ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 329 แข่งกับลา
ตอนที่ 329 แข่งกับลา
จางชุนเถาพูดอย่างร่าเริงโดยไม่รอให้จางซิ่วเอ๋อพูด “พี่หญิง ข้าจะไปตัดหญ้า”
เมื่อจางซิ่วเอ๋อหันหลังกลับ จางชุนเถาก็วิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้จางชุนเถามีความสุขมาก และต้องการดูแลเจ้าลาตัวนี้เป็นอย่างดี
สายตาของจางซิ่วเอ๋อจับจ้องไปที่ลา และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
ในตอนนี้เองเนี่ยหย่วนเฉียวได้เดินเข้ามาจากข้างนอกและยืนอยู่ข้าง ๆ จางซิ่วเอ๋อ แต่หลังจากยืนได้สักพัก เขาก็ไม่เห็นจางซิวเอ๋อมองมาที่ตน
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาในตอนแรกได้หายไปทีละนิด
จางซิ่วเอ๋อไม่เห็นตัวเขาเลยหรือ?
เมื่อมองจางซิ่วเอ๋ออีกครั้ง สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวก็มืดครึ้ม เป็นไปได้หรือไม่ว่าในสายตาของจางซิ่วเอ๋อ ลาตัวนี้จะจะมีเสน่ห์มากกว่าตัวเขา?
เนี่ยหย่วนเฉียวกระแอมเบา ๆ
จางซิ่วเอ๋อพูดโดยไม่หันศีรษะ “กลับมาแล้วหรือ?”
เนี่ยหย่วนเฉียวพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้น “กลับมาแล้ว”
จางซิ่วเอ๋อมองไปที่ลาอย่างมีความสุข อย่าว่าแต่จางชุนเถาเลย แม้แต่นางก็ยังรู้สึกดีใจมาก
นางเอื้อมมือไปลูบหูของลา ลาตัวนี้ยังหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย นางจึงอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมา ทว่าเจ้าลากลับให้ความรู้สึกว่ามันก้าวร้าวน้อยกว่าวัวกับม้ามาก จางซิ่วเอ๋อจึงไม่กลัว ในทางกลับกันนางก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ยิ่งลาตัวนี้เป็นเช่นนี้มากเท่าใด ก็หมายความว่ามันมีสุขภาพดีมากเท่านั้น
นางมองลาตัวนี้อย่างพึงพอใจ ในใจครุ่นคิดว่าต่อไปตนจะต้องเลี้ยงดูลานี้ให้ดี
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อกําลังจมอยู่ในโลกของตัวเอง จะมีเวลามาสนใจเนี่ยหย่วนเฉียวได้อย่างไร?
เนี่ยหย่วนเฉียวขมวดคิ้วมองลาอย่างพิถีพิถันแล้วกล่าวขึ้น “ลาตัวนี้ดูไม่ค่อยดีนัก”
เถี่ยเสวียนเดินเงียบ ๆ ผ่านเข้าไปในห้องของตัวเอง
ภาพตรงหน้าทำให้เขาแทบจะทนมองตรง ๆ ไม่ได้
เมื่อคนที่ไม่รู้ได้ยินเจ้านายพูดเช่นนี้ พวกเขาอาจคิดว่าเจ้านายของเขารังเกียจลาที่จางซิ่วเอ๋อซื้อมา ทว่าจากประสบการณ์หลายปีที่เขาติดตามเจ้านายของตนมา…เขาก็รู้สึกว่าเจ้านายหึงลาตัวนั้นแล้ว!
เมื่อเถี่ยเสวียนคิดถึงเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าหากเขายังคงมองต่อไป เขาอาจจะไม่สามารถช่วยหาบะหมี่แขวนคอเจ้านายของเขาที่กำลังไม่พอใจได้ ดังนั้นเขาจึงเดินให้เร็วขึ้น
จางซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็ถลึงตาใส่ นางหันกลับมามองเนี่ยหย่วนเฉียว “ลาของข้าเป็นอะไรไป? เจ้าเห็นไหมว่าขนมันเรียบเพียงใด? ดูเถิดว่ามันน่ารักขนาดไหน? และที่สําคัญที่สุดคือมันจะช่วยข้าทำงานมากมายในอนาคต!”
เนี่ยหย่วนเฉียวพูดเสียงแผ่วเบา “ข้าสามารถช่วยเจ้าได้มากมาย”
ประโยคนี้เนี่ยหย่วนเฉียวอาจจะคิดว่าพูดอยู่ในใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้พูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา ดังนั้นจางซิ่วเอ๋อจึงไม่ได้ยินสิ่งที่เนี่ยหย่วนเฉียวพูดอย่างชัดเจนนัก
นางได้ยินแว่ว ๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป
ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เนี่ยหย่วนเฉียวได้สติกลับมาทันที จึงรีบกล่าว “ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย”
สายตาของจางซิ่วเอ๋อจับจ้องไปที่ลาของตนอีกครั้ง เมื่อคิดว่านางจะเดินทางสะดวกขึ้นในอนาคต จะไปที่ไหนก็ได้ จางซิ่วเอ๋อก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ที่จริงแล้วตั้งแต่ซื้อลามาได้นางก็มีความสุขมาก แค่สะกดกลั้นไว้เฉย ๆ เท่านั้น
จนถึงตอนนี้ ลาตัวนี้ได้ถูกผูกไว้ที่ลานบ้านของนางแล้วจริง ๆ นางถึงกล้าจะเชื่ออย่างแท้จริงว่าลาตัวนี้เป็นของครอบครัวนาง!
