ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 279 น่ารำคาญ
บทที่ 279 น่ารำคาญ
แม้รู้ว่าครั้งล่าสุดจะได้ลงโทษจางเป่าเกินไป แต่ก็เป็นเพราะพวกเขาโน้มน้าวและขอร้องอ้อนวอนต่อตระกูลโจว มิฉะนั้นเป่าเกินคงถูกส่งเข้าคุกไปแล้ว !
แม่เถาไม่เพียงแต่จะไม่ซาบซึ้งบุญคุณ แต่ยังมาบ่นแบบนี้อีก!
ทันทีที่ผู้ใหญ่บ้านซ่งพูดจบ แม่เถาก็ตกประหม่าขึ้นมา นางไม่ได้โง่ และเข้าใจความหมายของผู้ใหญ่บ้านซ่งดี เวลานี้จึงรีบพูดทันทีว่า “ท่านผู้ใหญ่บ้านซ่ง ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าไม่ได้จะตำหนิท่านเลยนะเจ้าคะ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าข้าโง่และมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?” ผู้ใหญ่บ้านซ่งโมโหมาก! เวลานี้แล้วแม่เถายังกล้าเล่นลิ้นอีก! สิ่งที่นางหมายถึงความฉลาดเฉลียวเช่นนี้หมายความว่านางกำลังคิดมากเกินไป นางไม่รู้ตัวบ้างหรือ?
แม่เถาจะเข้าใจได้อย่างไร ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ยิ่งนางอธิบายมากเท่าใดก็ยิ่งน่ารำคาญมากขึ้นเท่านั้น
“ท่านผู้ใหญ่บ้านซ่ง…ข้า…” แม่เถาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ผู้ใหญ่บ้านซ่งไม่ต้องการได้ยินแม่เถาพูดอะไรในตอนนี้ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้ากำลังจะสื่อ แต่ต่อให้เจ้าจะไม่ยอมเชื่อฟังข้า เจ้าก็ยังต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้!”
ผู้ใหญ่บ้านซ่งพูดอย่างเย็นชา แล้วพูดต่อ “ตระกูลเถา ข้าเข้าใจว่าทำไมพวกเจ้าถึงมาสร้างปัญหาถึงที่นี่ ข้าคิดว่าจริง ๆ แล้วเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะสร้างปัญหา ครั้งก่อนข้าก็จัดการไปแล้ว หากไม่เห็นด้วยก็มาหาข้าสิ! การรังแกแม่โจวที่กำลังตั้งครรภ์กับเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างจางซานหยามันคืออะไรกัน?”
แม่เฒ่าซ่งเสริมอีกประโยคหลังจากได้ยิน “ใช่แล้ว การกระทำแบบนี้มันเป็นการดูถูกท่านชัด ๆ!”
แม่เฒ่าเถาตะโกนทันที “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า! ไม่ต้องเข้ายุ่ง!”
ผู้ใหญ่บ้านซ่งแค่นเสียง “ทำไม? เจ้ายังคิดต่อปากต่อคำกับข้าอยู่หรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ! ที่ที่เจ้ายืนอยู่ตอนนี้คือหมู่บ้านชิงสือ! ทุกอย่างที่นี่อยู่ภายใต้การตัดสินใจของข้า!”
“ใช่! หญิงชราอย่างเจ้ายังจะเอาอะไรอีก? คนจากหมู่บ้านชิงสือจะรังแกเจ้าหรืออย่างไร?”
“ผู้ใหญ่บ้านซ่ง ท่านพูดมาได้เลยว่าต้องการอะไร! ถ้าหญิงชราคนนี้กล้าตะโกนอีก ก็ให้ฟาดจนฟันนางหลุดออกมาแล้วหาไม่เจอไปเลย!”
