ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 299 อธิบาย
บทที่ 299 อธิบาย
ถ้านางไม่ชอบหมอเมิ่ง แล้วจะสนิทและไปมาหาสู่กับหมอเมิ่งบ่อย ๆ ได้อย่างไร
ถ้าเป็นคนที่นางเกลียด เลิกคิดได้เลยว่าจะเข้าบ้านนางได้
เนี่ยหย่วนเฉียวได้ยินครึ่งประโยคแรกของจางซิ่วเอ๋อรู้สึกหัวใจแทบหยุดเต้น แต่หลังจากจางซิ่วเอ๋อพูดจบ ใบหน้าเนี่ยหย่วนเฉียวก็เผยความโล่งอก
จางซิ่วเอ๋อพูดจบแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองให้คำตอบเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องให้คำตอบเนี่ยหย่วนเฉียวเกี่ยวกับเรื่องความรักแบบนี้ด้วย แต่นางก็ยังบอกออกไป
จางซิ่วเอ๋อหันหลังเดินเข้าห้อง
นางนั่งอยู่บนเตียงและนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และวุ่นวายใจขึ้นมา สุดท้ายนางตัดสินใจนอนหลับไปซะเลย
ในเมื่อคิดไม่ตก นางก็ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนี้
มาพูดถึงเนี่ยหย่วนเฉียว หลังจากกลับมาให้ห้องแล้วก็นั่งมองแบบตัวอักษรให้ฝึกหัดที่ตัวเองเขียนไว้และเหม่อลอย
เถี่ยเสวียนเดินลีลาอยู่ข้างนอกพักใหญ่ก่อนจะกลับมา เขาเข้าห้องมาปุ๊บก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวที่มีสภาพเหมือนรูปปั้นหิน
จะว่าไป เนี่ยหย่วนเฉียวในชุดสีเทานั่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดจา แม้แต่ลมหายใจยังแผ่วเบา เหมือนรูปปั้นหินจริง ๆ
เถี่ยเสวียนกระเถิบเข้าไปและถามหยั่งเชิงดู “เจ้านาย ถามแล้วได้คำตอบอะไรไหมขอรับ?”
“นางบอกว่าชอบหมอเมิ่งในฐานะเพื่อน” เนี่ยหย่วนเฉียวบอก
เถี่ยเสวียนได้ยินแบบนั้นแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “นั่นก็หมายความว่าตอนนี้หมอเมิ่งยังไม่ใช่คนในใจของนาง แต่ในอนาคตก็อาจเป็นไปได้” เถี่ยเสวียนคิดว่าเป็นไปได้ จางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้ก็หมายความว่าจางซิ่วเอ๋อไม่รังเกียจหมอเมิ่ง
ในเมื่อไม่รังเกียจ ก็หมายความว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
จู่ ๆ เนี่ยหย่วนเฉียวก็ขยับตัว เขาหันมองเถี่ยเสวียนด้วยสายตาสื่อความนัย “เป็นไปไม่ได้” ระหว่างที่พูด รอบตัวเนี่ยหย่วนเฉียวมีกลิ่นอายเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมา
เถี่ยเสวียนรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวและเอ่ยขึ้น “เจ้านาย อย่าโมโหไปนะขอรับ ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย ข้าแค่พูดในเชิงคาดเดาเท่านั้น ไม่แน่ว่าคนในใจของจางซิ่วเอ๋ออาจเป็นเจ้านายก็ได้ขอรับ”
เนี่ยหย่วนเฉียวฟังมาถึงนี่สายตาที่มองเถี่ยเสวียนก็อ่อนโยนขึ้นมา
“เจ้านาย ท่าน...” เถี่ยเสวียนตะลึงกับสายตาของเนี่ยหย่วนเฉียว
“เจ้านาย ท่านคงไม่ได้…จางซิ่วเอ๋อจริง ๆ …” เถี่ยเสวียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
เนี่ยหย่วนเฉียวเห็นท่าทางแบบนี้ของเถี่ยเสวียนแล้วพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ “นางเคยช่วยชีวิตข้า ข้าทำให้นางเสียชื่อเสียงอีก ข้าเพียงแต่หวังว่านางจะมีที่พึ่งพิงที่ดี เช่นนั้นข้าถึงจะไม่รู้สึกผิด”
เขาไม่ได้ตอบคำถามของเถี่ยเสวียน แต่กลับพูดประโยคเหล่านี้แทน
ทว่าเถี่ยเสวียนฟังแล้วไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
เขากวาดสายตามองเนี่ยหย่วนเฉียว ในเรื่องความรักดูเหมือนเจ้านายตัวเองจะรู้สึกตัวช้าอยู่นิดหน่อย จากที่เขาไปพูดแบบนั้นกับจางซิ่วเอ๋อก็รู้แล้ว
ตอนนี้เถี่ยเสวียนไม่สนใจจะเปิดโปงเนี่ยหย่วนเฉียว ต่อให้เขาพูดอะไรมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้มีแต่ต้องรอให้เจ้านายคิดได้เอง
เนี่ยหย่วนเฉียวพูดจบก็ไม่ไปสนใจเถี่ยเสวียน หันกลับไปเขียนแบบตัวอักษรให้ฝึกคัดลอกต่อ
เถี่ยเสวียนเห็นแบบนั้นก็เงียบไป เขาพึมพำไปว่าที่เจ้านายตัวเองทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะเข้าใจในความหวังดีของเจ้านายหรือไม่
พริบตาเดียวผ่านไปอีก 3 วัน
คุณชายฉินยังไม่ส่งข่าวคราวมา เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ตอนคุณชายฉินกลับดูจะให้ความสำคัญกับเรื่องสูตรเครื่องเทศมาก
เขาคิดว่าคุณชายฉินจะมาในวันรุ่งขึ้น แต่นี่ก็รอมาหลายวันแล้ว
จนจางซิ่วเอ๋ออดพึมพำในใจไม่ได้ว่า หรือคุณชายฉินไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยสักนิด แต่ตามหลักแล้วไม่น่าจะใช่นะ
นางมั่นใจในสูตรเครื่องเทศมาก
จางซิ่วเอ๋อคิดในใจ หากยังไม่ได้ข่าวจากคุณชายฉินอีกวันสองวัน นางคงต้องไปที่แคว้น ไปสอบถามเรื่องของคุณชายฉินกับเถ้าแก่เฉียน
คุณชายฉินคงไม่ได้เจอปัญหาอะไรใช่ไหม?
