ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 264 เอาคืน
บทที่ 264 เอาคืน
ในที่สุดจางต้าหูก็พยักหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ครั้งนี้ข้าจะไม่พูด”
จางซิ่วเอ๋อพูด “ท่านทำดีกับแม่ข้าหน่อย ถ้าแม่ข้ามีความสุข ข้าก็จะไม่รังเกียจที่จะปฏิบัติดีต่อท่านด้วย อย่าว่าแต่เรื่องอื่นเลย แค่เนื้อกับไข่นี่ ข้าก็จะนำมาให้ท่านได้ลองชิมอีกเป็นบางครั้งบางคราวแล้ว แต่พวกเราต้องตกลงกันก่อน ถ้าท่านเอาของที่ข้าเอามาไปให้คนอื่นกิน ต่อไปก็อย่าหวังว่าจะได้กินอีกเลย! ”
ครั้นจางต้าหูนึกถึงเนื้อและไข่แสนอร่อย เขาก็พยักหน้าอย่างร้อนรนในทันที “ข้าสัญญากับเจ้า! ”
จางซิ่วเอ๋อยังคงไม่เชื่อจางต้าหู นางแค่นเสียง “ทำให้ได้ตามที่พูดด้วย”
ในตอนนั้นเอง แม่เฒ่าจางก็ตะโกนจากนอกห้อง “จางต้าหู! เจ้ายังไม่รีบให้อาหารหมูอีก! ”
จางต้าหูรีบตอบ “ขอรับ! ”
แม่โจวพึมพำเสียงเบาอยู่ข้าง ๆ “ทำไมไม่ให้พี่สามเลี้ยงล่ะ”
จางต้าหูได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบาย “พี่สามออกไปทำงานข้างนอกเหนื่อยมากแล้ว เรื่องจิปาถะในบ้านข้าน่าจะทำเอง ”
กล่าวดังนี้แล้วจางต้าหูก็เดินออกไป
แม่โจวไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถทำให้จางต้าหูเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในทุกครั้ง ตอนนี้นางวางแผนที่จะพูดกรอกหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามวิธีที่หยางชุ่ยฮวาบอก และเมื่อเวลาผ่านไป สักวันหนึ่งจางต้าหูจะรู้สึกเอนเอียงไปเอง
ก่อนหน้านี้แม่โจวทรมานยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ร่างกายยังไม่แข็งแรง ในใจก็รู้สึกทุกข์ทนเช่นกัน ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย กล่าวได้ว่าพลังและจิตวิญญาณของแม่โจวดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
จางซิ่วเอ๋อลอบหัวเราะในใจเมื่อได้ยินสิ่งที่จางต้าหูพูด
จางต้าเหอทำงานหาเงินข้างนอก แต่การออกไปทำงานข้างนอกมันเหนื่อยขนาดนั้นจริงเหรอ?
นางเห็นจางต้าเหอขาวกว่าจางต้าหูอย่างเห็นได้ชัด แถมยังอ้วนท้วนสมบูรณ์กว่าจางต้าหูอีก แสดงว่าจางต้าเหอไม่ได้ลำบากอะไรเลย
และเงินนั่น…
ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้แยกบ้าน! เงินที่หามาได้ทั้งหมดจะต้องถูกนำมาเก็บที่บ้าน ซึ่งจางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าจางต้าเหอจะมอบเงินทั้งหมดให้กับตระกูลหรอก
เมื่อมองไปที่ลูกชายสองคนของตระกูลจาง พวกเขาก็รู้ว่าลูกชายคนโตของเขาทำงานข้างนอก เขาไม่มีเงิน แต่ในกระเป๋าของเขามีเงินอยู่ครึ่งตำลึง! หลังจากที่เงินครึ่งตำลึงถูกเขาแย่งไป ในกระเป๋าของเขาก็ยังมีเงินอยู่!
ครั้นพูดถึงจางสือโถวเล่า
เขามีอายุไม่ต่างจากจางซานหยามากนัก แต่กลับดูสูงใหญ่แข็งแรงกว่านางถึงสองเท่า!
