ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 328 โรคตาแดง
ตอนที่ 328 โรคตาแดง
อีกอย่างหนึ่งนางซื้อลาก็เพื่อสร้างรายได้และมีชีวิตที่ดีขึ้น!
ในครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป นางตั้งใจจะบอกทุกคนอย่างเปิดเผยว่าลาตัวนี้นางเป็นคนซื้อมา
จางซิ่วเอ๋อเข้าใจดี ว่าการที่ตัวนางเองซื้อของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ไม่ช้าก็เร็วทุกคนจะต้องรู้ สู้ให้คนพวกนี้เลิกคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเสียจะดีกว่า!
แม่หลินได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน นางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้าหมายความว่านี่คือลาที่เจ้าซื้อมาอย่างนั้นหรือ?”
จางชุนเถาพูดด้วยความรําคาญ “ข้าว่าท่านนี่แปลกคนจริง ๆ ทำไมเล่า? พวกข้าซื้อลาด้วยตัวเองไม่ได้หรือ? ”
เมื่อแม่หลินมองไปยังสองพี่น้องจางซิ่วเอ๋อ ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น!
นังแพศยาจางซิ่วเอ๋อมีเงินซื้อลา! ตอนแรกพวกเขาต้องสูญเสียเงินของครอบครัวไปไม่น้อย!
เมื่อแม่ม่ายหลิวได้ยินดังนั้น นางจึงหยืดกายตรงและมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเกลียดชัง
จางซิ่วเอ๋อนางแพศยาผู้นี้ได้กินดีแต่งตัวดี ตอนนี้ดูสะอาดสะอ้านไม่น้อย อีกทั้งยังมีเงินซื้อลา! เงินนี้มาจากที่ใด? ต้องเป็นท่านหมอเมิ่งให้แน่!
แม่หลินพูดอย่างโกรธเคือง “การซื้อลามันช่างดีอะไรเช่นนี้!”
“ท่านนี่น่าสนใจจริง ๆ ข้าไม่เคยบอกข้าว่าซื้อลาแล้วดีอย่างไร เป็นท่านที่วิ่งมาหาเรื่องเองใช่หรือไม่?” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็นชา
แม่ม่ายหลิวกล่าวด้วยท่าทางแปลกประหลาด “ข้าว่าเจ้าช่างยอดเยี่ยมเสียจริง เจ้าสามารถซื้อของชิ้นใหญ่เช่นนี้ได้ตามใจชอบ เงินนี้คงได้มาอย่างง่ายดายกระมัง? ”
จางซิ่วเอ๋อเหลือบมองแม่ม่ายหลิว “ง่ายหรือไม่ง่าย นั่นคือความสามารถของข้าเอง ไม่เกี่ยวอันใดกับท่าน”
แม่ม่ายหลิวมองไปที่ใบหน้าขาวซีดของจางซิ่วเอ๋อ หัวใจของนางเต็มไปด้วยโทสะ
ก่อนหน้านี้นางยังพอปลอบใจตัวเองด้วยการบอกว่าท่านหมอเมิ่งนั้นตาบอด ทว่าเมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อได้ดีขึ้นทุกวัน นางยิ่งโกรธเคืองเข้าไปใหญ่
“เป็นความสามารถของเจ้าจริง ๆ แค่กางขาก็หาเงินได้แล้ว!” แม่ม่ายหลิวกล่าวด้วยวาจาร้ายกาจ
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยินแม่ม่ายหลิวกล่าวดังนั้น จึงมองนางด้วยสายตาเย็นชาและเยาะเย้ย “ท่านไร้ยางอายและเต็มใจจะทำเช่นนั้นเอง แต่คนอื่น ๆ ยังมียางอายอยู่! อย่าคิดว่าคนอื่นจะคิดเหมือนท่าน!”