3 วันนี้ผ่านไปอย่างเรียบ ๆ ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น
มีแค่เถาซานเหนียงไปแลกกำไลของตัวเองคืน ก่อนกลับก็มาขอเงินที่บ้านตระกูลจางด้วย
ทีแรกแม่เถายังรู้สึกผิด คิดจะเอาเงินออกมา
แต่พอโดนเถาซานเหนียงอาละวาดใส่ นางก็ไม่อยากเอาเงินออกมาแม้แต่แดงเดียว
สองพี่น้องถือว่าผิดใจกันแล้ว
คราวนี้แม่เถาไม่ได้ผิดใจกับเถาซานเหนียงคนเดียวเท่านั้น แต่ผิดใจกับทุกคนในตระกูลเถา รวมถึงแม่แท้ ๆ ของนางด้วย
แม่เถาคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองเรียกคนครอบครัวตัวเองมาหนุนหลัง และข่มตระกูลจางแท้ ๆ กลับมีผลลัพธ์เช่นนี้
และวันนี้
จางซิ่วเอ๋อมาส่งอาหารให้แม่โจวอีกครั้ง
คนตระกูลจางกินข้าวกันในสวนลาน กับข้าวมีมันฝรั่งตุ๋นผักกาดข้าว เนื่องจากได้เงินจากตระกูลเถามาไม่น้อย หลายวันมานี้แม่เฒ่าจางมือเติบใช้ได้
ในมันฝรั่งตุ๋นผักกาดขาวใส่เนื้อชิ้นหนา
จางต้าหูก็นั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะเหมือนกัน
ด้านหน้าเขาคือข้าวที่บดจากเม็ดข้าวโพด เขาเห็นหมูสามชั้นตรงหน้าแล้วน้ำลายไหล
จางต้าหูรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนตะกละ แต่หลังจากได้กินของดี ๆ ที่จางซิ่วเอ๋อทำให้แม่โจวแล้ว จางต้าหูรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตัวเองช่างใช้ชีวิตได้ล้มเหลวเสียจริง
ตอนนี้เขาเห็นหมูในกะละมังแล้วน้ำลายไหล
ตรงข้ามเขาคือครอบครัวจางต้าเหอที่นั่งอยู่ ตอนนี้ครอบครัวจางต้าเหอไม่แม้แต่จะมองจางต้าหูด้วยซ้ำ เพียงแต่ทอดสายตาไปที่จางต้าหูบ้างเป็นครั้งคราว และเป็นสายตาเกลียดชังด้วย ดูออกว่าพวกเขาไม่ชอบจางต้าหูมาก
จางต้าหูกินมันฝรั่งก่อน เขากินนิดเดียวก็รู้รสเลยว่ามันฝรั่งนี้อมน้ำมันอยู่มาก
“อร่อยจริง ๆ” จางต้าหูอดชมไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนแม่เถาได้ยินจางต้าหูพูดแบบนี้ต้องมีได้ใจบ้าง และรู้สึกว่าตัวเองทำกับข้าวอร่อย
แต่ตอนนี้แม่เถาเห็นจางต้าหูแล้วหงุดหงิด ไม่ว่าจางต้าหูพูดอะไรแม่เถาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
นี่ไงล่ะ แม่เถาได้ยินคำว่าอร่อยก็นึกว่าจางต้าหูประชดตัวเอง
ที่ช่วงนี้กับข้าวตระกูลจางอร่อยเพราะตระกูลจางมีเงินถึงกล้ากินดี แต่เงินนี่มาจากไหนล่ะ ก็มาจากครอบครัวของนางน่ะสิ
แม่เถามองจางต้าหูและพูดกระแนะกระแหน “ไม่กลัวจะจุกท้องบ้างหรือไร?”
จางต้าหูมองแม่เถาและพูดนิ่ง ๆ “ข้าเพิ่งกินไปได้คำเดียวเอง”
แม่เถามองจางต้าหูด้วยสายตาเย็นชา “แน่จริงเจ้าไม่ต้องกินแม้แต่คำเดียวสิ แล้วข้าจะไม่ดูถูกเจ้า”
จางต้าหูหน้าแดง มองแม่เถาพลางเอ่ย “พี่สะใภ้สาม….”
“เจ้าอย่ามาเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าไม่มีวาสนาขนาดนั้นที่จะมีน้องชายอย่างเจ้า” แม่เถาพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร
ขณะนั้นจางอวี่หมินยื่นตะเกียบไปคีบหมูหนึ่งชิ้นใส่ปากและพึมพำ “ชีวิตที่มีเนื้อกินนี่ดีจริง ๆ”
แม่เถาพูดอย่างไม่พอใจ “กินเป็นอย่างเดียว ไม่กลัวว่าจะกินเยอะจนอ้วนและไม่มีใครแต่งงานด้วยหรือไร?”