ถ้าจางต้าเหอไม่ได้เก็บเงินไว้อย่างลับ ๆ และไม่ได้แอบให้ลูกทั้งสองคนของเขา เด็กสองคนนี้จะเป็นแบบนี้ได้หรือ?
จางต้าหูช่างโง่เง่าเสียจริง! เขาทำงานหนักแบบถวายชีวิต แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ ไร้ซึ่งอนาคต เอาแต่ลากครอบครัวของเขาลงต่ำ อีกทั้งยังลากจางต้าเหอลงมาด้วย!
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าต่อให้พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งนางยังขี้เกียจคุยกับจางต้าหูแล้ว จึงหิ้วตะกร้าไม้ไผ่ของตัวเองเดินออกไปนอกบ้านตระกูลจาง
ในเวลานี้จางเป่าเกินได้ยืนอยู่หน้าประตูตระกูลจาง
ไม่รู้ว่าตอนเย็นกินเยอะจนย่อยยาก หรือเพราะนอนนานเกินไปจึงออกมาเดินเล่นกันแน่
หรือบางทีอาจเป็นเพราะรอหาเรื่องนางอยู่
ที่นี่คือบ้านตระกูลจาง จางซิ่วเอ๋อมั่นใจว่าจางเป่าเกินคงไม่กล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้งหรอก หากเป็นเมื่อก่อนหน้านี้ จางเป่าเกินและจางอวี่หมินก็คงมีนิสัยเดียวกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านตระกูลจางหรือไม่ การตีจางซิ่วเอ๋อก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
แต่นั่นก็เพราะซิ่วเอ๋อคนเดิมมีนิสัยอ่อนแอเหมือนแม่โจว ต่อให้ถูกรังแกก็ไม่กล้าส่งเสียง
แต่จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ไม่ได้มีนิสัยอ่อนแออีกแล้ว จางอวี่หมินไม่กล้ายั่วยุนางง่าย ๆ ต่อให้ไปยั่วยุนาง นางก็ไม่กล้าลงมือตามใจชอบ
จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้หรือจะยอมอดทนอดกลั้นให้อีกฝ่ายทุบตีนาง ตามนิสัยของจางซิ่วเอ๋อแล้ว นางจะต้องทำให้คนทั้งหมู่บ้านรู้กันทั่ว
อย่างไรก็ตามจางซิ่วเอ๋อยังคงกังวลว่าจางเป่าเกินจะลอบทำร้ายนาง ดังนั้นนางจึงมองจางเป่าเกินอย่างระมัดระวังตัวอยู่
เป็นดังคาด เมื่อจางซิ่วเอ๋อเดินผ่านทางเข้าลานบ้าน จางเป่าเกินก็แสร้งทำเป็นเหยียดเท้าออกมาขวาง
จางซิ่วเอ๋อยิ้มกว้าง
ในเมื่อเห็นแล้ว ถ้านางสะดุดอีกก็คงโง่งมเกินไป
และครั้งนี้นางไม่เพียงแต่จะไม่สะดุดแต่ยังตั้งใจจะเอาคืนจางเป่าเกินด้วย!
จางซิ่วเอ๋อยกเท้าขึ้นและกระทืบบนเท้าของจางเป่าเกินในทันทีจนเสียงร้องโอดโอยดังลั่น
จางเป่าเกินเก็บเท้าของเขาไม่ทัน จึงถูกจางซิ่วเอ๋อเหยียบกระทืบเข้าเต็ม ๆ!
