ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 265 โล่งใจ
บทที่ 265 โล่งใจ
“แน่จริงเจ้าก็สู้กับข้าเองสิ!” จางเป่าเกินแค่นเสียงและหลีกเลี่ยงประเด็นของโจวหู่
จางซิ่วเอ๋อชำเลืองมองจางเป่าเกินวูบหนึ่ง “ใครจะโง่สู้กับเจ้า! วันนี้ข้าจะพูดเอาไว้เลยนะ หากเจ้าอยากตีข้า เจ้าก็ทำเถอะ ถึงตอนนั้นข้าจะฟ้องลุงใหญ่แล้วก็จะฟ้องหนิงอัน…”
“หนิงอันน่ะ เจ้ารู้จักไหม? ถึงตอนนั้นข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่กลับเข้าไปในเมือง เขาจะตามหาเจ้าจนเจอแล้วจับเจ้าไปทำอะไรก็ได้… เหอะ เจ้าตีข้าด้วยมือไหน เช่นนั้นก็เตรียมตัวโดนหักเอาไว้ได้เลย!” จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วของนาง วางท่าทางโอหังเต็มที่
จางเป่าเกินตกใจกับความหยิ่งยโสของจางซิ่วเอ๋อ
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อมีที่พึ่งจริง ๆ ต่อให้เขาลงมืออย่างดุดันได้ก็ไม่กล้าแตะต้องจางซิ่วเอ๋อ
ใช่…ในเมื่อพูดต่อหน้าไม่ได้ เขาก็จะหาวิธีแก้แค้นจางซิ่วเอ๋ออย่างลับ ๆ!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จางเป่าเกินก็พ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา “ข้าไม่มีเวลามาพูดกับเจ้าแล้ว รีบไสหัวไปซะ! ”
จางเป่าเกินพูดเสร็จก็หลีกทางให้
ขณะที่จางซิ่วเอ๋อเดินผ่านจางเป่าเกิน นางก็พึมพำเบา ๆ “ช่างเป็นสุนัขที่ดีจริง ๆ รู้จักหลีกทางสมกับที่เป็นสุนัข! ”
จางเป่าเกินเข้าใจความหมายในคำพูดของจางซิ่วเอ๋อ เลือดลมพลุ่งพล่านด้วยความโกรธ
“จริงสิ ข้าขอเตือนเจ้าด้วยเจตนาดี ช่วงนี้เจ้าควรอยู่ในบ้านอย่างสงบเสงี่ยมนะ ตอนนี้ในหมู่บ้านมีคนหัวเราะเยาะเจ้าอยู่ไม่น้อย บาดแผลที่ก้นของเจ้ายังไม่หายดี แต่ยังออกมาแบบนี้ ไม่กลัวที่จะขายหน้าหรือ?” จางซิ่วเอ๋อยิ้ม
จางเป่าเกินเริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของเขาแล้ว
วันนี้เขาไม่ควรออกมายั่วยุจางซิ่วเอ๋อบรรพบุรุษตัวน้อยนี้เลย! เขาไม่ได้รังแกจางซิ่วเอ๋อ แถมยังถูกจางซิ่วเอ๋อรังแกอีก ไม่เพียงแค่นั้นยังถูกจางซิ่วเอ๋อหัวเราะเยาะอีกด้วย!
และตอนนี้เขาเกลียดคนอื่นที่พูดถึงบาดแผลที่ก้นของเขา แต่จางซิ่วเอ๋อเดนตายคนนี้กลับจงใจพูดถึงเรื่องนี้!
เขาอยากจะบีบคอจางซิ่วเอ๋อให้ตายจริง ๆ!
จางเป่าเกินพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ตนเองคลุ้มคลั่งไปเสียก่อน
จางซิ่วเอ๋อมองไปที่จางเป่าเกินที่อัดอั้นตันใจและเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นางรู้ว่าตนเองไม่สามารถยั่วยุจางเป่าเกินได้อีกต่อไป ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จางเป่าเกินอาจจะทนไม่ไหว
เมื่อถึงเวลานั้นนางคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางเป่าเกิน
จางซิ่วเอ๋อก็ยอมรับเช่นกัน การทำให้จางเป่าเกินสูญเสียการควบคุมไปจริง ๆ จะไม่ส่งผลดีต่อใคร… ถ้ามีคนสนับสนุนนาง นางจะยังคงยั่วยุจางเป่าเกินต่อไป
ติดอยู่ที่ว่าตอนนี้นางอ่อนแอมาก
แต่โดยรวมแล้วจางซิ่วเอ๋อค่อนข้างอารมณ์ดีที่สามารถเอาชนะจางเป่าเกินได้ ในเวลานี้นางจึงส่งเสียงในลำคอเป็นเพลงขณะเดินกลับไป
เมื่อมาถึงป่าผีสิง จางซิ่วเอ๋อก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวรอนางอยู่
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย “หนิงอัน ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าไม่ต้องรอข้าอยู่ที่นี่? ”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาล้ำลึก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สะดวกมารับจางซิ่วเอ๋อในละแวกบ้านตระกูลจาง เขาก็คงอยากจะไปรับจางซิ่วเอ๋อที่ตระกูลจางโดยตรง
เนี่ยหย่วนเฉียวใช้น้ำเสียงที่ไม่ยอมให้จางซิ่วเอ๋อปฏิเสธพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “ในป่านี้เงียบสงัดเกินไป หากมีคนมารังแกเจ้าที่นี่ เกรงว่าข้าคงช่วยเจ้าไม่ทัน ”
ถ้าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้มาทันเวลาในครั้งก่อน จางซิ่วเอ๋อคงถูกจางเป่าเกินรังแกแน่
เรื่องนี้ทำให้เนี่ยหย่วนเฉียวรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นขอเพียงเขาอยู่บ้าน เขาก็อยากมารับจางซิ่วเอ๋อ
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี กล่าวกันว่าไม่ควรตบหน้าคนที่กำลังยิ้ม แต่เนี่ยหย่วนเฉียวในตอนนี้ยังยิ้มได้มากกว่าคนที่กำลังยิ้มเสียอีก!
