ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 293 ซื้อใจ
บทที่ 293 ซื้อใจ
จางซิ่วเอ๋อคิดได้ดังนั้นก็สบายใจขึ้น และมีแผนใหม่
จางซิ่วเอ๋อชำเลืองแม่เฒ่าจาง “ 100 ตำลึงเงินหรือ ท่านย่าเลิกคิดไปได้เลย!”
“เจ้าเอ็นดูแม่นี่ที่สุดไม่ใช่หรือ? แค่ 100 ตำลึงเงินยังจะเสียดายอีก?” แม่เฒ่าจางโวยวาย
จางซิ่วเอ๋อเดือดดาล “ข้ามี 100 ตำลึงเงินที่ไหน!”
แม่เฒ่าจางแค่นเสียงเย็น “ถ้าอยากได้ตำลึงเงินนี้แค่อ้าขาก็ได้แล้วไม่ใช่รึ?”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ หมายความว่าอย่างไรแค่อ้าขาก็ได้แล้ว? มีอย่างที่ไหนคนเป็นย่าว่าหลานสาวตัวเองเช่นนี้?
จางซิ่วเอ๋อย้อนกลับไปทันที “ถ้าท่านย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วหาเงินได้ ท่านก็ทำเองสิ! อยากได้เงินขนาดนั้นท่านก็ไปอ้าขาท่านเพื่อหาเงินสิ!”
“เจ้าเด็กเวร! ข้าเป็นย่าเจ้านะ!” แม่เฒ่าจางคิดไม่ถึงว่าจางซิ่วเอ๋อจะด่าคืนด้วยคำพูดแสลงหูขนาดนี้
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเย็น ๆ และเอ่ยขึ้น “ข้าไม่มีย่าที่เก่งกล้าสามารถแบบนี้หรอก!”
“เจ้าเด็กเวร! ข้าจะตีเจ้าให้เละเลย!” แม่เฒ่าจางพูดพลางจะเข้ามาตีจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อยืนนิ่งมองแม่เฒ่าจางพร้อมกล่าว “ท่านย่าไม่กลัวข้าจะไถเงินย่ารึ?”
แม่เฒ่าจางได้ยินแล้วชะงักไปนิดหน่อย นังจางซิ่วเอ๋อช่างหลักแหลมนัก ถ้าตนไปแตะจางซิ่วเอ๋อเพียงนิดหน่อยแล้วจางซิ่วเอ๋อโยนว่าเป็นความผิดนางแล้วจะทำอย่างไร?
“เอาเถอะ เจ้าเอากับข้าวนั่นมาให้ข้าซะ! แล้วข้าจะไม่ถือสาเจ้า!” แม่เฒ่าจางจ้องตะกร้าสานในอ้อมอกของจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตาลง “ข้าเตรียมมาสำหรับแม่ข้าและซานหยาเท่านั้น ถ้าย่าจะกินก็ไปทำเอง! ถ้าท่านจะแย่งไปให้ได้ ข้าก็ไม่กลัวที่จะโวยวายออกไปในตอนนี้หรอกนะ ว่านอกจากย่าจะไม่ยอมรักษาแม่ข้า แล้วยังจะแย่งของที่ข้าเตรียมมาให้แม่ข้าอีก!”