ผู้ใหญ่บ้านซ่งมองดูผู้คนที่เป็นลูกคู่ให้เขาด้วยความพึงพอใจ นึกในใจว่าหากมีการแบ่งที่ดินใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีถัดไป เขาจะยกให้กับครอบครัวเหล่านี้มากขึ้น
ใบหน้าของแม่เฒ่าเถาเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ นางเท้าสะเอวและตะโกนต่อไปว่า “ทำไม พวกเจ้ายังต้องการรังแกคนอื่นอยู่อีกหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเมื่อได้ยิน “รังแกคนอื่น? พวกเจ้าทำร้ายแม่ของข้า! นี่เรียกสิว่ารังแก!”
จ้าวเอ้อร์หลางไปและกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็เชิญท่านหมอเมิ่งมา
เมื่อเขาลงมาจากเกวียน จ้าวเอ้อร์หลางก็จำได้ว่าเขาควรจ่ายค่ารถแก่ผู้เฒ่าหลี่ เขารีบพูดขอโทษ แล้วไปเอาถุงเงิน
จริง ๆ แล้วผู้เฒ่าหลี่นั้นไม่ได้รีบร้อนเลย ในความคิดของเขา แม้ว่าจ้าวเอ้อร์หลางจะไม่ให้ตัวเองในเวลานี้ จางซิ่วเอ๋อก็จะนำมาให้ในภายหลังอยู่ดี จางซิ่วเอ๋อไม่ใช่คนประเภทนั้น นางไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีหรอก!
จ้าวเอ้อร์หลางเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเงินและสัมผัสมุมเงินสองสามมุม เขาตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็คลำเหรียญทองแดงจากด้านในออกมาเพื่อชำระค่ารถ
จากนั้นเขาก็ซุกถุงเงินไว้ในอ้อมแขนของเขาโดยตรงและปกป้องมันไว้อย่างแน่นหนา
พี่ซิ่วเอ๋อมีตำลึงเงินอยู่ในถุงเงินใบนี้จริง ๆ! พี่ซิ่วเอ๋อเชื่อในตัวเขามากและมอบมันให้กับเขาได้อย่างไร? ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาจะต้องไม่ให้ใครรู้ และจะส่งคืนให้พี่ซิ่วเอ๋ออย่างลับ ๆ!
ด้านหนึ่งของหัวใจจ้าวเอ้อร์หลางสัมผัสได้ถึงความไว้วางใจของจางซิ่วเอ๋อในตัวเขา และในทางกลับกัน เขากำลังคิดถึงจางซิ่วเอ๋อ
“อย่าส่งเสียงดัง ท่านหมอเมิ่งมาแล้ว ให้ท่านหมอเมิ่งดูว่าแม่โจวและจางซานหยาเป็นอย่างไรบ้าง!” คนในฝูงชนตะโกนขึ้น
ผู้ใหญ่บ้านซ่งพยักหน้า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิต ดังนั้นให้ท่านหมอเมิ่งรีบเข้ามา”
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่านหมอเมิ่งกำลังมา นางก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ ท่านหมอเมิ่งก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาหันไปทักทายผู้ใหญ่บ้านซ่งด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่จางซิ่วเอ๋ออีกครั้ง เมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำและบวมของนาง เขาก็รู้สึกเสียใจอย่างเห็นได้ชัด ในใจของเขานั้นราวกับถูกบีบแน่น
เขามองจางซิ่วเอ๋ออย่างกังวล จางซิ่วเอ๋อจึงพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เห็นว่านางสบายดี
เมื่อเห็นแบบนั้นท่านหมอเมิ่งก็โล่งใจเล็กน้อย เขาไม่ได้เห็นว่ามีใครรังแกจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ
หากไม่ใช่เพราะสถานะของพวกเขาที่ไม่อาจแสดงความห่วงใยจางซิ่วเอ๋อได้อย่างชัดเจน เขาก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับจางซิ่วเอ๋อ เขาต้องการถามจางซิ่วเอ๋อโดยตรงจริง ๆ
“ท่านหมอเมิ่ง รีบตรวจดูให้ทีว่าแม่ข้าเป็นอะไร ท่านแม่สลบและไม่ได้สติอีกเลย! สถานการณ์ตอนนี้แย่มากเลยเจ้าค่ะ!” จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างกังวล
เมื่อนางพูดเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ขยิบตาเล็กน้อย
ท่านหมอเมิ่งและจางซิ่วเอ๋อไม่ได้รู้จักกันมาแค่หนึ่งหรือสองวัน และเขายังช่วยจางซิ่วเอ๋อมาหลายครั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อกำลังทำอยู่ตอนนี้ เขาจะไม่รู้เชียวหรือว่ามันหมายถึงอะไร?
