ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 29 ทำเครื่องเทศ
บทที่ 29 ทำเครื่องเทศ
จางชุนเถารู้สึกฉงนไปกับสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อทำ แต่นางอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ออกจากบ้านก็ไม่ได้ ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อสั่งอะไรมานางก็จะตั้งใจทำให้ดี
ตอนจางซิ่วเอ๋อออกจากบ้านนั้นเพิ่งจะเป็นเวลาฟ้าสาง นางตั้งใจจะรีบไปรีบกลับ
พอเดินทางมาถึงในตัวเมือง จางซิ่วเอ๋อก็ตรงดิ่งไปที่โรงยาหุยชุน
เจ้าของร้านโรงยาหุยชุนเห็นจางซิ่วเอ๋อแล้วก็แสดงท่าทางเป็นมิตรอย่างยิ่ง “แม่นางน้อย ครั้งนี้เจ้ามีของดีมาขายอีกรึเปล่า?”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มบาง ๆ “ครั้งนี้ข้ามาซื้อของ”
เจ้าของร้านผิดหวังนิดหน่อย ตัวยาอย่างเห็ดหลินจือเป็นสิ่งที่ขาดแคลน ไม่ว่าจะต้นเล็กต้นใหญ่ ขอแค่มาอยู่ในมือเขาก็หากำไรได้ทั้งสิ้น
ถึงเขาจะผิดหวัง แต่ก็ยังเอ่ยยิ้ม ๆ “เจ้าอยากซื้ออะไรล่ะ ถือว่าเป็นลูกค้าเก่าแล้ว ข้าจะให้ราคาที่สมเหตุสมผล”
จางซิ่วเอ๋อบอกรายการที่ตัวเองต้องการตามลำดับ “โป๊ยกั๊ก ขิงแห้ง จันทน์เทศหอม บักเฮียง แป๊ะลี้ เปลือกส้ม…..”
เจ้าของร้านมองจางซิ่วเอ๋ออย่างไม่เข้าใจ “เจ้าไม่มีตำรับยามาหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ซื้อไปทำยาอยู่แล้ว จะมีตำรับยาได้อย่างไร นางจึงเอ่ยขึ้น “ของพวกนี้ ท่านจ่ายให้ข้าอย่างละนิดหน่อย……”
พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็ชะงักไป “แต่ข้าติดเงินมาไม่มากนัก ท่านบอกข้าก่อนได้หรือไม่ว่าต้องใช้กี่ตำลึง?”
เครื่องยาเหล่านี้เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย โรงยาหุยชุนนี่ก็มีขาย แต่การซื้อตัวยาปะปนผสมกันมั่วโดยไม่อิงตำรับยาแบบนี้เจ้าของร้านก็เพิ่งเคยเจอ
“ของพวกนี้ไม่แพงหรอก แต่เจ้าซื้อยาแบบนี้ไปจะไม่เป็นปัญหาแน่หรือ?” เจ้าของร้านเตือนด้วยความหวังดี
หรือว่าคนที่บ้านแม่นางน้อยผู้นี้จะป่วยแล้วไม่มีเงินหาหมอ จึงมาซื้อยาซี้ซั้วแบบนี้เอง แต่ก็ไม่น่าจะถูก แค่เงินซื้อตัวยานี่ก็เพียงพอจะหาหมอมาเขียนตำรับยาดี ๆ ให้แล้ว
ในขณะที่เจ้าของร้านยังคิดไม่ตก จางซิ่วเอ๋อก็เอ่ยถามขึ้น “ทำไมหรือ? ตัวยาพวกนี้ใช้ด้วยกันแล้วทำให้ถึงแก่ชีวิตได้งั้นหรือ?”
