้นตอนท่านกลับไปก็ระวังตัวด้วย” จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้แสดงท่าทางดีมาก
คุณชายฉินเดินออกไปสองก้าว จู่ ๆ ก็หันกลับมามองจางซิ่วเอ๋อ
เขาปริปาก “จางซิ่วเอ๋อ”
จางซิ่วเอ๋อแปลกใจเล็กน้อย “หืม มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”
คุณชายฉินชะงักไปนิดหน่อย สุดท้ายก็เอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไร”
เขามองจางซิ่วเอ๋ออยู่พักใหญ่ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าพฤติกรรมของคุณชายฉินนั้นดูแปลกมาก นางส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนหันหลังกลับไป
นางไม่ทันสังเกตเลยว่าพริบตาเดียวที่นางหันหลังให้ คุณชายฉินได้หันกลับมามองนางอย่างสื่อความหมาย
ตอนที่ออกมาจากป่าผีสิง รถม้าคันหรูของคุณชายฉินก็ได้แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ตวนอู่กำลังมีสีหน้าร้อนรน พริบตาที่เห็นคุณชายฉินถึงได้สบายใจขึ้นมา “คุณชาย! ในที่สุดข้าก็พบท่าน!”
ปรากฏว่าที่คุณชายฉินออกมาวันนี้ เขาไม่ได้บอกตวนอู่เลยด้วยซ้ำ
ตวนอู่หาเขาไม่เจอ จึงอดร้อนใจไม่ได้
เขาไปหาตามสถานที่ที่คุณชายฉินไปบ่อย ๆ ก็ไม่พบ นี่อย่างไรเล่า ท้ายสุดแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าคุณชายฉินอาจจะมาที่นี่ ถึงได้รีบรุดหน้ามา
คุณชายฉินพยักหน้าให้ตวนอู่ ไม่ได้พูดอะไร หลังจากตวนอู่จอดรถเรียบร้อยจึงเดินขึ้นรถม้าไป
ตวนอู่เลี้ยวทิศรถม้ากลับไปก่อนจะบ่นงึมงำ “คุณชาย ท่านหายไปหนึ่งวันเต็ม ข้าเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้วนะขอรับ”
“ว่าแต่ทำไมคุณชายถึงมาอยู่ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อได้ล่ะขอรับ” ตวนอู่ไม่เข้าใจเลย
คุณชายฉินเอ่ยเสียงเข้ม “เคลื่อนรถต่อไป!”
ตวนอู่รู้ได้ทันทีว่าตัวเองพูดมากเกินไป จึงไม่กล้าปากมากเรื่องที่ทำไมคุณชายฉินถึงมาหาจางซิ่วเอ๋ออีก
รถม้าเคลื่อนเข้ามาจนถึงเรือนน้อยของตระกูลฉิน
ตวนอู่พยุงคุณชายฉินลงจากรถม้าไปพลาง ก่อนจะพูดอึกอัก “คุณชาย มีคนมาที่เรือนขอรับ”
คุณชายฉินสีหน้าเย็นเยียบ “ข้าเห็นแล้ว!”
นี่คือสาเหตุที่เขาอารมณ์ไม่ดีในวันนี้
ตวนอู่สังเกตสีหน้าคุณชายฉิน พลางเสริมขึ้นด้วยความระมัดระวัง “ไม่ใช่บ่าวผู้นั้น แต่เป็น…..เป็นอีกผู้หนึ่งขอรับ”
คุณชายฉินสีหน้าอึมครึมลง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“คือ….คือว่าฮูหยินใหญ่มาขอรับ” ตวนอู่พูดมาถึงตรงนี้ อดใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเองไม่ได้
คุณชายฉินได้ยินดังนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังจากไปทันที
ขณะนั้น ประตูของเรือนน้อยพลันเปิดออก สตรีวัยกลางคนดูสง่างามคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน นางสวมเสื้อผ้าสีแดงสด บุคลิกท่าทางสูงส่งเอาการ
นางตะคอกเสียงดุดัน “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
คุณชายฉินหันกลับมาและเอ่ยเสียงเย็น “ไม่ทราบว่าลมอะไรพัดท่านมาหรือ?” พูดจบคุณชายฉินก็ชะงักไปเล็กน้อย ดูเหมือนวันนี้จางซิ่วเอ๋อก็ได้พูดประโยคนี้เช่นกัน
คุณชายฉินนึกถึงจางซิ่วเอ๋อแล้วอดเหม่อลอยไม่ได้
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นหรี่ตา “เรื่องอันใดกันที่ทำให้เจ้าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้?”
คุณชายฉินได้สติกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่มี เพียงแต่ไม่ทราบว่าฮูหยินใหญ่มาหาข้าที่นี่ทำไมกัน?”
สตรีวัยกลางคนตะคอกอย่างเดือดดาล “เจ้าต้องพูดจาแบบนี้กับข้าเชียวหรือ? ไม่เคยเรียนมารยาทเลยหรืออย่างไร?”
เวลานี้คุณชายฉินไม่เหลือความสง่างามสูงส่งอย่างที่เคยเป็น กลับมีความโหดเหี้ยมที่จางซิ่วเอ๋อไม่เคยเห็นมาก่อนฉายอยู่บนใบหน้า “มารยาท? คิดไม่ถึงว่าฮูหยินใหญ่จะทราบด้วยว่าสิ่งใดคือมารยาท!”
