ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 315 เขามาแล้ว
บทที่ 315 เขามาแล้ว
ชายคนนั้นลังเล แต่สุดท้ายก็นำทางให้เนี่ยหย่วนเฉียว
เวลานั้นดึกมาแล้ว
ทว่าเป็นช่วงเวลาที่การค้าประเวณีลับ ๆ คึกคักที่สุด สตรีเหล่านั้นต่างโดนลากออกไปทีละคน
ส่วนคนที่เหลือนอกจากจางซิ่วเอ๋อต่างหลับสนิท
จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ว่าตนควรจะนับถือสภาพจิตใจอันแข็งแกร่งของสตรีเหล่านี้ หรือจะสงสารที่สตรีเหล่านี้ถูกทรมานจนสูญสิ้นความเป็นตัวเองไปแล้วดี
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่า ถึงแม้ช่วงนี้แม่เล้าเจิ้งอาจจะไม่ทำอะไรนางเพราะต้องการเลี้ยงตนให้อวบและขาวขึ้นกว่านี้ก่อน แต่ถ้านางหนีไปไม่ได้สักทีแล้วต่อไปจะไม่เป็นเช่นนั้นหรือ?
จางซิ่วเอ๋อคาดหวังให้มีคนมาช่วยตนเหมือนกัน แต่เวลานี้จางซิ่วเอ๋อรู้ดีว่าหวังพึ่งคนอื่นสู้พึ่งตัวเองไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้กำลังไตร่ตรองความเป็นไปได้ต่าง ๆ วิเคราะห์ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรถึงจะหนีออกไปได้
และเวลานั้นเองแม่เล้าเจิ้งก็ได้เข้ามา นางมองไปรอบ ๆ และเอ่ยขึ้น “เจ้า มานี่!”
จางซิ่วเอ๋ออึ้งงัน หันมองซ้ายขวา สุดท้ายก็ชี้ตัวเอง “ข้า?”
แม่เล้าเจิ้งกวาดสายตาไปที่นาง “ถือว่าเจ้ามีวาสนา มีคนไม่รังเกียจที่เจ้าผอมแห้ง จะซื้อตัวเจ้าหนึ่งคืน”
จางซิ่วเอ๋อได้ยินก็ตะลึงไป ต้องขุนตัวเองให้อ้วนขึ้นขาวขึ้นกว่าถึงจะขายได้ไม่ใช่เหรอ? บัดนี้เพื่ออะไรกันอีก?
จางซิ่วเอ๋อคิดไม่ตกและรู้สึกสิ้นหวัง หรือนางต้องจบสิ้นอยู่ที่นี่แล้วจริง ๆ หรือ?
แต่ไม่นานนักจางซิ่วเอ๋อก็เกิดความหวังขึ้นในใจ ถ้าออกจากห้องที่ขังทุกคนนี้ได้จะมีโอกาสหนีไปใช่ไหม?
ในตอนที่จางซิ่วเอ๋อกำลังลังเล แม่เล้าเจิ้งก็เดินเข้ามากระชากจางซิ่วเอ๋อ “ข้าจะบอกเจ้าให้นะ เจ้าต้องปรนนิบัติแขกคนนี้ดี ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าไม่มีคนใหม่ ๆ คนอื่น เรื่องดี ๆ แบบนี้ไม่ถึงตาเจ้าหรอก!”
ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มาวันนี้บอกว่าอยากได้สาวพรหมจรรย์ นางไม่มีทางเรียกคนที่ยังไม่ผ่านการสั่งสอนไปทำงานหรอก
เรื่องดี ๆ งั้นหรือ? จางซิ่วเอ๋อได้ยินแบบนี้แล้วเดือดจนแทบอยากจะข่วนหน้าแม่เล้าเจิ้ง
แต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่กล้าทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากแม่เล้าเจิ้งยังมีชายกำยำคนหนึ่งเดินตามมาด้านหลังด้วย
นางพบว่าสถานที่ที่นางอยู่เป็นบ้านแบบปิด นอกจากห้องที่ขังพวกผู้หญิงแล้วยังมีห้องอีกจำนวนหนึ่ง
ในห้องพวกนั้นมีเสียงน่าอายดังออกมาเป็นครั้งคราว
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วและมองไปรอบด้าน รอบ ๆ บ้านนี้เป็นกำแพงรั้วสูงลิ่ว มีประตูเล็ก ๆ เพียงหนึ่งบาน นางเห็นแล้วว่าข้างประตูมีชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่สองคน
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าถ้าตัวเองคิดจะหนีไปจากที่นี่คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
บัดนี้แม่เล้าเจิ้งได้ลากตนเข้าไปอยู่ด้านนอกห้องหนึ่งแล้ว นางพูดเสียงดุ “เจ้าอย่าได้ทำให้แขกไม่พอใจเชียวนะ มิฉะนั้น…”
จางซิ่วเอ๋อก้มหน้าไม่ตอบอะไร คิดกับตัวเองในใจว่าอีกเดี๋ยวจะกำราบชายคนนั้นอย่างไรดี
ทว่าแม่เล้าเจิ้งกลับคิดว่าจางซิ่วเอ๋อกำลังตื่นกลัว นางหันไปพูดกับคนในห้อง “คุณชาย ข้าพานางมาให้ท่านแล้ว แต่ท่านก็รู้ว่าข้ายังไม่ได้สั่งสอนนาง อาจจะทำให้ท่านไม่พอใจบ้าง ท่านอย่าถือสานะเจ้าคะ”
ขณะนั้นมีเสียงอู้อี้เสียงหนึ่งดังมาจากด้านใน “ให้นางเข้ามา”
จางซิ่วเอ๋อโดนแม่เล้าเจิ้งผลักเข้าไปในห้อง ก่อนจะมีเสียงดังปังขณะที่แม่เล้าเจิ้งปิดประตู
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตาและเห็นโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้ประตู นางหยิบกาน้ำชาขึ้นมาจากโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทีละก้าว
ด้านหน้ามีฉากกั้นตั้งอยู่ เมื่ออ้อมไปหลังฉากกั้นจางซิ่วเอ๋อก็เห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่ง
นางหรี่ตาและทำใจให้เหี้ยม ใจพลันนึกไปว่าหากชายคนนี้จะทำอะไรตัวเองจริง ๆ นางก็ไม่ยอมง่าย ๆ หรอก
“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ เจ้าอย่าทะเล่อทะล่าทำอะไรเชียว!”