เจ้าของร้านชะงักไปครู่หนึ่ง นี่ก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน ตัวยาพวกนี้มีฤทธิ์อ่อน เมื่อใช้ใส่อาหารก็ไม่ทำให้คนกินเจ็บป่วยหรอก
“ในนี้มีของที่ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์” เจ้าของร้านเตือนด้วยความหวังดี เขาจำได้ว่าจางซิ่วเอ๋อเคยซื้อยาบำรุงครรภ์
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็พยักหน้า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณา นางไม่ได้จะซื้อของพวกนี้ไปต้มทำยา และไม่เคยได้ยินว่าหญิงมีครรภ์กินเครื่องเทศไม่ได้
ในเมื่อเป็นเครื่องเทศ ก็ต้องใช้ในอัตราที่น้อยอยู่แล้ว
อีกอย่าง ของแบบนี้ใส่มากไปก็ไม่มีใครกิน
“เจ้าของร้าน ท่านเอายาให้ข้าเถอะ ถ้าไม่สะดวกข้าไปร้านอื่นก็ได้” จางซิ่วเอ๋อพูดต่อ
เจ้าของร้านก็แค่เตือนเพราะหวังดี ไม่มีทางไม่ทำการซื้อขายจริง ๆ หรอก ขอแค่ไม่ได้มาขอซื้อยาพิษร้ายแรงอย่างพวกสารหนู เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก
ที่ถามอย่างเป็นห่วงนั้นก็เพราะถือว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นคนรู้จักกัน
อีกอย่าง ต่อให้สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินหรือจันทน์แปดกลีบ แต่ห่อเล็กเพียงนี้ ต่อให้กินจนหมดก็ไม่มีปัญหา นอกจากนี้ต่อให้จางซิ่วเอ๋อซื้อของพวกนี้เพราะจะนำไปวางยาคนอื่น แต่แค่โป๊ยกั๊กก็สืบสาวมาถึงเขาไม่ได้หรอก
อย่างไรเสียทางการมีการบังคับให้จำกัดการซื้อขายแค่ตัวยาอย่างสารหนู ดอกคำฝอย ไม่ได้พูดถึงยาธรรมดาพวกนี้
ส่วนพวกขิงแห้ง นอกจากรสจัดไปหน่อย ก็ไม่มีอะไรที่เป็นส่วนทำร้ายร่างกาย
ไม่นานนักจางซิ่วเอ๋อก็ได้สิ่งที่ต้องการ ครั้งนี้ใช้ไป 80 เหรียญ
จางซิ่วเอ๋อร้อยห่อกระดาษเข้าด้วยกัน แล้วถือหิ้วเดินออกจากร้านยา
นางซื้อลูกกลิ้งหินอันนึงมาบดกระเทียม ของนี่แพงไม่น้อย ใช้เงินไป 30 เหรียญ หลังจากนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ไม่กล้าเดินเตร็ดเตร่ภายในตัวเมืองอีก
เพราะยิ่งเดิน ก็ยิ่งรู้สึกว่าที่บ้านขาดของอีกหลายอย่าง
แต่จางซิ่วเอ๋อก็กัดฟันซื้อตะกร้าไผ่สานมา ของนี่เป็นสิ่งจำเป็น จะเอาแต่ใช้ของจากตระกูลจางไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าจางจะจับได้ตอนไหน เมื่อถึงเวลานั้นคงได้เกิดเรื่องอีก
ยังดีที่ของนี้ไม่แพง มันไม่มีต้นทุนอะไร แค่ให้ค่าฝีมือเพียง 5 เหรียญก็พอ
ก่อนกลับจากในตัวเมือง นางชั่งใจอยู่นานมาก สุดท้ายก็ซื้อซาลาเปามา 3 ลูก นางในตอนนี้ไม่กล้าซื้อซาลาเปาแบบมือเติบแล้ว
ซาลาเปา 3 ลูกนี้ซื้อไปให้แม่โจวกับซานหยา
