ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 289 กลับบ้าน
บทที่ 289 กลับบ้าน
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเรียบๆ “ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ”
บัณฑิตจ้าวหันมองท่านหมอเมิ่งก่อนจะบอก “ท่านหมอเมิ่ง นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านกลับไปตอนนี้คงไม่สะดวกเท่าใด ไปพักผ่อนบ้านข้าสักคืนหนึ่งเถอะ”
บัณฑิตจ้าวเห็นว่าจ้าวเอ้อร์หลางโดนเรียกตัวออกมาพักใหญ่แล้วยังไม่มีทีท่าจะกลับ จึงออกมาดู
พอเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จึงยืนดูอยู่ตรงนั้น
เขาอยากออกตัวช่วยจางซิ่วเอ๋อมาก แต่อย่างแรกเขาเป็นคนมีการศึกษา ไม่อาจลดตัวไปสบถก่นด่ากับแม่เฒ่าพวกนี้ได้
สองคือเขารู้ฐานะตัวเองดี เขายังไม่ทันออกตัวช่วยจางซิ่วเอ๋อก็มีคำนินทาที่ไม่ดีกับจางซิ่วเอ๋อมากมายแล้ว ขืนเขาออกตัวให้แม้จะด้วยความหวังดี แต่ก็เท่ากับทำร้ายจางซิ่วเอ๋อ
เขาเป็นผู้ชาย ไม่คิดจะหาภรรยาใหม่ ชื่อเสียงไม่ดีก็ไม่เป็นไร
แต่จางซิ่วเอ๋อยังอยู่ในวัยบานสะพรั่ง หากชื่อเสียงไม่ดีวันหน้าจะหาสามีดีๆ ได้อย่างไร?
บัณฑิตจ้าวคิดว่าตัวเองไตร่ตรองเหตุผลได้ดีแล้ว จึงไม่ได้ซี้ซั้วออกตัวให้
ท่านหมอเมิ่งพยักหน้า เขากับบัณฑิตจ้าวถือว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันแล้ว เวลานี้เขาจึงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ก็ดี เช่นนั้นข้าไปค้างบ้านท่านหนึ่งคืน”
เมื่อเข้ามาถึงในป่า จางซิ่วเอ๋อก็เรียกด้วยความลังเล “หนิงอัน?”
ปกติหนิงอันมักจะมารอนางอยู่ที่นี่ พอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จางซิ่วเอ๋อก็ชักจะคุ้นชิน
แต่สิ่งที่ตอบกลับจางซิ่วเอ๋อมีเพียงเสียงลมพัดใบไม้แห้ง
จางซิ่วเอ๋อแน่ใจแล้วว่าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้มา นางถอนหายใจเบาๆ
และในตอนนั้นเอง เสียงของจางชุนเถาได้ดังขึ้นมา “พี่?”
จางซิ่วเอ๋อถึงนึกขึ้นได้ว่าจางชุนเถาอยู่ที่บ้านมาตลอด นางจึงรีบตอบ “ข้าเอง”
เสียงของจางชุนเถาเจือแววสะอื้น “พี่ พี่ไปไหนมา?”
จางชุนเถาเก็บกวาดบ้านตามปกติ เนื่องจากเหนื่อยนิดหน่อย นางจึงนอนพักผ่อนสักครู่หนึ่ง กลายเป็นว่านอนพักจนหลับไปยาวๆ
หารู้ไม่กว่านางจะตื่น ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ที่บ้านเงียบเชียบไม่มีใครอยู่สักคน จางชุนเถาแตกตื่นขึ้นมาทันที จึงวิ่งโซซัดโซเซออกมาตามหาจางซิ่วเอ๋อ
“ชุนเถา ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่เป็นอะไร แค่ย่าเรามีเรื่องกับคนตระกูลเถา ข้าจึงไปยืนดูมา” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าจางชุนเถาเป็นห่วงมาก จึงรีบเอ่ยปลอบ
จางชุนเถาฟังแล้วจึงสบายใจขึ้น
มิฉะนั้นนางก็เป็นห่วงจริงๆ ที่กลางคืนแบบนี้พี่สาวอยู่ข้างนอกคนเดียวโดยยังไม่กลับถึงบ้าน
พอจางชุนเถาเริ่มตั้งสติได้ก็เอ่ยถามขึ้น “ตระกูลเถา? คนในครอบครัวป้าสามมาเหรอ?”