ท่านหมอเมิ่งเป็นหนึ่งในหมื่นคนที่ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และไม่น่าเป็นไปได้ที่ท่านหมอเมิ่งจะหลอกลวงผู้ป่วย
แต่ตอนนี้ท่านหมอเมิ่งเต็มใจที่จะทำสิ่งนี้เพื่อจางซิ่วเอ๋อ
เมื่อเขามา เขาก็คิดว่าจางซิ่วเอ๋อกำลังทำเช่นนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง จางซิ่วเอ๋อดูเหมือนจะถูกควบคุมอยู่ แต่ถ้าเขารู้มากกว่านี้ เขาจะรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ใช่คนแบบนี้ตั้งแต่แรก
จางซิ่วเอ๋อเป็นผู้หญิงที่รู้วิธีก้าวหน้าและถอยหนี
นางเป็นแบบนี้เสมอ เพราะนางเป็นแม่ม่ายตัวน้อย มันไม่ง่ายเลยที่จะพาน้องสาวไปใช้ชีวิตกับนาง
ถ้าจางซิ่วเอ๋อไม่แข็งกร้าวกว่านี้ นางคงโดนรังแกไปนานแล้ว จะสามารถอยู่รอดจนถึงวันนี้ได้เหรอ?
เอาเถอะ… เพราะเขารู้สึกเสียใจแทนจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ เขารู้สึกว่าชีวิตของจางซิ่วเอ๋อนั้นยากลำบากเกินไป แต่ในวันที่ยากลำบากเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อไม่เคยบ่นกับคนอื่น แต่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน นางไม่เคยเศร้าเพราะสถานะแม่ม่ายน้อยเลย
มีบางอย่างเกี่ยวกับจางซิ่วเอ๋อที่ทำให้ท่านหมอเมิ่งรู้สึกชื่นชม
สิ่งนี้ทำให้ท่านหมอเมิ่งไม่สามารถอยู่เฉยได้ และต้องการช่วยจางซิ่วเอ๋อ
ท่านหมอเมิ่งพยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามตรวจแม่ของเจ้าให้ดีที่สุด”
ต่อให้ไม่อาจบอกได้ว่าสองคนนี้พูดอะไร แต่พวกเขาก็รู้ใจกัน สื่อสารเข้าใจกันได้
“และซานหยา…สถานการณ์ของซานหยาก็…น่าเป็นห่วงมาก” เมื่อจางซิ่วเอ๋อพูดคำว่า ‘น่าเป็นห่วง’ นางเน้นย้ำน้ำเสียงของนาง และมีความรู้สึกวิตกกังวลที่คนธรรมดาทั่วไปจะตรวจจับได้ยาก
ท่านหมอเมิ่งรู้สึกได้
เขาเข้าไปในห้องและตรวจชีพจรของจางซานหยาก่อน
ผ่านไปนาน ใบหน้าของท่านหมอเมิ่งก็สลดลง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงตรวจสอบชีพจรของแม่โจวต่อไป
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอานางแม่เถากับตระกูลเถาไปเก็บทีเถอะค่ะ เริ่มรำคาญเหมือนชื่อตอนแล้วเหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)