“จางซิ่วเอ๋อ เจ้ากล้าโอหังกับข้าเหรอ! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องของเจ้ากับท่านหมอเมิ่ง! เห็นว่าท่านหมอเมิ่งตกหลุมรักเจ้า จึงกล้าอวดดีงั้นหรือ? หากเจ้ามีความสามารถนัก ก็จงทำให้ท่านหมอเมิ่งแต่งงานกับเจ้าเสียเถิด! ข้าว่าท่านหมอเมิ่งก็แค่เล่นสนุกเท่านั้น หากเขาจะแต่งงานจริง ๆ คงไม่แต่งงานกับแม่ม่ายอย่างเจ้า!” แม่ม่ายหลิวพูดอย่างโกรธเคือง
อาจกล่าวได้ว่าแม่ม่ายหลิวและจางซิ่วเอ๋อได้มีความแค้นต่อกันมาเป็นเวลานานแล้ว
เพียงแต่ทั้งสองไม่เคยปะทะกันมาก่อน
เรื่องในวันนี้จึงเป็นโอกาสที่แม่ม่ายหลิวจะได้ระบายมันออกมา
จางซิ่วเอ๋อได้ยินคําพูดของแม่ม่ายหลิวก็ถึงกับตะลึงงัน หากแม่ม่ายหลิวโจมตีนางอย่างเดียวคงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้แม่ม่ายหลิวกลับลากท่านหมอเมิ่งออกมากล่าวถึงด้วย คำพูดเหล่านี้จะนับเป็นอะไรได้?
“ท่านพูดเรื่องอะไร? ข้ากับท่านหมอเมิ่งมีอะไรกันหรือ? พวกข้าต่างเป็นผู้บริสุทธิ์! ท่านอย่ากล่าวอะไรที่ลากท่านหมอเมิ่งมาเกี่ยวข้องด้วย!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวอย่างกังวล
แม่ม่ายหลิวกวาดสายตามองจางซิ่วเอ๋อแวบหนึ่ง “ดูสิ ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าข้าพูดไม่ผิด ตอนนี้เจ้าเริ่มปกป้องท่านหมอเมิ่งแล้ว! จางซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่แม้แต่จะมองตัวเองในกระจกแล้วดูว่าเจ้าเป็นใคร! คู่ควรกับท่านหมอเมิ่งหรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกหมดหนทาง ตอนนี้นางไม่อยากทะเลาะกับแม่ม่ายหลิวอีกต่อไป
ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่น แต่เพื่อท่านหมอเมิ่ง
หากยังทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไป ก็ไม่รู้ว่าแม่ม่ายหลิวจะยังพูดอะไรอีก นางทําให้ท่านหมอเมิ่งเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยไร้เหตุผล และบางอย่างก็ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้
แม้ว่าคําพูดเหล่านี้จะถูกพูดออกมาจากปากของแม่ม่ายหลิว แต่สุดท้ายก็เป็นเพราะท่านหมอเมิ่งดูแลนางมากเกินไป จึงทําให้ผู้คนรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน
จางซิ่วเอ๋อมองแม่ม่ายหลิวด้วยสายตาจริงจังและกล่าวขึ้น “ข้าจะพูดอีกครั้ง! ข้ากับท่านหมอเมิ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกัน! ”
จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามองแม่หลิน “ข้าซื้อลาตัวนี้มาเอง! แม้ว่าท่านจะเป็นโรคตาแดง* แต่ก็ไม่จําเป็นต้องมาขวางทางที่นี่ใช่หรือไม่?”
*โรคตาแดง หมายถึง ริษยา อิจฉาตาร้อน
“นังแพศยา เจ้าว่าใครเป็นโรคตาแดง?” แม่หลินบิดเอวและต้องการต่อสู้กับจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตาลง “ทำไมเล่า? ท่านจะลงมือหรือ?”