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้เนี่ยหย่วนเฉียวรออยู่ที่นี่ จางซิ่วเอ๋อคงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกว่าไม่มีอะไร
แต่วันนี้…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกไม่สบายใจ
“ซิ่วเอ๋อ” เนี่ยหย่วนเฉียวพลันตะโกนขึ้นมา
จางซิ่วเอ๋อรีบพูด “เรียกข้าว่าจางซิ่วเอ๋อ แม่นางซิ่วเอ๋อ หรือแม่นางจางเถอะ อย่าเรียกข้าอย่างสนิทสนมขนาดนี้เลย”
นางยังไม่อาจทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ได้!
สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นประกายจากนั้นใช้น้ำเสียงหยั่งเชิงถาม “เจ้า… เจ้าเคยคิดเกี่ยวกับการแต่งงานหรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อถลึงตาใส่เนี่ยหย่วนเฉียวแล้วถามอย่างระวัง “เจ้าถามเรื่องนี้ทำไม? ”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าควรจะจำสิ่งที่ข้าพูดกับเจ้าเมื่อเช้านี้ได้ใช่ไหม? ต่อให้ข้าอยากแต่งงานหรือไม่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้า!” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกประหม่าอีกครั้ง นางมีความรู้สึกว่าประโยคต่อไปของเนี่ยหย่วนเฉียวคือการขอแต่งงานกับนาง
นางปฏิเสธไปชัดเจนแล้ว ทำไมเนี่ยหย่วนเฉียวถึงใส่ใจเรื่องนี้อยู่ล่ะ!
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวที่ดูจริงจัง จนนางรู้สึกว่าตนเองหัวโตขึ้นสองเท่า!
ถ้าคนอื่นมาติดหนึบแบบนี้ นางจะรู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นไอ้โรคจิตหรือมีเจตนาแอบแฝง
แต่พอเนี่ยหย่วนเฉียวทำแบบนี้ นางคงไม่คิดแบบนั้น นางแค่รู้สึกว่าสมองของเนี่ยหย่วนเฉียวคนนี้ผิดปกติ!
เพราะสิ่งที่เขาพูด ต่อให้ไม่สมเหตุสมผลหรือต่อให้ไร้สาระแค่ไหน แต่ด้วยความคิดของนางแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ต้องยอมรับว่ามันมีเหตุผล…
ไม่ มันไม่ใช่แค่มีเหตุผล
บางครั้งเหตุผลก็ไร้ที่ติ!
เนี่ยหย่วนเฉียวพูดเบา ๆ “ข้าเป็นห่วงเจ้า”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในใจ มีความรู้สึกรู้สึกผิดอยู่รางๆ บางทีเนี่ยหย่วนเฉียวอาจจะไม่ได้หมายความแบบนั้นจริง ๆ? บางทีเนี่ยหย่วนเฉียวอาจจะเป็นห่วงนางจริง ๆ? การที่นางพูดแบบนี้มันดูถือตัวเกินไปหรือเปล่า?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็มองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยใบหน้าแดงก่ำ แล้วพูดว่า “อย่าไปสนใจเลย ข้าเป็นคนแบบนี้ บางครั้งข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ความ ถ้าพูดอะไรที่ทำให้เจ้าไม่สบาย ก็อย่าไปสนใจมันเลย”
จางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ นางรู้สึกว่าตนพูดมากเกินไปและอยากจะเดินกลับ
คาดไม่ถึงว่าเมื่อคำพูดนี้เข้าไปในโสตประสาทของเนี่ยหย่วนเฉียว มันก็กลายเป็นความหมายอื่น
เนี่ยหย่วนเฉียวคิดในใจ จางซิ่วเอ๋อคงหมายความว่าที่นางพูดสิ่งเหล่านั้นออกมาเป็นเพราะถูกกระตุ้น
เขาเข้าใจดี!
ใช่ เขาเข้าใจ!
ไม่ว่าสตรีผู้ใดที่พบว่าตนตื่นขึ้นมาบนเตียงของบุรุษแบบนี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็มักจะดูไม่สงบ บางคนก็ถึงกับเสียสติไป คำพูดที่พูดออกมานั่นไม่ได้หมายความว่าความคิดเดิม ๆ จะออกมา
บางทีนางอาจแค่โกรธมาก คำพูดที่หลุดออกมานั้นไม่อาจนับได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ การที่จางซิ่วเอ๋อปฏิเสธเขา ไม่ใช่ความคิดเดิมของนาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็รู้สึกโล่งใจ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวพลันตะลึงงัน โล่งใจ? ทำไมเขาถึงรู้สึกโล่งใจ? เขารู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ปฏิเสธเขาจริง ๆ ดังนั้นจึงรู้สึกโล่งใจใช่ไหม?
ในความคิดที่ธรรมดาที่สุดของเขา เขาควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อเตาผิง ทำไมน่ารักแบบนี้ ลูกเรือเฉียวเอ๋อไม่ต้องพายแล้วค่ะ กัปตันพายเอง
ไหหม่า(海馬)