แม่เฒ่าจางโดนเล่นงานจนหน้าแตกยับ
ในเรื่องของแม่โจวนางรู้สึกหวั่น ๆ อยู่บ้าง อย่างไรเสียนางก็หักเงินที่ใช้รักษาแม่โจวไว้กับตัวเอง
ถ้าก่อนหน้านี้บอกว่าไม่มี คนอื่นก็ไม่รู้หรอกว่านางมีหรือไม่มี แค่ปากแข็งต่อไปก็พอ แต่ครั้งนี้ทุกคนเห็นกันหมดว่านางรับเงินมาแล้ว ถ้าแม่โจวเป็นอะไรไปจริง ๆ นางคงเสียหน้าแน่
แม่เฒ่าจางก่นด่าไปเรื่อยและหันหลังเดินออกไป ตั้งใจว่าถ้าไม่เห็นก็คงไม่หงุดหงิด
จางซิ่วเอ๋อยกกับข้าวเข้าไปในห้อง
บัดนี้ซานหยากำลังรอจางซิ่วเอ๋ออยู่ในห้อง เมื่อกี้นางได้ยินบทสนทนาระหว่างจางซิ่วเอ๋อและแม่เฒ่าจาง
แต่นางไม่โทษจางซิ่วเอ๋อที่ไม่ยอมออกเงินซื้อนางไปหรอก นางรู้ดีว่าถ้าจางซิ่วเอ๋อมีความสามารถขนาดนั้นจริง ๆ ย่อมไม่มีทางปล่อยให้นางลำบากอยู่แล้ว
อีกอย่าง ตัวนางในตอนนี้ก็ไม่ถือว่าลำบาก
แต่ละวันแค่กลับมาทำงานนิดหน่อยที่บ้านตระกูลจาง ตอนออกไปข้างนอกก็ไม่เหนื่อย
“พี่! ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ข้าจะหิวตายอยู่แล้ว” จางซานหยามองจางซิ่วเอ๋อด้วยความร้อนใจนิดหน่อย
เช้านี้ยังไม่มีใครได้กินข้าวเลย
จางซิ่วเอ๋อยิ้มเขิน “เมื่อวานเหนื่อยไปหน่อย วันนี้เลยตื่นสายน่ะ”
จางซิ่วเอ๋อพูดพลางหยิบของในตะกร้าสานออกมา
อย่างแรกคือกะละมังไม้เล็ก ๆ ใช่แล้ว ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้บรรจุอาหารใส่จาน แต่ใส่มาเต็มกะละมัง
หลังจากนั้นก็ใส่หมั่นโถวลงไปอีกเล็กน้อย มีตะกร้าเดียวไม่สะดวกใส่ข้าวมา จางซิ่วเอ๋อจึงหยิบหมั่นโถวแป้งขาวที่นึ่งไว้ก่อนหน้านี้มานิดหน่อย พร้อมกับไข่ไก่สามฟอง ตะเกียบสามคู่
เวลานี้แม่โจวก็ลงจากเตียงเดินมากินข้าวแล้ว
ส่วนจางต้าหูกำลังพิงเตียงด้วยท่าทางมึนงงชั่วขณะ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เมื่อวานจางต้าหูก็มีสภาพดูไม่ได้มากพอแล้ว วันนี้แผลยังบวมขึ้นอีก จนตอนนี้แทบจำหน้าเดิมของจางต้าหูไม่ได้แล้ว
จางซิ่วเอ๋อกระแอมเบา ๆ “ท่านพ่อ มากินข้าวเถอะ”
ที่ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อเอากับข้าวมาเยอะขนาดนี้นั้น นางเผื่อในส่วนของจางต้าหูมาจริง ๆ
แค่คิดก็รู้แล้วว่าวันนี้คงไม่มีใครทำกับข้าว
ตอนนี้จางต้าหูกำลังเสียใจในตัวพวกจางต้าเหอ กับแม่เฒ่าจางเองก็คงมีไม่พอใจบ้าง นางต้องฉวยโอกาสนี้ไว้ซื้อใจจางต้าหู
จางต้าหูชะงักไปนิดหน่อย เขาเงยหน้ามองจางซิ่วเอ๋อ ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าจางซิ่วเอ๋อจะทำกับข้าวให้เขากิน
รอจนเขาเห็นตะเกียบบนโต๊ะถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด
จางต้าหูถาม “ข้ากินได้จริง ๆ หรือ?”
