ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 255 ชายเดียวดายและแม่ม่ายสาว
บทที่ 255 ชายเดียวดายและแม่ม่ายสาว
หากเนี่ยหย่วนเฉียวรู้เรื่องในครั้งนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นไร!
หลังจากจางซิ่วเอ๋อคิดอยู่นั้น นางก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ราวกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
จางซิ่วเอ๋อยกข้าวต้มมาและเริ่มป้อนข้าวต้มให้เนี่ยหย่วนเฉียว ถึงแม้สติของเขาจะเลือนราง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หลับสนิท การป้อนข้าวต้มของจางซิ่วเอ๋อจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ค่อยชินกับการดูแลคนอื่นนัก ตอนนี้จึงอดคิดในใจตัวเองไม่ได้ ทำไมนางถึงรู้สึกว่าตัวเองติดหนี้คนที่ชื่อหนิงอันคนนี้? ตั้งแต่ครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม….
จางซิ่วเอ๋อล้างชามใบสุดท้ายและนอนลงกับฟูก
แต่หลังจากนอนลงแล้วนางก็ไม่อาจข่มตาหลับได้
ในสมองของนางเต็มไปด้วยเรื่องเนี่ยหย่วนเฉียว แน่นอนว่าอย่าเข้าใจผิด ในสมองที่คิดถึงถึงเนี่ยหย่วนเฉียวนั้น ไม่ใช่ความตั้งใจที่จางซิ่วเอ๋อจะจดจำเนี่ยหย่วนเฉียวเอาไว้
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกำลังกังวลว่าเนี่ยหย่วนเฉียวจะตายที่นี่หรือไม่
อย่าว่าแต่จะโชคร้ายหรือไม่โชคร้ายเลย ถ้าเถี่ยเสวียนกลับมาแล้ว นางจะอธิบายอย่างไร?
อีกอย่าง ถ้าเขาตายจริง มันก็เป็นเรื่องน่าละอาย
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ส่วนลึกในใจของจางซิ่วเอ๋อก็ไม่อยากให้เนี่ยหย่วนเฉียวตายแบบนี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็พลิกตัวไปมาและพึมพำว่า “ช่างมันเถอะ ถือว่าใช้หนี้ที่เคยติดค้างอยู่ก็แล้วกัน!”
นางมองจางชุนเถาที่หลับอยู่ข้าง ๆ แล้วลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ ตัดสินใจไปดูแลเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยตัวเอง! หากเนี่ยหย่วนเฉียวตายเพราะไม่มีใครสนใจ นางจะต้องรู้สึกผิดอย่างแน่นอน
จางชุนเถารู้เข้า ไม่แน่ว่าอาจจะคิดว่านางไร้น้ำใจ
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงแล้วเดินช้า ๆ เข้าไปในห้องของเนี่ยหย่วนเฉียว
จางซิ่วเอ๋อคิดถึงเรื่องที่เนี่ยหย่วนเฉียวไม่อยากเห็นแสงสว่าง ดังนั้นในเวลานี้นางจึงไม่กล้าแม้แต่จะจุดเทียน ทำได้เพียงคลำหาทางเข้าไปในห้อง
แม้ว่าห้องนี้จะมืดมากในระหว่างวัน แต่อย่างน้อยนางก็สามารถมองเห็นเงาของคนได้ แต่ตอนนี้เล่า? แสงจันทร์ด้านนอกถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์จนห้องนี้ดูมืดทึบ
จางซิ่วเอ๋อเข้าไปในห้องมืดนี้ นางมองไม่เห็นอะไรเลย
นางใช้ความทรงจำของนางคลำหาทาง
เมื่อมาถึงตรงหน้าเตียงของเนี่ยหย่วนเฉียว จางซิ่วเอ๋อก็ยื่นมือออกไป