ซานหยาอายุน้อยมาก กำลังอยู่ในวัยตะกละ และจางซิ่วเอ๋อก็ชอบซานหยาจริง ๆ จึงตามใจนาง ส่วนแม่โจวนั้นนางรู้สึกผิดต่อนางหลังจากเข้ามาสิงอยู่ในร่างนี้
นี่จึงถือว่าเป็นการแสดงกตัญญูแทนเจ้าของร่าง
และแม่โจวก็ไม่ใช่แม่ที่ไม่ดี แต่เป็นแม่ที่ประเสริฐยิ่ง ยิ่งตอนนี้นางตั้งครรภ์อยู่ด้วย อยู่ตระกูลจางกินไม่อิ่มหรอก นางจึงยอมเอาเงินส่วนนึงซื้อของมาช่วยบำรุ่งร่างกายให้แม่โจว
ไม่อย่างนั้นด้วยสภาพร่างกายของแม่โจวในตอนนี้ ไม่ว่าจะคลอดลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิง ก็อาจจะไม่รอด
ในยุคโบราณ การคลอดบุตรเป็นเรื่องถึงแก่ชีวิตได้ หากร่างกายอ่อนแอก็เป็นไปได้สูงว่าจะไม่รอด
จางซิ่วเอ๋อจึงไม่อยากให้แม่โจวสิ้นชีพเพราะคลอดบุตร
ถึงจะเหลือเงินไม่มาก แต่นางก็มีมือมีเท้า ค่อย ๆ หาใหม่ได้ แต่ชีวิตคนเรามีเพียงครั้งเดียว
ไม่อย่างนั้นในอนาคตนางได้เสียใจหนักแน่
พอซื้อของเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ได้ซื้ออะไรอีก
เนื่องจากออกมาเร็ว จึงมีของที่ซื้อมาไม่มาก สถานที่ที่แวะไปก็น้อย ตอนมาถึงหมู่บ้านจึงเพิ่งจะเลยเวลาเที่ยงมาไม่นาน
ใต้ต้นหวายฉู่ใหญ่ในหมู่บ้านเวลานี้ก็มีคนมารวมตัวกัน
ขณะจางซิ่วเอ๋อเดินผ่าน คนเหล่านั้นล้วนทอดสายตามาที่นาง
พวกเขามองก็เพราะเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อแต่งงานแล้วมีดวงกินสามีจนกลายเป็นแม่ม่าย หลังจากนั้นก็ออกจากตระกูลจาง สร้างความวุ่นวายในหมู่บ้านไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะเข้าใจผิด นางคงได้กลายเป็นเรื่องซุบซิบหลังอาหารของคนในหมู่บ้านไปนานแล้ว
ขณะที่คนพวกนี้มองจางซิ่วเอ๋อ สายตาของพวกเขาดูแปลกไปเล็กน้อย
หนึ่งคือข่าวลือเกี่ยวกับจางซิ่วเอ๋อ สองคือเมื่อครู่พวกนางเพิ่งจะพูดเรื่องจางซิ่วเอ๋อกัน จางซิ่วเอ๋อก็มาเลย ถึงพวกนางไม่คิดว่าจางซิ่วเอ๋อจะได้ยินอะไร และไม่กลัวจางซิ่วเอ๋อด้วย แต่จะมากจะน้อยก็มีความไม่กล้าสู้หน้าบ้าง
จางซิ่วเอ๋อยิ้มอ่อนให้ทุกคน และก้มหน้าเดินผ่านไป
สายตาที่คนเหล่านี้มองจางซิ่วเอ๋อก็เปลี่ยนจากแปลกพิกลเป็นเหลือเชื่อ
พวกนางเหมือนคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จางซิ่วเอ๋อจะอยู่อย่างปกติสุข แถมดูสดใสขึ้น ดูจากรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้านั้นก็รู้ว่านางกำลังอารมณ์ดีไม่น้อย
นี่ไม่เหมือนกับที่พวกนางคิดเลย
พวกนางนึกว่าจางซิ่วเอ๋อเจอความผันเปลี่ยนขนาดนี้คงไม่แคล้วจะฆ่าตัวตาย เวลานี้ต่อให้ไม่อยากตาย ก็คงอยู่ในสภาพบ้า ๆ บอ ๆ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา
…………………………………………