“บิดาเจ้าป่วย ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อพาเจ้ากลับไป” สตรีวัยกลางคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
คุณชายฉินแค่นเสียงเย็น “เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเกี่ยวอะไรกับข้า!”
“เจ้าจะเย็นชาไร้เยื่อใยเช่นนี้จริง ๆ รึ?” สตรีวัยกลางคนถาม น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความคาดคั้น
คุณชายฉินหรี่ตาตอบ “หากฮูหยินใหญ่ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เชิญกลับไปเสียตอนนี้เถอะ ข้าไม่ต้อนรับท่าน”
“เจ้าไม่สนความเป็นความตายของบิดาเจ้า แล้วความเป็นความตายของน้องสาวเจ้าล่ะ เจ้าก็ไม่สนหรือ?” สายตาของสตรีวัยกลางคนเต็มไปด้วยความโมโห
คุณชายฉินได้ยินแบบนั้นแล้วก็ตกตะลึงไป “พวกเจ้าทำอะไรนาง?”
สตรีวัยกลางคนถามกลับ “ข้าถามเจ้าแค่ว่าเจ้าจะกลับหรือไม่”
สายตาของคุณชายฉินดูซับซ้อนอย่างยิ่ง เขามองหญิงวัยกลางคนอย่างเกลียดชัง แต่ครั้นนึกถึงคนที่ตนห่วงใย สายตาเริ่มสั่นคลอน
ตวนอู่เกลี้ยกล่อมเสียงเบา “คุณชาย พวกเรากลับกันเถอะ”
คุณชายฉินมองตวนอู่ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ข้าจะกลับไป แต่เจ้า…..ไม่ต้องกลับไปแล้ว”
ตวนอู่ได้ฟังดังนั้นก็ใจสั่นวูบ เขามองคุณชายฉินอย่างตกตะลึง เข้าใจความหมายของคุณชายฉินขึ้นมาในทันใด และมีท่าทางตื่นตระหนกในทันที “คุณชาย คุณชาย ตวนอู่สำนึกผิดแล้วขอรับ”
คุณชายฉินในตอนนี้ไม่แม้แต่จะมองตวนอู่ เขาเดินดิ่งเข้าไปในตัวเรือน
สตรีวัยกลางคนเห็นว่าคุณชายฉินยอมอ่อนข้อ จึงเผยรอยยิ้มสะใจออกมา
ทุกฝีก้าวของคุณชายฉินนั้นประหนึ่งหนักพันชั่ง เขาหัวเราะอย่างขมขื่น เดิมทีตั้งใจไว้ว่าวันพรุ่งนี้จะนำหนังสือร่างไปให้จางซิ่วเอ๋อ ตอนนี้ดูท่าคงต้องผิดนัดเสียแล้ว
สิ่งที่จางซิ่วเอ๋อรู้เกี่ยวกับคุณชายฉินนั้นไม่มากอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งไม่มีทางรู้ว่าคุณชายฉินเจอเรื่องลำบากอะไรบ้าง
เหลือเพียงตวนอู่ที่ยืนอยู่ตรงที่เดิม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดตัวเองและสำนึกเสียใจ เขารู้ว่าคุณชายต้องโกรธที่เขาพูดเข้าข้างฮูหยินใหญ่ และโกรธเขาที่ไม่ยอมรีบบอกว่าฮูหยินใหญ่มา
เช้าวันนี้คุณชายเจอบ่าวที่เรือน หลังจากได้รับจดหมายฉบับนั้นแล้วก็สีหน้าไม่สู้ดี จากนั้นฮูหยินใหญ่มาอีก คุณชายจะมีอารมณ์ดีได้อย่างไรกัน?
ตวนอู่ยืนอยู่ครู่หนึ่ง อยู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมา
ครั้งนี้เขาผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว คุณชายคงไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแล้ว
ตวนอู่ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ เขาถึงขั้นยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนเป็นลมไป เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ในเรือนน้อยหลังนั้นก็ไม่เหลือใครอื่นอีกแล้ว มีเพียงคนเฝ้าประตูและเขาเท่านั้น
ที่บ้านผีสิงในสามวันต่อมา
จางซิ่วเอ๋อดองปลาที่ตัวเองจับขึ้นมาทว่ากินไม่หมดไว้ในไห ฤดูร้อนกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว
หลังจากเข้าฤดูหนาวแล้วต้องมีของกินเก็บไว้หน่อย ถึงจะไม่ขาดแคลนเสบียง แต่ก็ต้องมีกับข้าวบ้าง
เนื้อยังซื้อเอาได้ แต่จะกินปลาในฤดูหนาวนั้นคงไม่ง่าย
ถึงแม้ลำธารในฤดูหนาวที่นี่จะไม่ถึงขั้นเป็นน้ำแข็งทั้งหมด แต่ถ้าคิดจะไปจับปลาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตระกูลฉินมีดราม่าอะไรกันนะ แต่น่าจะดูหนักไม่แพ้ตระกูลเนี่ยเลย
ที่คุณชายรู้สึกเอ็นดูซิ่วเอ๋อเป็นเพราะมีนิสัยบางอย่างเหมือนกับน้องสาวหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)