ตอนแรกนางสัมผัสโดนมือที่เย็นเฉียบของเนี่ยหย่วนเฉียว จึงพูดเสียงเบา “ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
จางซิ่วเอ๋อยังคงคลำต่อไป
นางวางมือบนจมูกของเนี่ยหย่วนเฉียว ครั้งนี้สัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาของเขา ส่งผลให้จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพูดเสียงเบา “ถือว่าดวงชะตาของเจ้ายังดีนัก ที่เจอข้าเช่นนี้ มิเช่นนั้นต่อให้เจ้าตายที่นี่ก็ไม่มีใครสนใจ! ”
พูดจบจางซิ่วเอ๋อก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงของเนี่ยหย่วนเฉียว
ใช่แล้ว นางตั้งใจจะปกป้องเนี่ยหย่วนเฉียว อย่างน้อยก่อนที่เถี่ยเสวียนจะกลับมา นางไม่อาจปล่อยให้เนี่ยหย่วนเฉียวตายได้
แต่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มืดมิดและเงียบสงบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เริ่มสับสน
เมื่อนางกำลังจะหลับ ศีรษะของนางก็จะโขกลงบนแผ่นเตียง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางก็จะตื่นมาทดสอบลมหายใจของเนี่ยหย่วนเฉียวอีกครั้ง
หลังจากทำซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง จางซิ่วเอ๋อก็ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของนางหรือเปล่า นางรู้สึกว่าลมหายใจของเนี่ยหย่วนเฉียวค่อย ๆ สงบลง
เมื่อเวลาเที่ยงคืน จางซิ่วเอ๋อก็กระแทกเข้ากับเตียงอีกครั้งเพราะง่วงนอน
มือที่เย็นเฉียบคู่นั้นยื่นออกมาและจับศีรษะของจางซิ่วเอ๋อไว้
จางซิ่วเอ๋อที่หลับไปแล้วไม่ได้สังเกตเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวกำลังลืมตา ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายราวกับอัญมณีสีดำในห้องมืดสนิทเช่นนี้
เขาพยุงจางซิ่วเอ๋อขึ้นมาและวางลงบนเตียง ท่าทางของเขาดูเหมือนจะลำบากเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงทำเช่นนั้น
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่มใช้วิชาเพื่อขับไล่ไอเย็นออกจากร่างกายของตน
เช้าตรู่วันต่อมา…
แสงแดดถูกบดบังด้วยผ้าที่ตรึงติดไว้กับหน้าต่างของจางซิ่วเอ๋อ จึงไม่สามารถสาดส่องเข้ามาในห้องได้ ประกอบกับเมื่อคืนจางซิ่วเอ๋อแทบจะไม่ได้นอนเลย ดังนั้นนางจึงตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย
ทุกวันจางซิ่วเอ๋อตื่นแต่เช้าก่อนจางชุนเถา ครั้งนี้จางชุนเถาตื่นเช้ามากจริง ๆ
จางชุนเถามองหาจางซิ่วเอ๋อในลานบ้าน แต่ก็ไม่พบ
นางพึมพำว่า “พี่สาวหายไปไหน?”
นางกวาดสายตามองออกไปนอกห้องของเนี่ยหย่วนเฉียว แล้วตะโกนใส่ “พี่สาว! ”
จางซิ่วเอ๋อขยับและลืมตาขึ้น
เนี่ยหย่วนเฉียวมีพลังฟื้นคืนกลับมาแล้ว สภาพของเขาในตอนนี้จึงดีขึ้นมาก
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อลุกขึ้นนั่ง ก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
จางซิ่วเอ๋ออึ้งไปชั่วขณะ ตอนนี้นางกำลังนอนอยู่บนเตียงของเนี่ยหย่วนเฉียว ห่มผ้าของเนี่ยหย่วนเฉียว… นี่… มันบ้าไปแล้ว!