“ครั้งนี้ข้าเอามาเยอะ รู้ว่าไม่มีใครทำกับข้าวให้พ่อกิน มาเถอะ” จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองจางต้าหู
พูดถึงจางต้าหู แม้จะเป็นคนน่าชัง แต่บางครั้งก็น่าสงสารมาก
พอคิดได้ว่าเมื่อวานจางต้าหูก็โดนไปหนักเหมือนกัน ดังนั้นท่าทางที่จางซิ่วเอ๋อมีต่อจางต้าหูในตอนนี้แม้จะไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้าย
จางต้าหูได้ยินแบบนั้นแล้วก็เปลี่ยนท่าทางมึนงงไปในบัดดล ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
พอจางต้าหูเห็นของบนโต๊ะแล้วก็ยิ่งตะลึงเข้าไปใหญ่
กะละมังของจางซิ่วเอ๋อเต็มไปด้วยอาหาร และไม่ใช่แค่อย่างเดียว เป็นการรวมกับข้าวหลายอย่างเข้าด้วยกัน
มองผ่าน ๆ จางต้าหูก็เห็นว่ามีเนื้อหลายอย่าง มีเนื้อไก่ และเหมือนจะมี….เนื้อกระต่าย? จางต้าหูไม่ค่อยแน่ใจว่าใช่เนื้อกระต่ายหรือไม่ แต่สำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะเป็นเนื้ออะไร เขาก็กินได้หมด!
นอกเหนือจากนี้ยังมีเนื้อหมูอีกเยอะ!
เนื้อหมูล้วนแต่เป็นแบบสามชั้น ดูแล้วรสชาติน่าจะดีมาก
มีกุยช่ายผัดไข่อยู่ในนี้ด้วย รวมถึงผัดผักกาดขาว ต่อให้เป็นแค่ผัดผักกาดขาวที่จางซิ่วเอ๋อทำก็ดูกรอบน่ากินอย่างสุดแสน
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าทุกคนชอบกินเนื้อ โดยเฉพาะจางต้าหู จึงตักเนื้อมามากหน่อย
จางต้าหูหยิบหมั่นโถวแป้งขาวนุ่ม ๆ ขึ้นมากัดหนึ่งคำ เขาไม่ได้กินหมั่นโถวแป้งขาวแบบนี้มานานมาก ๆ แล้ว! เพราะหมั่นโถวของตระกูลจางผสมรำข้าวสาลีด้วย!
จางซานหยาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน ถึงนางจะหิวมาก แต่ท่าทางการกินยังสุภาพอยู่
จางซานหยาติดตามอยู่ข้างกายจางซิ่วเอ๋อมานาน พฤติกรรมย่อมไม่เหมือนกับเด็กชาวบ้านทั่วไป
ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะไม่ถึงขั้นสั่งสอนให้น้องสาวต้องรู้ระเบียบเฉกเช่นเดียวกับพวกคุณหนูตระกูลใหญ่ในยุคโบราณ แต่มารยาทขั้นพื้นฐานนั้นพอทำได้
เทียบกับจางซานหยาแล้ว จางต้าหูไม่ค่อยมีมารยาทในการกินเท่าใด เวลานี้เขากำลังคีบเนื้อกระต่ายขึ้นมาและเคี้ยวอย่างเมามัน
หลังจากเขากินเนื้อไปแล้วหนึ่งชิ้น เขาก็ถามจางซิ่วเอ๋อด้วยท่าทางหอบหายใจ “ซิ่วเอ๋อ หัวกระต่ายล่ะ? พวกเจ้ากินไปหรือว่าโยนทิ้ง?”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยบอก “โยนทิ้ง”
จางซิ่วเอ๋อรับของจำพวกหัวกระต่ายและหัวไก่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคิดว่าของพวกนี้ไม่ดีหรอก บางคนชอบกินของพวกนี้ด้วย แต่จางซิ่วเอ๋อไม่รู้สึกอยากอาหารกับของพวกนี้เท่าใด
จางต้าหูพูดด้วยสีหน้าเสียดาย “คราวหน้าอย่าทิ้งนะ เจ้าเก็บไว้ให้พ่อ พ่อกิน!”
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทางแบบนั้นของจางต้าหูแล้วก็ไม่ได้ยอกย้อนกลับ แต่เอ่ยขึ้น “คราวหน้าข้าจะเก็บไว้ให้ท่าน”
“ซิ่วเอ๋อ ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงดีกับข้าขนาดนี้ล่ะ?” จางต้าหูยังรู้สึกตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่ในใจ เขารู้สึกว่าอยู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน