ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 297 ศึกไม่หน่ายเล่ห์
บทที่ 297 ศึกไม่หน่ายเล่ห์
จางซิ่วเอ๋อมองหนิงอันตาขวาง “เจ้าโผล่มาจากไหนเนี่ย เดินไม่ให้สุ้มให้เสียงบ้างเลยหรือไง?”
นางตกใจหมด
เนี่ยหย่วนเฉียวทอดสายตามองจางซิ่วเอ๋อด้วยแววตาจริงจัง เขาไม่ได้สนใจคำถามคาดคั้นของจางซิ่วเอ๋อ แต่เอ่ยถามขึ้น “แผลบนตัวเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “ข้าขอถามอะไรเจ้าอย่าง”
เนี่ยหย่วนเฉียวเพ่งมองจางซิ่วเอ๋อ “เจ้าว่ามา”
“เจ้าบอกข้ามาตามตรงนะ เมื่อวานเจ้ากับเถี่ยเสวียนสองคนไปหาเรื่องคนตระกูลเถามาใช่หรือไม่?” จางซิ่วเอ๋อเป็นคนเก็บอะไรในใจไม่ได้ พอตอนนี้เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวจึงถามออกมาตรง ๆ
สายตาเนี่ยหย่วนเฉียวแข็งทื่อไป เขาใช้ความคิดก่อนจะเอ่ยขึ้น “เปล่า”
เขารู้สึกว่าถ้าเขาบอกจางซิ่วเอ๋อว่าเขาเป็นคนทำ จางซิ่วเอ๋อจะตำหนิเขาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทีแบบนี้ของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วแค่นเสียง “เจ้าอย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”
ถึงแม้เนี่ยหย่วนเฉียวจะบอกว่าเปล่าด้วยท่าทีจริงจัง แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังคิดว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนทำ
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มีจุดให้สงสัยเยอะมาก
นอกจากเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว นางก็นึกไม่ออกว่ามีใครอีก
สายตาเนี่ยหย่วนเฉียววูบไหวเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้น “เจ้าอย่าคิดมากเลย ไม่ว่าอย่างไรยังมีข้าอยู่ เจ้าอยู่รักษาตัวไปอย่างเดียวพอ”
จางซิ่วเอ๋อเงียบไป นางคิดมากรึ? นางคิดมากตรงไหนกัน แค่ถามไถ่เรื่องนี้เท่านั้นเอง
ไม่รู้ว่าหนิงอันคิดอะไรอยู่ในหัวบ้างถึงโพล่งออกมาแบบนี้
แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะอดบ่นไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนเนี่ยหย่วนเฉียวพูดเช่นนี้นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
‘ไม่ว่าอย่างไรยังมีข้าอยู่’ แค่ประโยคนี้ก็ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่ามีคนให้พึ่งพา
จางซิ่วเอ๋อเพิ่งคิดถึงตรงนี้ก็ยกมือตีตัวเองไปหนึ่งที
คิดอะไรอยู่น่ะ ทำไมถึงคิดจะไปพึ่งพาเนี่ยหย่วนเฉียวกัน นางและเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน เป็นคนที่อยู่กันคนละโลก นางห้ามมีความคิดแบบนี้เป็นอันขาด
ในอนาคตเนี่ยหย่วนเฉียวต้องไปจากที่นี่ ส่วนนางก็ต้องมีชีวิตเรียบง่ายของตัวเอง
ต้องเป็นเพราะช่วงนี้นางเหนื่อยเกินไป มีเรื่องให้หงุดหงิดใจมากเกินไป จนนางรู้สึกว่าตัวเองควรหาสักคนไว้พึ่งพา ต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ยื่นมือออกมา
แต่หนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้จะตีตัวเอง นางรู้สึกรำคาญใจจึงยื่นมือจับผมตัวเอง
แต่มือของจางซิ่วเอ๋อที่ยกขึ้นมากลับวางลงไม่ได้
นางกะพริบตามองเนี่ยหย่วนเฉียวที่จับข้อมือของนางไว้และถาม “เจ้าทำอะไร?”
เนี่ยหย่วนเฉียวจ้องจางซิ่วเอ๋อและพูดด้วยท่าทีขึงขัง “ทำไมต้องตีตัวเองด้วย?”
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างอ่อนใจ “ข้าไม่ได้ตีตัวเอง”
“เมื่อกี้ข้าเห็นอยู่” น้ำเสียงเนี่ยหย่วนเฉียวแน่วแน่
จางซิ่วเอ๋อพยายามให้ตัวเองอดทนไว้ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าแค่ตีตัวเองเบา ๆ เพื่อเป็นการเตือนเฉย ๆ”
“เตือนตัวเองเรื่องอะไร?” เนี่ยหย่วนเฉียวถามเสียงเข้ม
ไม่รู้ทำไม เขาเห็นจางซิ่วเอ๋อตีตัวเองก็นึกไปถึงเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อฆ่าตัวตายคราวก่อน เขาเป็นห่วงว่าถ้าจางซิ่วเอ๋อเจอเรื่องลำบากอีกจะเลือกเดินเส้นทางเดิม
พอคิดมาถึงตรงนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็ใจไม่ดี
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้หรอกว่าการกระทำที่ตัวเองทำไปโดยไม่คิดอะไรจะส่งผลให้เนี่ยหย่วนเฉียวคิดมากและคิดไปไกลขนาดนี้
จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างเหนื่อยอ่อน “เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเจ้านะ”
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ฟังก็มีสีหน้าหม่นหมองลง ไม่เกี่ยวอะไรจริง ๆ เหรอ…
“เจ้าปล่อยข้านะ” จางซิ่วเอ๋อขยับข้อมือ โดนเนี่ยหย่วนเฉียวจับไว้แบบนี้นางไม่ค่อยสบายตัวสบายใจเท่าไหร่
เมื่อเห็นแบบนั้น เนี่ยหย่วนเฉียวถึงปล่อยมืออย่างรู้สึกตัวช้า
ทว่าเขาปล่อยผ่านหน้าจางซิ่วเอ๋อไปประหนึ่งสายลม
จางซิ่วเอ๋อเห็นท่าทีแบบนี้ของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วลูบจมูกตัวเองพร้อมพึมพำ ทำไมถึงรู้สึกว่าอารมณ์หนิงอันไม่ค่อยดีล่ะ
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้หรอกว่าที่เมื่อกี้เนี่ยหย่วนเฉียวเหม่อลอยเพราะเขาชะงักกับสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อถาม
จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
แต่ก็เกี่ยวชัด ๆ
เขารู้สึกว่าควรให้จางซิ่วเอ๋อได้รู้ แต่จะทำอย่างไรให้จางซิ่วเอ๋อรู้ล่ะ ถ้าจางซิ่วเอ๋อรู้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เนี่ยหย่วนเฉียวยิ่งคิดยิ่งสับสน
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนประหลาดจริง ๆ ตัวนางเองเดาไม่ออกเลยว่าเนี่ยหย่วนเฉียวคิดอะไรอยู่ในใจ
นางส่ายหัวและเดินไปทางสวนลาน
เมื่อมาถึงสวนลานก็เห็นว่าเถี่ยเสวียนยืนอยู่ตรงนั้น
จางซิ่วเอ๋อมองเถี่ยเสวียนและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณเจ้านะ”
เถี่ยเสวียนตอบโดยไม่คิดอะไร “ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องเล็กน้อยน่ะ วันหน้าหากมีใครรังแกเจ้าอีกเจ้าก็บอกเจ้านายกับข้า พวกเราไม่ปล่อยพวกเขาไว้หรอก” เถี่ยเสวียนกล่าวยิ้ม ๆ
“เถี่ยเสวียน” เสียงเย็นยะเยือกและแฝงแววข่มขู่ดังมา
เถี่ยเสวียนหันกลับไปมองเนี่ยหย่วนเฉียว “เจ้านาย?” ตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิดนี่ ทำไมจู่ ๆ เจ้านายถึงมีท่าทีเช่นนี้กับตัวเองล่ะ
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนทำ”
พูดมาถึงนี่จางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าจริงจังรวมถึงน้ำเสียงก็จริงใจมากขึ้น “แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้ามากนะ”
เถี่ยเสวียนมองจางซิ่วเอ๋อด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปมองเจ้านาย แล้วถึงรู้ตัว นี่เจ้านายตัวเองไม่ได้บอกเรื่องนี้กับจางซิ่วเอ๋อตอนเจอนางหรือนี่
ที่จางซิ่วเอ๋อเดินเข้ามาและพูดขอบคุณก็ลวงเขาน่ะสิ!
