ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 321 ขาหัก
ตอนที่ 321 ขาหัก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จางซานหยาก็ลอบชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางก็ปิดประตูแน่นพร้อมจับมือจางซิ่วเอ๋อ “พี่หญิงใหญ่ ข้ามีบางอย่างจะบอก”
จางซิ่วเอ๋อจ้องมองจางซานหยาอย่างไม่เข้าใจ นางกำลังจะพูดเรื่องจริงจังอะไรกัน?
จางซานหยาลดเสียงลดพร้อมกล่าวตอบ “พี่หญิงใหญ่ ท่านยังไม่รู้ว่าวันนี้เกิดไรขึ้น”
จางซิ่วเอ๋อมองจางซานหยาอย่างสงสัย “แล้วเกิดอะไรขึ้น?”
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้หรอก แต่วันนี้ท่านลุงสามเพิ่งพาจางเป่าเกินกลับมาจากในเมือง” จางซานหยากล่าวกระซิบ
“จางเป่าเกินเข้าเมืองงั้นหรือ?” จางซิ่วเอ๋อไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน
จางซานหยาพยักหน้า “ข้าได้ยินว่าเขาจะเข้าเมืองหลังจากที่หายดี แต่ใครจะรู้เล่าว่าเขาไปเมื่อใด ไม่มีใครรู้จนกระทั่งวันนี้เขากลับมา ท่านลองเดาสิ… ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร?”
เมื่อจางซานหยากล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
จางซิ่วเอ๋อมองจางซานหยาอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”
จางซานหยากล่าวต่อ “ขาของเขาหักไปข้างหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าเขากำลังมองหาหมอในเมือง แต่ต่อให้กระดูกจะกลับมาเชื่อมต่อกัน ขาของเขาก็จะเป๋ไปตลอดชีวิต”
จางซิ่วเอ๋อเม้มปากพร้อมยกยิ้มเล็กน้อย เมื่อนางได้ยินจุดจบของจางเป่าเกินเช่นนี้ นางก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อย ไม่ใช่ว่านางชื่นชอบที่จะมีปัญหาหรอก แต่นางไม่พอใจจางเป่าเกินมานานแล้ว จางเป่าเกินได้รับบทเรียนเช่นนี้นับว่าสาสมนัก
“แล้วเขาเป็นหนักถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?” จางซิ่วเอ๋อสงสัยเล็กน้อย
จางซานหยาส่ายศีรษะพร้อมกล่าวตอบ “ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจางเป่าเกินทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองใจ และนี่คือการแก้แค้น”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ จางซานหยากำหมัดแน่นพร้อมกับโบกไปมาอย่างชั่วร้าย “ข้าคิดแล้วว่าเขาสมควรได้รับมัน! คนเช่นนี้ไม่ควรจะมีจุดจบที่สวยงาม!”
แม้จางเป่าเกินจะเป็นบุรุษ แต่เขาอายุมากกว่าจางซานหยามาก และมักจะลอบกลั่นแกล้งจางซานหยาอยู่เสมอ
จางซานหยาเกลียดชังจางเป่าเกินไปถึงกระดูกดำ
จางซิ่วเอ๋อยกยิ้ม “หากเขาทำตัวเป็นอันธพาลจริง ๆ มันก็สมควรแล้ว!”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้อง แม่โจวก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “หยุดกล่าวคำได้แล้ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า”
หลังรับฟังแล้ว จางซิ่วเอ๋อจึงมองแม่โจวพร้อมกล่าวตอบ “ท่านแม่ ข้าคิดว่าท่านใจดีเกินไป เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าจริง แล้วเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับลูกในท้องของท่านด้วย แต่ท่านดูสิ่งที่เขากระทำสิ?”