ทันใดนั้นชายคนนั้นก็หันกลับมา จ้องจางซิ่วเอ๋อเขม็ง
จางซิ่วเอ๋ออึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ทำไมถึงเป็นเจ้า?”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อตรงหน้าอย่างพิจารณา เมื่อเห็นว่าบัดนี้จางซิ่วเอ๋อยืนอยู่ตรงนี้อย่างสบายดี ดูท่าทางไม่น่าจะบาดเจ็บตรงไหนถึงได้ลอบถอนหายใจ
ขณะนี้จางซิ่วเอ๋ออึ้งไปหมด “หนิงอัน เจ้า… เจ้ามาที่แบบนี้ได้อย่างไร?”
พริบตาที่จางซิ่วเอ๋อเห็นหนิงอันก็เกิดความรู้สึกสบายใจ หนิงอันคงไม่ทำอะไรนางหรอก แต่ไม่นานนักสายตาของจางซิ่วเอ๋อก็พิศวงขึ้น
หรือหนิงอันมาซื้อบริการนางคณิกาที่นี่?
เนี่ยหย่วนเฉียวเห็นสีหน้าที่เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อของจางซิ่วเอ๋อก็หน้าเสียไป เขาพูดออกมาทันที “ข้ามาหาเจ้า”
พอได้ยินเนี่ยหย่วนเฉียวพูดแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็อึ้งไป นางพูดอย่างเหลือเชื่อ “เจ้าหมายความว่า… เจ้าตั้งใจมาช่วยข้าหรือ?”
เวลานี้เนี่ยหย่วนเฉียวก็เดาออกแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อคิดอะไรอยู่ เขาพูดด้วยความอึดอัดใจนิดหน่อย “ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าทำไมเล่า?”
จางซิ่วเอ๋อหัวเราะแห้งและคิดในใจ พริบตาที่เห็นหนิงอันนั้น นางคิดจริง ๆ ว่าหนิงอันมาซื้อบริการ
และเพราะตนไม่คิดว่าเนี่ยหย่วนเฉียวจะมาไวขนาดนี้ด้วย ไม่อย่างนั้นจางซิ่วเอ๋อคงไม่คิดเช่นนี้หรอก
จางซิ่วเอ๋อได้ยินเนี่ยหย่วนเฉียวพูดแบบนี้ก็สบายใจโดยสิ้นเชิง ตอนที่นางเพิ่งเข้ามา เส้นประสาทได้ตึงเครียดไปทุกส่วน มาตอนนี้นางถึงผ่อนคลายลงในบัดดล
จางซิ่วเอ๋อนั่งฟุบลงไปบนเตียง ทว่ามือจับกาน้ำชาไว้ไม่แน่นพอ กาน้ำชาจึงหลุดมือ
เนี่ยหย่วนเฉียวตาไวมือไวรับกาน้ำชาไว้ได้ ก่อนจะเอ่ยถาม “นี่เจ้าตั้งใจจะต่อกรกับข้าด้วยกาน้ำชานี้หรือ?”
ใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อฉายแววกระอักกระอ่วน ถ้านางมีอาวุธที่ดีกว่านี้ก็คงไม่ใช้กาน้ำชาเล็ก ๆ นี่หรอก
“เจ้าหาข้าเจอได้อย่างไร?” จางซิ่วเอ๋ออดถามไม่ได้
เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ตอบจางซิ่วเอ๋อ แต่มองจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกพิกล
จางซิ่วเอ๋อก้มมองตัวเองถึงรู้ตัวว่าตัวเองยังสวมชุดผ้าโปร่งแสนบางที่สุดจะโป๊อยู่ ต่อให้นางหน้าด้านขนาดไหนเวลานี้ก็อดหน้าแดงไม่ได้
และในตอนนั้นเอง เนี่ยหย่วนเฉียวก็ถอดชุดคลุมด้านนอกของตัวเองออก และคลุมตัวจางซิ่วเอ๋อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
จางซิ่วเอ๋อเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวเอาเสื้อคลุมตัวนางแล้วยังมัดปมไว้ด้วย พันนางอย่างกับเป็นห่อขนมจ้างแบบนี้…จางซิ่วเอ๋อก็อดมุมปากกระตุกไม่ได้
นางอยากจะบอกว่าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ อย่างน้อยเหลือแขนให้นางสักครึ่งท่อนที่อยู่ข้างนอกก็ยังดี แต่จางซิ่วเอ๋อคิดไปคิดมาแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
นางคิดว่าไม่มีอะไร แต่เนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนยุคโบราณโดยแท้
ตอนที่เนี่ยหย่วนเฉียวเพิ่งเห็นจางซิ่วเอ๋อไม่ทันสังเกต ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจางซิ่วเอ๋อไม่เป็นไร จึงตระหนักถึงเรื่องนี้และร้อนใจขึ้นมา
เขามองจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หน้าตาประหนึ่งกำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
จางซิ่วเอ๋อถามหยั่งเชิง “คือว่า….เจ้า…..เป็นอะไรไป”