เถี่ยเสวียนรู้จักเจ็บปวดขึ้นมา ทำไมคนที่ถูกทำร้ายต้องเป็นเขาตลอด!
“เจ้านาย ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะขอรับ ข้าคิดไม่ถึงว่า…” พูดเสร็จเถี่ยเสวียนก็หันไปมองจางซิ่วเอ๋อ ใครจะไปรู้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะทำแบบนี้ ศึกไม่หน่ายเล่ห์จริง ๆ
เนี่ยหย่วนเฉียวมองเถี่ยเสวียนนิ่ง ๆ และเอ่ยขึ้น “เจ้าไปทำอะไรของเจ้าเถอะ”
เถี่ยเสวียนรู้สึกโล่งอกในบัดดลและตอบทันที “ข้ากินเยอะไปหน่อย ขอไปเดินย่อยก่อนนะ”
เมื่อเถี่ยเสวียนไปแล้ว ในสวนลานจึงเหลือเพียงจางซิ่วเอ๋อและเนี่ยหย่วนเฉียว
ทั้งสองจ้องมองกันและกัน เนิ่นนานไม่มีใครพูดจา
สุดท้ายจางซิ่วเอ๋อเป็นคนปริปากก่อน “เจ้าดีกับข้ามากจริง ๆ จนข้าละอายเกินกว่าจะรับไว้”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อนิ่ง ๆ เขาสมควรต้องดูแลจางซิ่วเอ๋อ ที่จางซิ่วเอ๋อเป็นแบบนี้ในตอนนี้เป็นความผิดของเขาทั้งหมด แม้จะไม่ใช่ความตั้งใจของเขา แต่ท้ายสุดแล้วเขาก็สร้างผลกระทบต่อทั้งชีวิตของจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ
อีกอย่าง ต่อให้ไม่พูดเรื่องก่อนหน้านี้เขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตจางซิ่วเอ๋อ
“แม่นางซิ่วเอ๋อ” เนี่ยหย่วนเฉียวปริปาก เสียงเรียกนั้นทุ้มต่ำ
จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียว รอคอยสิ่งที่เนี่ยหย่วนเฉียวจะพูดต่อไป
“หมอเมิ่งใช่คนในใจของเจ้าหรือไม่?” สุดท้ายแล้วเนี่ยหย่วนเฉียวก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจจะถามด้วยตัวเอง
วันนี้ที่กินข้าวมื้อเที่ยงกัน จางซิ่วเอ๋อดูปฏิบัติกับหมอเมิ่งดีเป็นพิเศษ
จางซิ่วเอ๋อได้ยินแบบนั้นแล้วตกใจ นางร้องเสียงหลงออกมาทันทีและกระโดดไปข้างหลังพร้อมโวยวาย “หนิงอัน เจ้าหมายความว่าอย่างไร ทำไมเจ้าถึงพูดจาเหลวไหลเหมือนบรรดาหญิงขี้นินทาในหมู่บ้านล่ะ”