ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 333 วางแผน
ตอนที่ 333 วางแผน
การจะหาภรรยาสักคนในยุคโบราณนั้นมีเพียงไม่กี่สิ่งที่สำคัญ
เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงเงินในเรือนของฝ่ายชายให้ทุกคนเห็น หากต้องการดูว่าสภาพของบ้านผู้ชายคนนั้นเป็นอย่างไรก็คือการดูสินสอดทองหมั้นและสิ่งที่เขาเปิดเผยออกมา
มีเพียงไม่กี่อย่างที่จะสะท้อนถึงความเป็นอยู่ของครอบครัวได้ ประการแรกคือต้องมีบ้าน หากเป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างจากอิฐ ก็ย่อมหาลูกสะใภ้ได้ง่ายดาย
ประการที่สองคือที่ดิน แต่ที่ดินของทุกครอบครัวในหมู่บ้านนี้แทบจะเหมือนกันทั้งหมด
สิ่งเดียวที่เหลือให้เปรียบเทียบก็คือบ้านหลังนั้นมีสัตว์ไว้ใช้งานหรือไม่
การมีสัตว์ไว้ใช้งานจะทำให้สะดวกต่อการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด และสามารถประหยัดเวลาได้เมื่อต้องไปทำงานในทุ่งนา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนส่วนใหญ่ไม่ได้ครอบครองมันโดยทั่วไป ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงฐานะอย่างชัดเจน
แม่เถาพยักหน้า “เช่นนั้นเราค่อยไปคุยกับท่านแม่เถิด”
ฮึ่ม อย่างไรเสียเกวียนลาคันนี้จะเป็นของตระกูลจาง แม้มันไม่ได้ช่วยเหลืออะไรนางสักนิด แต่นางก็ไม่ต้องการที่จะเห็นจางซิ่วเอ๋อนั่งอยู่บนเกวียนลาอย่างหยิ่งผยอง!
จางซิ่วเอ๋อจะรู้ได้อย่างไรว่าเพียงแค่นางซื้อเกวียนและลาหนึ่งตัว จะก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายหลายสิ่ง
ตอนแรกนางคิดว่าจะมีเพียงคนอิจฉาตาร้อนเท่านั้น แต่นางไม่คาดคิดว่าผลกระทบของมันจะยิ่งใหญ่เพียงนี้
แต่เรื่องทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
แม้ทุกคนจะไม่ได้กล่าวถึงความเกลียดชังของแม่ม่ายหลิวที่มีต่อจางซิ่วเอ๋อ แต่ตอนนี้ทุกคนพูดเรื่องนี้กันไปทั่วหมู่บ้านแล้ว… คนเหล่านี้ถือว่าจางซิ่วเอ๋อนั้นทั้งน่าสมเพชและน่าสงสาร
ทุกครอบครัวล้วนแต่มีจิตใจที่ยากแท้หยั่งถึง พวกเขาพบว่าจางซิ่วเอ๋อมีชีวิตที่ยากลำบากมาตลอด ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามมองจางซิ่วเอ๋อในแง่ดีและเห็นอกเห็นใจ
ไม่มีประโยชน์ การดูถูกผู้อื่นมิได้ทำให้ชีวิตของตนเองดีขึ้น และหัวใจของคนผู้นั้นก็ยังไม่มีความสุขอีกด้วย
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดเช่นนี้
มีบางคนในหมู่บ้านที่ใช้ชีวิตอยู่หลังประตูที่ปิดสนิท พวกเขาไม่สนใจว่าจางซิ่วเอ๋อจะซื้ออะไร อีกทั้งพวกเขายังไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับจางซิ่วเอ๋ออีกด้วย
สรุปแล้วในตอนนี้ทั้งหมู่บ้านเต็มไปด้วยข่าวลือของจางซิ่วเอ๋อกับท่านหมอเมิ่ง
จางซิ่วเอ๋อยังคงปรุงหมูพะโล้ของนางอยู่ในบ้านผีสิง และตอนนี้นางก็ยังไม่รับรู้เรื่องราวอะไร
ในขณะนี้กลิ่นหอมได้ตลบอบอวลไปทั่วลานบ้านผีสิง