แม่โจวมองจางซิ่วเอ๋อพร้อมตอบกลับ “ซิ่วเอ๋อ แม่รู้ว่าเจ้าไม่ชอบเขา แต่เจ้าจงพูดเรื่องนี้ในที่ส่วนตัว หากเจ้าพูดให้ลุงสามได้ยิน นั่นจะทำให้เจ้าต้องพบเจอปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
จางซิ่วเอ๋อมองแม่โจวก่อนจะตระหนักได้ว่าแม่โจวกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางของนางกับครอบครัวจางต้าเหอ
จางซิ่วเอ๋อรีบตอบกลับ “ท่านแม่ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ได้โง่เขลาเช่นนั้น พวกเราจะไม่สร้างปัญหา”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ขยิบตาให้จางซานหยา ทำให้จางซานหยาผ่อนคลายลง
จางซานหยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนี้
แม่โจวมองดูลูกทั้งสองคนพร้อมส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ นางรู้สึกได้ว่าลูกสาวของนางเริ่มมีความคิดที่แปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อจางซิ่วเอ๋อออกมาจากห้องทางทิศตะวันตก นางก็ได้ยินเสียงที่หงุดหงิดของจางเป่าเกินดังมาจากห้องทางทิศตะวันออก “ข้าพูดไปหมดแล้ว! ว่าข้าจะไม่กินมัน! ข้าจะไม่กิน! ข้าจะไม่กินมัน! เอามันออกไปให้พ้นสายตาข้า!”
จากนั้นเสียงอ้อนวอนของแม่เถาดังขึ้น “เป่าเกิน ฟังแม่เจ้าแล้วกัดฟันกินสักหน่อยเถิด ร่างกายเจ้าบาดเจ็บ อย่าคิดโกรธเคืองเลย”
จางเป่าเกินตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เหตุใดท่านจึงน่ารำคาญเช่นนี้? ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวลอย่างไรเล่า! แล้วนี่ท่านทำอะไรอยู่? ตอนนี้ท่านกำลังรู้สึกผิดหวังหรือไร? ท่านกำลังดูถูกข้าใช่หรือไม่? คิดว่าข้าเป็นเพียงคนพิการ!”
เสียงของแม่เถาอ่อนลงทันที “เป่าเกิน แม่ก็เพียงทำเพื่อประโยชน์ของเจ้า”
“หากท่านทำเพื่อข้าจริง ๆ ก็จงปล่อยข้าไปเสีย!” จางเป่าเกินกล่าวอย่างขมขื่น
ขาของเขาหักไปแล้วหนึ่งข้าง ในเวลานี้เขาโมโหและไม่รู้จะระบายที่ใด จึงทำได้เพียงระบายลงบนร่างกายของแม่เถา จางเป่าเกินไม่สนใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเป็นมารดาของเขาหรือไม่
ทันใดนั้นเสียงเอะอะของสือโถวก็ดังขึ้น “ท่านแม่ หากพี่ชายไม่กิน ก็เอามาให้ข้า!”
แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะมองไม่เห็น แต่นางก็เดาได้ว่ามันคงเป็นสิ่งที่แม่เถาหยิบยกให้จางเป่าเกินกิน แต่จางเป่าเกินไม่เห็นค่า แล้วสือโถวก็คงละโมบคิดอยากจะกินแทน
จางเป่าเกินมองดูสือโถวที่วิ่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยแขนขาที่สมประกอบ เพลิงโทสะพลันลุกโชนขึ้นในจิตใจ เขาคว้าชามโจ๊กเทราดลงบนศีรษะของสือโถวทันที
สือโถวร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นตระหนก
แม่เถาถึงกับตกตะลึง “เป่าเกิน! เจ้าทำอะไร? สือโถวเป็นน้องชายของเจ้า! เจ้าปฏิบัติต่อน้องชายของตนเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“ร้องไห้ เอะอะก็ร้องไห้! เจ้ารู้เพียงวิธีร้องไห้! คนอย่างเจ้ามันก็ไม่ต่างจากพวกขี้แพ้!” จางเป่าเกินก่นด่าอย่างดุเดือด
ยิ่งสือโถวร้องไห้ดังขึ้นเท่าใด เขายิ่งกรีดร้องรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แล้วแม่เถาก็ยิ่งเจ็บปวดใจกว่าเดิม
จางเป่าเกินเป็นลูกชายของนาง แต่สือโถวก็เช่นกัน
ตอนนี้ร่างกายของสือโถวเต็มไปด้วยโจ๊ก ยิ่งเขาร้องไห้หนักมากเท่าใด แม่เถาก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นเท่านั้น
ส่วนจางเป่าเกินที่เห็นสือโถวร้องไห้ ก็ยังคงตำหนิอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน
แม่เถาจับมือสือโถวเอาไว้พร้อมกล่าวปลอบ “สือโถว เจ้าออกไปข้างนอกก่อนเถิด”
เมื่อเห็นเช่นนี้ จางเป่าเกินก็เหลือบมองสือโถวอย่างขมขื่น! ก่อนหน้านี้แม่เถารักเขามากที่สุด แต่ตอนนี้เขากลายเป็นง่อย เช่นนั้นแล้วต่อไปในภายหน้าแม่เถาจะเปลี่ยนใจไปรักสือโถวมากกว่าหรือไม่?
จางซิ่วเอ๋อมองประตูห้องตะวันออกเปิดออก สุดท้ายแม่เถาก็พาสือโถวออกมาด้านนอก
ตอนนี้สือโถวกำลังร้องไห้ แต่ก็ไม่วายที่จะแลบลิ้นออกมาเลียเม็ดข้าวที่ริมฝีปาก
เมื่อเห็นใบหน้าสือโถวที่ยังไม่ได้ล้างมานาน จางซิ่วเอ๋ออดไม่ได้ที่จะยกยิ้มด้วยความขบขัน
“สือโถว สือโถวเด็กดี อย่าร้องไห้เลย พี่ชายเจ้าอารมณ์ไม่ดี เขาไม่ได้ตั้งใจจะดุเจ้า” แม่เถาปลอบสือโถวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
แต่สือโถวไม่สนใจ “ท่านแม่! ท่านต้องตีเขาด้วย! เขารังแกข้า!”
สือโถวไม่ชอบเก็บงำความโกรธแค้นไว้ในใจ หากเขาโกรธอะไรจากข้างนอก กลับมาก็มีแต่จะระบายกับแม่เถา ถึงตอนนั้นแม่เถาคงออกไปหาเรื่องผู้อื่นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
เพราะแม่เถาเลี้ยงดูมาแบบนี้ ลูกถึงเติบโตมาเป็นคนเช่นสือโถว
เสียงร้องของสือโถวคล้ายกับหมาป่าเห่าหอน และตอนนี้เสียงของเขาก็แหบแห้งเล็กน้อย
แม่เถาเผยความเศร้าโศกออกขณะปลอบใจสือโถว “สือโถว แม่รู้ว่าพี่ชายเจ้าทำผิด และอีกไม่นานแม่จะสั่งสอนบทเรียนให้เขาแน่! ใครจะปล่อยให้เขารังแกสือโถวของแม่เล่า!”
หลังกล่าวจบ เสียงร้องของสือโถวพลันเบาลงเล็กน้อย “ต่อไปข้าจะไม่แบ่งอะไรให้เขากินอีกแล้ว!”
“เป็นเช่นนั้น!” เพื่อให้สือโถวมีความสุข แม่เถาจำเป็นต้องตอบคำนั้นอย่างรวดเร็ว
แต่จางเป่าเกินที่อยู่ในห้องไม่สนใจว่าสือโถวมีจุดประสงค์อะไรที่กล่าววาจาเช่นนั้น เวลานี้ใบหน้าของเขาซีดเผือดและจับจ้องขาของตนซึ่งถูกแผ่นไม้ดามไว้ด้วยสายตาเกลียดชัง