“ใช่แล้ว” หลังจากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋อตั้งใจเล่าสถานการณ์ของแม่โจวและจางซานหยาให้เบาลง ไม่อย่างนั้นจางชุนเถาต้องร้อนใจมากอย่างแน่นอน
พอจางชุนเถาฟังจบ นางก็หัวเราะเย็นๆ “คนตระกูลเถาช่างหน้าไม่อายจริงๆ ยังมีหน้ามาออกหน้าให้จางเป่าเกินอีก!”
จางซิ่วเอ๋อพูดยิ้มๆ “เจ้าไม่ต้องโมโหไปหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว ย่าเรากับคนตระกูลเถาเสียหายทั้งคู่”
สองพี่น้องมาถึงบ้านและจุดเทียน
ในตอนนี้จางชุนเถาก็ร้องอย่างตกใจทันที “พี่! หน้าพี่ไปโดนอะไรมา?”
บนใบหน้าจางซิ่วเอ๋อมีรอยข่วนสองขีด ได้มาเพราะปกป้องแม่โจวไม่ให้ถูกแม่เฒ่าเถาและแม่เถาทำร้าย
จางซิ่วเอ๋อรีบบอก “ไม่เป็นไรหรอก”
จางชุนเถากลับพูดอย่างเป็นกังวล “พี่! จะไม่เป็นไรได้อย่างไรกัน? หน้าพี่เป็นแผลนะ! ขืนทิ้งไว้จนเป็นแผลเป็นอีกหน่อย….”
ทีแรกจางชุนเถาจะบอกจางซิ่วเอ๋อว่าขืนทิ้งไว้จนเป็นแผลเป็นอีกหน่อยจางซิ่วเอ๋อจะแต่งงานอย่างไร แต่ขณะที่กำลังจะโพล่งนางก็นึกขึ้นได้ว่าพี่สาวตัวเองเคยแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ถ้าตอนนี้พูดแบบนี้อีกจางซิ่วเอ๋ออาจจะเสียใจก็ได้
ไม่ต้องรอจางชุนเถาพูดให้ชัดเจน จางซิ่วเอ๋อก็เข้าใจความหมายของนาง
จางซิ่วเอ๋อยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากจางชุนเถา “เจ้านี่นะ อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าวางใจเถอะ พี่สาวเจ้าดีและเก่งขนาดนี้ วันหน้าจะแต่งไม่ออกได้อย่างไรกัน?”
“ถ้าแต่งไม่ออกจริงๆ ข้าก็จะหาเงินมาเยอะๆ แล้วซื้อผู้ชายเอา!” จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างใจป้ำ
จางชุนเถาได้ยินดังนั้นก็เงียบไป พี่สาวของนางช่างคิดอะไรแหกคอกมาตลอดเลย!
แต่สุดท้ายจางชุนเถาก็ยังยืนยันว่า “อย่างไรก็ต้องทายา”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า ใครๆ ก็อยากสวย ตัวนางเองก็ไม่อยากมีรอยแผลเป็นติดตัว ที่เมื่อครู่นี้พูดไปแบบนั้นก็เพราะรู้สึกว่าจางชุนเถากังวลเกินเหตุ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
จากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็เอ่ยถาม “พวกหนิงอันล่ะ?”