จางเป่าเกินกรีดร้องออกมา “โอ๊ย! เจ้าเหยียบเท้าข้า! ”
จางซิ่วเอ๋อแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางยกเท้าอีกข้างของนางขึ้น เพื่อให้น้ำหนักทั้งหมดของนางตกลงบนเท้าของจางเป่าเกิน
นั่นหมายความว่าจางเป่าเกินต้องใช้เท้าข้างนั้นแบกรับน้ำหนักทั้งหมดของจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อมองไปที่จางเป่าเกินที่แสดงสีหน้าดุร้าย
นางควรจะกินข้าวให้มากขึ้น ตัวนางยังเบาเกินไป ถ้านางสามารถทุ่มน้ำหนักลงไปได้มากกว่านี้ มันจะทำให้จางเป่าเกินเจ็บปวดมากขึ้น! จางซิ่วเอ๋อคิดอย่างเจ็บใจ
จางเป่าเกินเบิกตากว้างและมองไปที่การกระทำของจางซิ่วเอ๋อ ก่อนแผดเสียงด้วยความโกรธแค้น “จางซิ่วเอ๋อนังแพศยา รีบเอาเท้าของเจ้าออกจากเท้าของข้าเร็วเข้า”
จางซิ่วเอ๋อชำเลืองมองจางเป่าเกินก่อนจะค่อย ๆ ถอนเท้าของนางออก “เจ้าตาบอดหรือเปล่า? ไม่เห็นหรือว่าข้าเดินผ่านมา? จะยื่นเท้าของเจ้าออกมาทำไม!”
จางเป่าเกินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างตกตะลึง เขาถูกเหยียบเท้าแล้วยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ จางซิ่วเอ๋อกลับโยนความผิดให้เขาเป็นคนชั่วร้ายไปได้อย่างไร?
จางเป่าเกินลืมไปว่าตอนแรกเขาอยากจะทำให้จางซิ่วเอ๋อสะดุด ดังนั้นเขาจึงยืดขาออกไปหวังจะขโมยไก่โดยไม่เสียเมล็ดข้าว* แต่กลับโดนจางซิ่วเอ๋อเหยียบเข้าเต็ม ๆ
*บรรลุผลโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลังแต่อย่างใด
ในเวลานี้จางเป่าเกินทั้งรู้สึกเศร้าและโมโห เขาพูดอย่างพยายามคุมสติ “ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้! ”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็นชา “ข้าบอกเจ้าแล้ว สุนัขที่ดีจะไม่ขวางทาง! เจ้ายื่นเท้าออกมาแบบนี้ก็สมควรถูกเหยียบแล้ว! ”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าการเหยียบเท้าจางเป่าเกินนั้นเบาเกินไป นางรู้สึกเกลียดตัวเองที่เท้าของนางไม่มีมีดยาวโผล่ออกมา!
จางเป่าเกินพูดอย่างโกรธเคือง “นังแพศยา! เจ้าว่าใครเป็นสุนัข? ”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะ “ใครก็ตามที่ร้อนตัวนั่นแหละ ข้าก็พูดถึงคนนั้น! ใครก็ตามที่คุยกับข้า ข้าก็บอกคนนั้น! ”
จางเป่าเกินกัดฟันพูด “จางซิ่วเอ๋อ เชื่อไหมว่าข้าจะต่อยเจ้า! ”
จางเป่าเกินยกมือขึ้นและทำท่าจะต่อยจางซิ่วเอ๋อ
เมื่อเห็นความโหดเหี้ยมของจางเป่าเกิน จางซิ่วเอ๋อก็กังวลว่าจางเป่าเกินจะลงมือจริง ๆ แต่ในตอนนี้นางเปลี่ยนไปแล้วและจะไม่ยอมแพ้ใคร ถ้านางยอมรับความพ่ายแพ้ ในอนาคตจางเป่าเกินอาจจะได้คืบเอาศอก? ไม่แน่ว่าอาจจะหยิ่งยโสมากขึ้นไปอีก!
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตามองจางเป่าเกิน “จางเป่าเกิน ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ตีข้าสิ? แต่ข้าจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเจ้าตีข้า เจ้าก็เตรียมตัวเป็นคนพิการซะ! เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะฟ้องลุงใหญ่ของข้าและดูว่าลุงของข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร! ”
จางเป่าเกินเองก็เป็นคนขี้ขลาดและหวาดกลัว พอคิดถึงโจวหู่ ก็อดตัวสั่นไม่ได้
แม้ว่าโจวหู่จะไม่ได้พูดมาก แต่เขาก็ลงมืออย่างโหดเหี้ยม จางเป่าเกินหวาดกลัวกับการถูกโจวหู่ทุบตีจริง ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กร้ากๆๆ สม โดนเอาคืนแบบนี้ก็สมแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)