ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 303 โป้ปด
บทที่ 303 โป้ปด
“ท่านแม่ตอนนี้ท่านกำลังท้องอยู่ต่อไป ท่านห้ามทำเรื่องพวกนี้อีกนะ ถ้าเมื่อใดที่ท่านย่าไม่ให้ท่านทำงานท่านก็ต้องพัก หากข้าขาดแคลนเสื้อผ้าจริงข้าก็สามารถทำมันเองได้เช่นกัน ต่อให้ทำไม่ได้ก็ยังมีชุนเถาอีกคน!” จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยความเป็นห่วง
“เด็กน้อยอย่างพวกเจ้าทั้งสอง ไหนเลยจะทำของพวกนี้เป็น? วัน ๆ พวกเจ้าทำแต่งานบ้าน ครอบครัวของเราก็ไม่เคยได้ฝึกฝนพวกเจ้าเรื่องนี้เลย แล้วพวกเจ้าจะเย็บออกมาได้ดีได้อย่างไร?” แม่โจวคิดย้อนไปเมื่อก่อน ลูกสาวทั้งสามของตนเองไม่มีวันไหนที่เท้าไม่เปื้อนดินโคลนเพราะการทำไร่ทำนาแล้วฉับพลันก็รู้สึกปวดใจ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ลูกสาวบ้านไหนที่กำลังออกเรือนก็ไม่มีใครให้ลูกสาวออกไปทำไร่ไถ่นาหรอก มีแต่จะให้อยู่บ้านพักผ่อน งานอะไรก็ไม่ต้องทำมากกว่า
ก็เพราะหากตากแดดจนดูไม่ได้ขึ้นมา วันแต่งงานจริงคงจะดูไม่สวยน่ะสิ
อีกทั้งยังต้องฝึกเย็บปักให้คล่อง และเรียนรู้กับมารดาตัวเองว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร กระทั่งยังต้องทำชุดแต่งงานเองด้วยซ้ำ
แต่จางซิ่วเอ๋อกลับต้องแต่งอย่างฉุกละหุกขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเนี่ยกลัวขายหน้าแขก จางซิ่วเอ๋อก็คงไม่มีชุดแต่งงานใส่แล้ว
หรืออย่างน้อยบ้านแม่ก็ควรเตรียมชุดแต่งงานให้ ซึ่งแม่เฒ่าจางไม่มีทางออกเงินให้
ไม่เพียงชุดแต่งงาน กับแค่ผ้าสีแดงผืนหนึ่ง แม่เฒ่าจางก็ไม่ยอมจ่ายให้สักตำลึงหรอก!
จางซิ่วเอ๋อมองแม่โจวแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าทุกข์ไปเลย ตอนนี้ข้าสามารถหาเงินได้แล้ว ขอเพียงมีเงินไม่ว่าสิ่งใดพวกเราก็ย่อมมีได้! ต่อไป…”
จางซิ่วเอ๋อกดเสียงต่ำพูด “พวกท่านต้องออกมาจากครอบครัวนี้ให้ได้ ข้าเก็บเงินเอาไว้จำนวนหนึ่ง ข้าจะสร้างบ้านให้พวกท่านอยู่ ให้ท่านมีชีวิตที่สุขสบาย”
แม่โจวพลันรู้สึกซาบซึ้งใจ ยื่นมือไปลูบผมของจางซิ่วเอ๋อ พูดด้วยน้ำเสียงสำลักเล็กน้อย “ซิ่วเอ๋อ การที่แม่คลอดเด็กที่มีความกตัญญูเช่นพวกเจ้าออกมา ช่างเป็นโชคดีของข้าจริง ๆ!” ลูกสาวแล้วอย่างไร? ลูกสาวทั้งสามของนางมีความกตัญญูยิ่งกว่าลูกชายบางคนในหมู่บ้านเสียอีก!
ไม่พูดถึงลูกชายบ้านอื่นแล้ว ต่อให้มีคนแบบซิ่วเอ๋อขึ้นมาอีกสองสามคน ทุกวันจะเปลี่ยนมาเลี้ยงมารดาเช่นนี้หรือไม่?
แม่โจวมองจางซิ่วเอ๋อแล้วก็ยิ่งเวทนา
เส้นผมของจางซิ่วเอ๋อตอนนี้นุ่มขึ้นเยอะแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้นุ่มนวลอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้แห้งหยาบเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงแค่รู้สึกแข็งไปบางเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว นั่นเพราะเมื่อก่อนจางซิ่วเอ๋อใช้ชีวิตมาแบบที่มนุษย์คนหนึ่งจะใช้ชีวิต จึงไม่ได้บำรุงอีกยังทำงานหนักอีกด้วย ร่างกายนี้โดนทำลายมาตั้งแต่เล็ก จางซิ่วเอ๋อมีแต่ต้องบำรุงดี ๆ ให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง
แต่มีเพียงจางซิ่วเอ๋อที่เชื่อมั่นแบบนี้ ตัวเองกินดีอยู่ดีขนาดนั้นจะยังเรียกว่าบำรุงร่างกายไม่ดีอีกเหรอ?
อีกทั้งเด็กจากครอบครัวที่ยากจน แม้ว่าร่างกายจะถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่ก็มีส่วนดีเช่นกัน อย่างน้อยพวกนางก็ไม่หยิ่งยโส เสมือนดอกไม้ป่าที่สามารถเติบโตขึ้นมาได้จากก้อนหิน!
“ท่านแม่ ท่านวางใจเถอะ พวกเราสามคนจะดูแลท่านเป็นอย่างดี ท่านไม่ต้องกังวลใจ ต่อให้พวกเราแต่งงานออกไปแล้วพวกเราก็จะยังปฏิบัติต่อท่านเหมือนเดิม!” จางซิ่วเอ๋อพูดปลอบใจแม่โจว
แม่โจวเช็ดน้ำตาหยดหนึ่งแล้วพูดว่า “ซิ่วเอ๋อ เพียงเจ้ามีใจเช่นนี้แม่ก็ดีใจแล้วจ้ะ”
หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็พูดคุยด้วยกันสักพัก จางซิ่วเอ๋อจึงขอตัวกลับ
ตอนจางซิ่วเอ๋อออกมานั้น คนตระกูลจางก็ยังคงทานข้าวไม่เสร็จ
โดยเฉพาะจางอวี่หมิน หลังจากเห็นนางเดินออกไป ถึงค่อยนำเนื้อที่เตรียมมาพิเศษส่งเข้าปากตัวเอง ในดวงตายังคงฉายแววโป้ปด
จางซิ่วเอ๋อเห็นฉากนี้นางก็อยากจะถามจางอวี่หมินจริง ๆ ว่านางยังมีสมองอยู่หรือไม่?
ดูคนแบบนางสิ แค่มีของดีอยู่กับตัวเองยังไม่คิดแบ่งปันผู้อื่น แล้วคิดจะไปแต่งงานกับบุรุษตระกูลใหญ่เนี่ยนะ? ถ้าให้จางซิ่วเอ๋อเดา นางคงจะถูกถีบกลับมาตั้งแต่สองวันแรกแล้ว!
หากอยู่ในชนบทแม้ว่าจะทำให้คนรู้สึกเกลียดชังไปบ้าง แต่ชีวิตย่อมไม่ลำบากเกินไปนักแน่นอน แต่ถ้านางแต่งเข้าตระกูลใหญ่ก็ยากที่จะอยู่กับพวกเขาได้
แต่ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่คิดที่จะกล่าวเตือนนาง นิสัยเช่นนี้ของนางไม่เหมาะสมที่จะแต่งงานเข้าตระกูลใหญ่อยู่แล้ว
ถ้าให้เดาจางอวี่หมินคงจะคิดว่าตนกำลังอิจฉานางอยู่เป็นแน่ ดังนั้นก็ปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้ไปเสียเถอะ!
จางซิ่วเอ๋อมองเลยผ่านร่างของจางอวี่หมิน มีเพียงนางเท่านั้นที่ไม่คิดจะมอง
รอจนจางซิ่วเอ๋อจากไป คนซ่อมรั้วใหม่เสร็จก็กำลังจากไปเช่นกัน…
ซึ่งช่างที่ซ่อมรั้วนี้ก็คือจางต้าหูคนซื่อนั้นเอง
ตอนนี้เองจางอวี่หมินก็ตะโกนเรียกจางซิ่วเอ๋อ “นี้! ชดใช้ค่าเสียหายมานะ!”
จางซิ่วเอ๋อไม่สนใจจางอวี่หมินเลยสักนิดและเดินออกไปข้างนอก
“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” จางอวี่หมินเดือดพ่าน
จางซิ่วเอ๋อหันหน้ากลับมามอง
“ข้าเรียกทำไมเจ้าไม่ตอบห๊ะ!” จางอวี่หมินพูดเสียงแหลมสูง
จางซิ่วเอ๋อบิดยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วพูดว่า “ท่านอา ท่านตะโกนให้ชดใช้ค่าเสียหายนี้คะ ข้านั้นเป็นคนมีชื่อนะเจ้าค่ะ”
“ถ้าเจ้าไม่ชดใช้ค่าเสียหายแล้วใครจะชดใช้ให้กัน” จางอวี่หมินพูดถากถาง
“อย่างน้อยตอนข้าแต่งงานก็ไม่ได้ใช้ชุดแต่งงานหรือสิ่งของจากในบ้านนี้เลยสักชิ้นเดียว ทั้งยังนำเงินกลับมาให้ที่บ้านอีกด้วย” จางซิ่วเอ๋อพูดจบแล้วก็แสร้งยิ้มมุมปาก เน้นตรงคำว่าชุดแต่งงานสองคำนี้
นางพูดไปแล้วก็สำรวจสีหน้าของจางต้าเหอและแม่เถาไปด้วย
นางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่างานแต่งของจางอวี่หมินที่แต่งก่อนจางเป่าเกินนั้นจะสูญเสียเงินไปกี่ตำลึงกัน
ตอนนี้ในบ้านมีเงินก้อนนั้นอยู่ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะเก็บไว้ให้จางอวี่หมินทั้งหมด?
ถ้าพูดตามจริงเงินเยอะขนาดนั้น ไม่รวมกับที่ตระกูลจางเก็บเอาไว้ก่อนหน้า ยังไงก็พอต่อการแต่งงานของจางอวี่หมินและจางเป่าเกิน
แต่ว่าจางอวี่หมินกลับโลภเกินไป นางคิดถึงเอาไว้ว่าจะนำเงินทั้งหมดในบ้านไปเป็นสินเดิมแต่งงานและจัดงานแต่ง
ถ้าตอนนั้นได้เงินสู่ขอ นางก็คิดว่าจะเอาเงินนั่นไปด้วยเช่นกัน!
เช่นนี้เมื่อนางไปอยู่บ้านแม่สามี นางถึงจะแข็งแกร่งได้!
จางอวี่หมินดีดลูกคิดให้สมปรารถนา* แต่จางเป่าเกินล่ะ? จางเป่าเกินเองก็จะแต่งงาน! อีกทั้งจางเป่าเกินยังอยากจะจัดงานแต่ง ‘แพง ๆ’ กับภรรยา
*หมายถึงการคิดคำนวณทุกอย่างให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด
ดังนั้นอย่างน้อยบ้านแม่ของภรรยาเขาก็ต้องมีเงิน และสามารถแต่งสามีที่จนกว่าได้
จางเป่าเกินกับจางต้าเหอ รวมทั้งแม่เถาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันหมด
เช่นนี้พอจางซิ่วเอ๋อพูดจบ สีหน้าของจางต้าเหอก็บิดเบียวขึ้นมาทันที สายตาที่เขามองจางอวี่หมินนั้นเริ่มที่จะแสดงถึงความรังเกียจขึ้นมาแล้ว
จางอวี่หมินไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด นางมองจางซิ่วเอ๋อแล้วแค่นยิ้มเสียงฮึเย็น ๆ แล้วพูดอย่างยโสว่า “ข้าไม่เหมือนกับเจ้า ถ้าเจ้าจะได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่ ชะตาก็เป็นได้แค่หญิงม่ายเท่านั้น ส่วนข้านั้นไม่เหมือนกัน สวรรค์ลิขิตให้ข้ามีชะตาชีวิตที่สูงศักดิ์! รอให้ข้าแต่งออกไปได้เมื่อใด ข้าย่อมมอบโอกาสให้ครอบครัวเราได้!”
“หากเจ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อนล่ะ” จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงไม่แสดงรู้สึกอะไรสักนิด และก็คร้านจะฟังความคิดของจางอวี่หมินด้วย