“หนิงอัน!” จางซิ่วเอ๋ออุทานออกมา
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าซับซ้อน “ข้าอยู่นี่” ”
“ข้า… เจ้า… ข้า… มาอยู่บนเตียงเจ้าได้อย่างไร? “จางซิ่วเอ๋อรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก
สีหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวแข็งค้าง เขาอยากจะอธิบายให้จางซิ่วเอ๋อฟัง แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ว่าหลังจากตื่นมาเมื่อวานแล้วเห็นจางซิ่วเอ๋อเป็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจมาก จึงดึงจางซิ่วเอ๋อขึ้นเตียง
เขาเพิ่งฟื้นคืน ร่างกายยังไม่หายดี พละกำลังมีน้อยนัก จึงทำได้เพียงเท่านี้ จากนั้นเขาก็ทำได้เพียงลุกขึ้นนั่งสมาธิเพื่อต้องการให้ตนฟื้นตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด!
แม้เขาจะมีเจตนาดี แต่ดูเหมือนว่าจะทำชื่อเสียงของจางซิ่วเอ๋อเสื่อมเสียแล้ว
ถึงจางซิ่วเอ๋อจะเคยแต่งงาน แต่เขาก็รู้ดีกว่าใครว่าจางซิ่วเอ๋อยังเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ การที่เขาทำแบบนี้จะต้องเป็นที่สะเทือนใจต่อจางซิ่วเอ๋ออย่างแน่นอน!
เนี่ยหย่วนเฉียวคิดไปคิดมาก็รู้สึกไร้ละอายเล็กน้อย
ขณะที่เนี่ยหย่วนเฉียวกำลังจะพูดว่า ‘ข้าจะรับผิดชอบเจ้า’ นั่นเอง
จางซิ่วเอ๋อก็ขยี้หน้าผากของนางและปีนลงจากเตียงพลางมองเขาอย่างดุร้าย “ข้าจะบอกอะไรให้นะ! เรื่องเมื่อคืนห้ามพูดให้คนอื่นฟังเด็ดขาด! อย่าพูดถึงมันอีก! ”
แน่นอนว่านางไม่อยากเข้าไปพัวพันกับชายผู้นี้เพราะเรื่องที่นางนอนกับเนี่ยหย่วนเฉียวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อเพิ่งตื่นเต็มตา นางก็คิดว่าตัวเองเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว เมื่อคืนอาจเป็นเพราะนางง่วงนอนมาก ดังนั้นจึงปีนขึ้นมาบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงนอนบนเตียงกับเนี่ยหย่วนเฉียว
นางไม่อยากให้เนี่ยหย่วนเฉียวรับผิดชอบ และนางเองก็ยิ่งไม่สามารถรับผิดชอบเนี่ยหย่วนเฉียวได้!
ใช่แล้ว! นั่นคือสิ่งที่นางคิด
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคนยุคโบราณผู้นี้ใส่ใจเรื่องมารยาทหรือขนบธรรมเนียม ไม่ว่านางจะไปขึ้นเตียงของเนี่ยหย่วนเฉียวได้อย่างไร และไม่ว่าทั้งสองคนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เนี่ยหย่วนเฉียวคนนี้อาจจะพูดเรื่องความรับผิดชอบหรือให้นางมารับผิดชอบก็ได้
ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อจึงตัดสินใจชิงลงมือก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมัดมือชกในภายหลัง
ถึงแม้ว่าตอนนั้นนางจะสามารถปฏิเสธเนี่ยหย่วนเฉียวได้ แต่ถึงตอนนั้นนางกับเนี่ยหย่วนเฉียวคงไม่มีทางคบกันอย่างสนิทใจเหมือนเมื่อก่อน วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้เนี่ยหย่วนเฉียวหุบปากให้สนิทก่อนที่เนี่ยหย่วนเฉียวจะเปิดปากพูดเสีย!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่มีอะไรในกอไผ่จริง ๆ นะ ทั้งคู่อย่าเพิ่งร้อนใจไป
ไหหม่า(海馬)