แม้ว่านางจะเก็บอาการมากกว่าจางชุนเถา แต่นางก็อดดีใจไม่ได้
เมื่อได้เห็นบ้านของนางพัฒนาดีขึ้นทุกวัน มีมากขึ้นนับจากศูนย์ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เนี่ยหย่วนเฉียวมองรอยยิ้มสดใสและบริสุทธิ์บนใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อ จึงอารมณ์ดีขึ้นตามไปด้วย
แม้แต่ลาของจางซิ่วเอ๋อก็น่ามอง
“เจ้ารอตรงนี้นะ ข้ามีของจะมอบให้เจ้า” เนี่ยหย่วนเฉียวพลันเอ่ยปากขึ้นมา
จางซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็มองเนี่ยหย่วนเฉียว “เจ้ากำลังจะทำอะไรหรือ? อย่าคิดว่าเจ้าให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ข้า แล้วข้าจะไม่ถือสาเจ้าเรื่องที่ว่าลาของข้าไม่ดี!”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อเงียบ ๆ ในดวงตาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าต่อให้นางโกรธเคืองก็น่ามองอยู่มาก
ขณะเดียวกันจางซิ่วเอ๋อก็นำค้อนทุบลงไปบนผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ ไปพลาง นางเขินอายเกินกว่าจะกล่าวอันใดออกมา จึงหรี่ตาลงจับจ้องลาของตนต่อไป
เนี่ยหย่วนเฉียวเดินเข้ามาในห้องแล้วหยิบกระดาษที่ตัวเองเขียนไว้ก่อนหน้านี้ออกมา
เถี่ยเสวียนในตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงแล้ว เมื่อเห็นเจ้านายของตนเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ไม่เหมาะสมจึงรีบลุกขึ้นนั่ง มองเนี่ยหย่วนเฉียวแล้วกล่าว “เจ้านาย ต้องการให้ข้าทําอะไรหรือไม่?”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองเถี่ยเสวียนแล้วพูดขึ้น “เจ้าคงเหนื่อยแล้ว พักผ่อนเถอะ”
เถี่ยเสวียนมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างซาบซึ้งใจ “เจ้านาย ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”
เขายังคงมีคําบ่นเล็กน้อยอยู่ในใจ แต่เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะทําตามเจ้านายของเขา และติดตามจางซิ่วเอ๋ออย่างลับ ๆ…
เพ้ย ๆๆ !
เมื่อเถี่ยเสวียนคิดได้เช่นนี้ เขาก็ปฏิเสธความคิดในใจของตนเองทันที
จะเรียกว่าติดตามได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการปกป้อง! ใช่ มันเป็นการปกป้อง!
ถูกต้อง หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อและชุนเถาออกไป เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนก็แอบเข้าไปที่ตลาดอย่างลับ ๆ ตามหลังพวกนางเงียบ ๆ ด้วยกังวลว่าทั้งสองจะประสบปัญหาอะไรในตลาด
กล่าวได้ว่าในตลาดทั่วไปแห่งนี้รวมถึงตลาดค้าวัวและม้ามีผู้คนมากมายจริง ๆ อีกทั้งยังมีผู้ชายจำนวนมากมาที่นี่ เนี่ยหย่วนเฉียววางใจไม่ได้จริง ๆ
เนี่ยหย่วนเถียวเป็นนักเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์ เนื่องจากเขากังวลและไม่สามารถปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเขากำลังลอบติดตาม ดังนั้นเขาและเถี่ยเสวียนจึงแอบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาปกป้องสองพี่น้อง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างลับ ๆ โดยที่จางซิ่วเอ๋อไม่รับรู้แต่อย่างใด
เนี่ยหย่วนเฉียวหยิบกระดาษที่ตัวเองเขียนเสร็จแล้ว ออกมายื่นให้จางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อรับสิ่งนี้มาและเอ่ยถาม “นี่มันอะไรกัน?”
ขณะที่ถาม นางก็พลิกดูไปพลาง มองไปเห็นม้วนกระดาษเซวียนจื่อที่ผูกไว้ด้วยกัน บนนั้นเต็มไปด้วยตัวอักษรที่ถูกต้องและไม่เล็กจนเกินไป
ตัวอักษรนั้นเหมือนกับนกกระเรียนขาวบนท้องฟ้า ชัดเจนและสง่างาม ทั้งยังแฝงไว้ด้วยอิสระและความผ่อนคลาย
จางซิ่วเอ๋อตกใจเมื่อนางเห็นตัวอักษรของเนี่ยหย่วนเฉียว
ลายมือของเขาดูดีมาก ไม่เพียงแต่สามารถอธิบายได้ว่าดูดีเท่านั้น ในตัวอักษรของเขาเหมือนจะแฝงไว้ด้วยความสงบนิ่งที่กลับคืนหลังจากล่องเรือใบหลายพันลำ ทั้งยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันงดงามที่อยากจะทะยานให้ตรงขึ้นสู่จุดนั้น
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าลายมือของเขามีบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าเอกลักษณ์
ทว่าหลังจากตกใจแล้ว จางซิ่วเอ๋อพลันรู้สึกว่าเนี่ยหย่วนเฉียวน่าจะสามารถเขียนตัวอักษรดังกล่าวออกมาได้ หากตัวอักษรของเนี่ยหย่วนเฉียวยังไม่น่าสนใจ เช่นนั้นคงนับว่าผิดปกติแล้ว