“ข้าไม่รู้ เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ตอนตื่นมาพวกพี่ก็ไม่อยู่แล้ว” จางชุนเถานึกถึงความรู้สึกที่ตื่นมาเจอบ้านที่ไม่มีใครอยู่แล้วยังผวาอยู่เลย
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้ว หนิงอันไปโดยไม่บอกอะไรอีกแล้วเหรอ
แต่พริบตาเดียวจางซิ่วเอ๋อก็เลิกคิดมากได้ หนิงอันและเถี่ยเสวียนไม่ได้เป็นอะไรกับนาง ไม่จำเป็นต้องรายงานนางว่าไปไหนทำอะไร
จางชุนเถาถามอย่างมีเลศนัย “พี่ ทำไมอยู่ๆ พี่ถามถึงพี่หนิงอันล่ะ? ก่อนหน้านี้พี่ไม่สนใจพี่หนิงอันเลยไม่ใช่หรือ?”
จางซิ่วเอ๋อถลึงตาใส่จางชุนเถา “เจ้าอย่าคิดอะไรมั่วซั่วนะ ข้าแค่ถามไปอย่างนั้น”
“เจ้าเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ อีกเดี๋ยวพวกท่านหมอเมิ่งอาจจะมา ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน” จางซิ่วเอ๋อบอก
นางต้องขอบคุณท่านหมอเมิ่งต่อหน้าเสียหน่อย
แต่จะให้นางพาท่านหมอเมิ่งมาที่บ้านผีสิงเลยคงจะไม่เหมาะ
ตอนนี้ได้บัณฑิตจ้าวช่วยพอดี อีกเดี๋ยวบัณฑิตจ้าวและท่านหมอเมิ่งก็น่าจะมากันแล้ว
นางจะไปบ้านตระกูลจ้าวก็ได้ แต่ถึงอย่างไรบ้านตระกูลจ้าวก็ยังอยู่ในหมู่บ้าน ถ้าในบ้านมีสุ้มเสียงอะไรคนข้างนอกก็รู้ได้ง่ายๆ บ้านผีสิงนี่แหละสงบกว่า
และเป็นอย่างที่จางซิ่วเอ๋อคิด ไม่นานนักท่านหมอเมิ่งและบัณฑิตจ้าวก็มา
พวกเขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สำคัญเหมือนจางซิ่วเอ๋อจะบาดเจ็บด้วย อย่างไรเสียท่านหมอเมิ่งก็ต้องมาดูหน่อย
จางซิ่วเอ๋อตั้งตะเกียงน้ำมันไว้บนโต๊ะในลานบ้าน ประกอบกับแสงจันทร์ด้วยแล้ว ลานบ้านจึงดูสว่างไสว
หลังจากจางซิ่วเอ๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนางก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของนางก็โดนกระชากจนขาด
ชุดสีเขียวอ่อนพอมาอยู่บนตัวจางซิ่วเอ๋อแล้วส่งผลให้นางดูสดใสเป็นพิเศษ
จางซิ่วเอ๋อทักทายให้พวกท่านหมอเมิ่งนั่ง “รีบนั่งกันเถอะ”
จ้าวเอ้อร์หลางก็มาด้วย ขณะนั้นเขาก็รีบยื่นถุงเงินให้จางซิ่วเอ๋อ “พี่ซิ่วเอ๋อ พี่รีบเก็บเงินไว้”
จางซิ่วเอ๋อรับมาด้วยรอยยิ้ม นางเชื่อใจจ้าวเอ้อร์หลางมาก ไม่กลัวเลยสักนิดว่าจ้าวเอ้อร์หลางจะแอบหยิบเงินไป
จ้าวเอ้อร์หลางเห็นจางซิ่วเอ๋อรับไปโดยไม่ว่าอะไรเลย ก็ยิ่งซาบซึ้งใจเข้าไปใหญ่
บัณฑิตจ้าวถึงได้ถามขึ้น “เรื่องวันนี้เป็นอย่างไรกันแน่ซิ่วเอ่อ ตอนนี้แม่เจ้ากับซานหยาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”