วันนี้จางซานหยาขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดหญ้าอาหารสัตว์ ด้วยความช่วยเหลือของจ้าวเอ้อร์หลาง นางจึงได้กลับมาอย่างรวดเร็ว และตอนนี้นางก็อยู่ภายในบ้านผีสิงด้วยเช่นกัน
ในเวลานี้นางนั่งจับเจ่าอยู่ใต้ต้นไม้ สายตามองเตาพร้อมกับยกยิ้มแก้มปริ ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า
ตอนนี้นางได้กินเนื้อสัตว์แทบทุกวัน แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง นางก็รู้สึกไม่ว่าจะกินเนื้อมากเพียงใด มันก็ไม่เคยพอ
กล่าวถึงจางซานหยาผู้นี้ นางเป็นคนที่น่าเวทนาไม่น้อย นางเคยถูกปฏิบัติไม่ดีมาก่อน แต่ตอนนี้นางมีความหลงใหลในเนื้อสัตว์ที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน
“พี่หญิง เมื่อใดมันจะสุกหรือ?” จางซานหยาถามจางซิ่วเอ๋อนับครั้งไม่ถ้วนในขณะที่นางกำลังมองจางซิ่วเอ๋อจัดฟืน
จางซิ่วเอ๋อยกยิ้มพร้อมกล่าวตอบอย่างอดทน “ใกล้แล้ว”
เด็ก ๆ ในครอบครัวที่ยากจนมักจะต้องอยู่แต่ในบ้าน จางซานหยานั้นยังอายุน้อยยิ่ง มันยากนักที่จะบอกให้นางอดทนรอ แต่จางซิ่วเอ๋อก็เข้าใจธรรมชาติของนางเป็นอย่างดี
จางซานหยาพยักหน้ารับพร้อมกับมองเตาตรงหน้าอย่างใจจดจ่อ วันนี้จางซานหยาคิดว่าพี่สาวของตนกำลังทำหัวหมูซึ่งนางไม่เคยกินมาก่อน นางรู้สึกละโมบยิ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้จางซานหยาจะละโมบอยากกินมากเท่าใด แต่นางก็ยังมีความคิดความอ่านมากกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน
หากเป็นสือโถวในตอนนี้ ไม่ว่ามันจะดิบหรือสุก เขาคงไม่อาจอดทนรอสักครู่ได้ คงต้องร้องไห้สะอึกสะอื้นเพื่อขอกินมัน
แม้จางซานหยาจะกระวนกระวายใจและถามออกเป็นครั้งคราว แต่นางก็ไม่ร้องไห้หรือสร้างปัญหาใด
ในที่สุดความปรารถนาของจางซานหยาก็เป็นความจริง จางซิ่วเอ๋อยกหม้อขึ้นแล้ว
หลังจากรอให้มันคลายความร้อนลงบ้าง จางซิ่วเอ๋อจึงหยิบตะเกียบแทงเข้าไปในเนื้อ หากมันสามารถแทงเข้าไปได้ ก็แสดงว่าเนื้อสุกแล้ว
จางซิ่วเอ๋อตักเนื้อขึ้นมา นางมองน้ำแกงในหม้ออยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจไม่ตักมันขึ้นมา
น้ำแกงหัวหมูมันเยิ้มจนไม่เหมือนน้ำแกงกระดูก
จางซิ่วเอ๋อพบเนื้อไม่ติดมันชิ้นหนึ่ง นางจึงฉีกมันออกมาพร้อมกับหยิบใส่ชามใบเล็กมอบให้จางซานหยา
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางซานหยาไม่ใช่เด็กที่ไร้มารยาท หากนางให้มันกับจางซานหยาโดยตรง จางซานหยาจะไม่กินก่อนใครอื่น
เช่นนี้จางซิ่วเอ๋อยกยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ซานหยา ช่วยพี่สาวชิมหน่อยว่ามันอร่อยหรือไม่”
จางซานหยาพยักหน้าพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้น
หัวหมูตุ๋นนี้รสชาติดี มีรสชาติเฉพาะของเอ็นในหัวหมูละลายอยู่ในปาก ทั้งยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศ
จางซานหยากินแล้วหนึ่งชิ้น นางหลับตาลงขณะเคี้ยวมันราวกับมีความสุขเหลือแสน หลังจากนั้นไม่นานนางจึงอุทานออกมา “พี่หญิง เนื้อที่ท่านทำอร่อยยิ่งนัก!”