แม่หลินอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับมา หากเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว นางคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางซิ่วเอ๋อเป็นแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางชุนเถา
เมื่อนางมองไปยังแม่ม่ายหลิว แม่หลินก็ไม่คิดว่าแม่ม่ายหลิวจะช่วยนางลงมือ
ในที่สุด นางก็ได้แต่หลีกทางให้ด้วยความอับอาย
จางซิ่วเอ๋อรีบขับเกวียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อจางซิ่วเอ๋อมาถึงด้านทางเข้าป่า นางลังเลเล็กน้อย เนื่องจากเกวียนลาคันนี้ไม่สามารถไปถึงบ้านของนางได้ ลาสามารถจูงเข้าไปได้ แต่เกวียนลานั้นยากที่จะผ่านเส้นทางของป่า
จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปที่ตระกูลจ้าว
จ้าวเอ้อร์หลางกําลังอยู่ที่บ้าน ครั้นเห็นจางซิ่วเอ๋อมาแล้ว จ้าวเอ้อร์หลางก็รีบมาต้อนรับ “พี่ซิ่วเอ๋อ”
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ปิดบังอะไรอีก นางเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจ้าวเอ้อร์หลาง ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รับรู้
ไร้ประโยชน์ที่นางจะหลบเลี่ยง
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คืออย่างนี้ ข้าอยากเอาเกวียนลามาจอดไว้ที่บ้านของเจ้า”
บ้านของจ้าวเอ้อร์หลางมีลานขนาดใหญ่ แม้แต่คนยากจนในหมู่บ้านนี้ก็ยังมีพื้นที่ลานบ้านขนาดไม่น้อย
จ้าวเอ้อร์หลางมองลาตัวนั้นแล้วอุทานออกมา “พี่ซิ่วเอ๋อ ลานี้ท่านเป็นคนซื้อมาหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า
จ้าวเอ้อร์หลางยื่นมือออกมาด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าสัมผัสมันได้หรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อมองจ้าวเอ้อร์หลางด้วยรอยยิ้ม “เรื่องแค่นี้ มีอะไรที่ให้ไม่ได้กันเล่า”
ตอนนี้เองจ้าวเอ้อร์หลางได้ยื่นมือออกไปสัมผัสลาตัวนั้น
เขาไม่เคยสังเกตสัตว์ชนิดนี้ใกล้ ๆ แม้ว่าจะเป็นวัวของคนอื่น เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องมัน โดยบอกว่าเขาป่วยและโชคร้ายเหมือนบิดาของเขา! และสามารถถ่ายทอดสู่สัตว์เหล่านี้ได้ง่าย
จางซิ่วเอ๋อลากเกวียนลาออกมาและวางไว้ในลานบ้านตระกูลจ้าว จากนั้นนางก็จูงลาเข้าไปในบ้านผีสิง
ลายังต้องพากลับไปดูแลเอง หากฝากไว้ในตระกูลจ้าว จะเป็นการรบกวนสองพ่อลูกจ้าวเอ้อร์หลางอีก
แม่ม่ายหลิวเห็นฉากนี้จากระยะไกลจึงถ่มน้ำลายออกมา “นังหน้าด้าน! กลางวันแสก ๆ ก็ยั่วยวนคนเป็นม่ายด้วยกันแล้ว!”
ในตอนที่แม่ม่ายหลิวพ่นคำผรุสวาทออกมา นางไม่ได้คิดเลยว่าตนเองเป็นอย่างไร
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าตนเองจะเพิกเฉยต่อแม่ม่ายหลิว แต่นางไม่คาดคิดว่าหลังจากที่นางจากไป แม่ม่ายหลิวก็ไม่อาจระงับโทสะได้ ตรงกันข้าม อีกฝ่ายตัดสินใจที่จะทำลายชื่อเสียงของนาง!
สำหรับท่านหมอเมิ่ง ตอนนี้แม่ม่ายหลิวยอมแพ้แล้ว นางจึงไม่สนใจว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ท่านหมอเมิ่งคิดอย่างไรกับตนเอง!
เมื่อจางซิ่วเอ๋อกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนก็หายไปเช่นกัน
จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหามุมหนึ่งในลานบ้านเพื่อผูกลาไว้ที่นั่น