“อะไรนะ? เนื้อ? เสร็จแล้วหรือ? ขอข้าชิมด้วยคน!” เถี่ยเสวียนได้ยินเสียงของซานหยาก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาราวกับลมกรด สายตานั้นจับจ้องที่ชิ้นเนื้อในชามของจางซานหยาทันที
จางซิ่วเอ๋อตบเถี่ยเสวียนเบา ๆ ก่อนจะกล่าวเตือน “เจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะแย่งของกินจากเด็กงั้นหรือ? หากอยากกินก็มาช่วยกันสักหน่อย ข้าจะทำอีกจานก่อน ไม่นานนักหรอก”
เถี่ยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองเข้าไปในห้องครัว
“เจ้าหมายความว่าให้ข้าช่วยจุดไฟงั้นหรือ?” เถี่ยเสวียนกล่าวถามอย่างประหลาดใจ
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยิน นางคิดว่าเถี่ยเสวียนไม่เต็มใจ นางจึงกล่าวต่อ “ไม่เป็นไร หากเจ้าไม่ต้องการ มื้อนี้คงจะต้องช้าออกไปสักหน่อย”
เถี่ยเสวียนไม่เห็นด้วยทันทีเมื่อได้ยิน “อย่าทำเช่นนั้นเลย ข้าหิวแล้ว”
เมื่อเถี่ยเสวียนกล่าวจบ เขายืนหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนเข้าไปในบ้านที่เขาและเนี่ยหย่วนเฉียวอาศัยอยู่ “เจ้านาย! ออกมาช่วยจุดไฟหน่อยขอรับ!”
จางซิ่วเอ๋อ “…”
มันง่ายมากที่เถี่ยเสวียนจะเรียกให้เนี่ยหย่วนเฉียวออกมาทำงาน นางอยากจะถามทั้งคู่จริง ๆ ว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้านาย
จางซิ่วเอ๋อนั้นไม่รู้อะไรเสียแล้ว ไม่ใช่ว่าเถี่ยเสวียนไม่เต็มใจจะช่วย แต่ตอนนี้เมื่อเขาคิดว่าตนเป็นคนที่จะได้ ‘อยู่ในห้องเดียวกับจางซิ่วเอ๋อ’ ศีรษะของเขาพลันโตขึ้นมา
แน่นอนว่าเขากับจางซิ่วเอ๋อไม่ได้คิดสิ่งใดต่อกัน แต่เจ้านายอาจจะไม่พอใจและปล่อยรังสีเย็นชาออกมาตักเตือนเขาในภายหลัง!
ดังนั้นหากสามารถหลบเลี่ยงได้ เขาเองก็ควรอยู่ให้ห่างจากจางซิ่วเอ๋อ
ตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวออกมาแล้ว ก่อนที่จางซิ่วเอ๋อจะทันได้พูดอะไร เขาก็นั่งยอง ๆ ลงและเริ่มจุดไฟ
แสงจากกองไฟอันอบอุ่นตอบรับแสงตะวันยามอัสดงที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง ทั้งหมดกระทบลงบนใบหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียว ขณะนี้ใบหน้านั้นมีทั้งความสงบและอ่อนโยนที่ดูแปลกตาสลับกันไปมาบนใบหน้านั้น
จางซิ่วเอ๋อตักน้ำขึ้นมาแล้วเริ่มล้างถั่ว
นางหั่นเนื้อหมูแล้วโยนมันลงไปทอดในกระทะ จากนั้นก็เทถั่วทั้งหมดลงในกระทะ
“โอ้ย!” จางซิ่วเอ๋ออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
น้ำมันในกระทะกระเด็นออกมาอย่างไม่ตั้งใจ มันกระเด็นโดนมือของจางซิ่วเอ๋อโดยตรง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางปวดแสบปวดร้อนไม่เบา
เนี่ยหย่วนเฉียวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมร้องถามออกไปอย่างประหม่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ขณะที่พูด เขาเอื้อมมือออกไปจับมือของจางซิ่วเอ๋อเอาไว้ ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะตรวจสอบว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับจางซิ่วเอ๋อด้วยตนเอง ทว่าจางซิ่วเอ๋อกลับรู้สึกอึดอัดขึ้นมา นางตอบสนองท่าทางของเขาด้วยการชักมือกลับอย่างรวดเร็ว