ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 341 ดีต่อเจ้า
ตอนที่ 341 ดีต่อเจ้า
จางซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นก็มองสํารวจจางต้าหู ก่อนหน้านี้ตอนที่จางต้าหูผู้นี้กินเนื้อและขอยืมลา ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของท่านหมอเมิ่งเลย
พอตอนนี้กินเนื้อไปแล้ว และยืมลาไม่ได้ เขาจึงเริ่มถามเรื่องนี้ขึ้นมา
จางซิ่วเอ๋ออยากบอกว่านางมองไม่เห็นจางต้าหูอยู่ในใจจริง ๆ
หากไม่ใช่เพราะเจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของจางต้าหู นางเองก็ไม่สามารถทําอันใดได้ นางไม่อยากพูดกับจางต้าหูแม้แต่คําเดียว
จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วและพูดขึ้น “ท่านฟังข่าวลือที่ผู้อื่นพูด แล้วท่านก็เชื่อใช่หรือไม่?”
จางต้าหูพูด “เจ้าเป็นสตรี ถ้าคําพูดเช่นนี้แพร่งพรายออกมาจะแย่แค่ไหนกัน? ข้ามิได้ทําเพื่อเจ้าหรอกหรือ?”
“เมื่อครู่ข้าบอกท่านแล้ว ข้าไม่ต้องการให้ท่านทำดีกับข้า หากท่านมีใจเช่นนี้จริง ๆ เช่นนั้นก็ควรดูแลท่านแม่และลูกในท้องของนางให้มากหน่อย ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ต้องมารบกวนท่านแล้ว” จางซิ่วเอ๋อกล่าวเยาะเย้ย
จางต้าหูโกรธจนหน้าแดงขึ้นมาทันที “ซิ่วเอ๋อ ถึงแม้เจ้าจะแต่งงานแล้ว แต่คนในครอบครัวจะไม่สามารถเป็นห่วงเป็นใยเจ้าได้เลยอย่างนั้นหรือ? ไม่เพียงแต่ข้าจะห่วงใยเจ้าเท่านั้น แต่ครอบครัวของเรายังห่วงใยเจ้า! เมื่อคําพูดเหล่านี้แพร่ออกไป ทุกคนต่างร้อนใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้!”
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยถามอย่างขบขัน “เช่นนั้นท่านก็มาบอกว่านอกจากท่านแม่กับซานหยาแล้ว มีใครอีกที่ห่วงใยข้าจริง ๆ?”
“ท่านย่ากับอาเล็กของเจ้า และลุงสามของเจ้าต่างก็เป็นห่วงเจ้ามาก!” จางต้าหูโพล่งออกมา
จางซิ่วเอ๋อเกือบจะหัวเราะออกมา “ท่านพ่อ ข้าขอถามท่านว่าเหตุใดข้าถึงกลายเป็นแม่ม่าย? แล้วตระกูลเนี่ยเลือกข้า ข้าที่ยินดีจะแต่งงานหรือ? ตามที่ท่านบอก คนเหล่านี้สนใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของข้า แล้วก่อนหน้านี้เล่า? ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าข้าจะกลายเป็นแม่ม่าย เหตุใดต้องให้ข้าแต่งงานด้วย?”
“ย่าของเจ้าก็ไม่ได้… ทำเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าหรือ? ด้วยหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นฮูหยินน้อยในตระกูลใหญ่และทํางานหนักน้อยลง” จางต้าหูกล่าวเสียงอู้อี้
จางซิ่วเอ๋อโกรธมากเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
โทสะนี้มิได้เป็นเพียงแค่ของตัวนางเอง แต่ยังเป็นของเจ้าของร่างนี้ด้วย
แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะดับสูญไปแล้ว ทว่านางก็ยังมีความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิม เรื่องที่แต่งเข้าตระกูลเนี่ยสําหรับเจ้าร่างของเดิมแล้วมีผลกระทบอย่างมาก เจ้าของร่างเดิมของจางซิ่วเอ๋อจำได้อย่างชัดเจน
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ นางจึงรู้สึกยากที่จะควบคุมโทสะในใจของตัวเอง
“ท่านหมายความว่า ท่านเองก็คิดว่าท่านย่าข้าทําถูกแล้วเช่นนั้นหรือ?” จางซิ่วเอ๋อถามน้ำเสียงเย็นชา แววตาของนางคมกริบ
ทันใดนั้นจางต้าหูก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดรุนแรง ตระหนักขึ้นมาได้ว่าตนเองเหมือนจะพูดอะไรผิดไป ดังนั้นจึงพึมพําออกมา “ข้า… ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ซิ่วเอ๋อ เจ้าอย่าโกรธไปเลย…”
ในเวลานี้ในใจของจางต้าหูเข้าใจจางซิ่วเอ๋อแล้วจริง ๆ และคิดว่าที่จางซิ่วเอ๋อปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะนางต้องเป็นม่าย จึงโกรธเคืองอยู่ในใจ
แม้ว่าจางต้าหูจะเข้าใจผิด แต่ในใจของจางต้าหูกลับรู้สึกผิดมากขึ้น
เขาไม่ได้รักลูกสาวของเขาอย่างสมบูรณ์
เขาเป็น ‘คนดี’ ที่โลเลและไม่แน่วแน่
เมื่อเขาเห็นแม่เฒ่าจาง เขารู้สึกว่าตนควรจะกตัญญูและรู้สึกว่าการกระทําบางอย่างของเขาทําให้แม่เฒ่าจางเสียใจ
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับจางซิ่วเอ๋อ ในใจของเขาก็รู้สึกผิดต่อจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ
เมื่อจางซิ่วเอ๋อมองไปยังจางต้าหูเช่นนี้ จึงพลันบังเกิดความรู้สึกไร้พลังขึ้นมาในใจ
นางพบว่าตนเองกำลังคับแค้นใจกับจางต้าหูผู้นี้…คับแค้นใจจนหายใจไม่ออกจริง ๆ!
เขาก็คือตอไม้ทึ่มทื่อผู้หนึ่ง! ในสมองไม่มีอะไรอยู่เลย! ก็ไม่รู้ว่าในตอนนั้นคนในตระกูลโจวให้แม่โจวแต่งงานกับคนเช่นนี้ได้อย่างไร!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เลย เมื่อตระกูลโจวกำลังมองหาครอบครัวของสามีให้กับแม่โจว ก็ได้สืบมาอย่างดีเช่นกัน
พวกเขารู้เพียงว่าจางต้าหูมีชื่อเสียงที่ดีในหมู่บ้าน เขามีความสามารถมากและเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่เคยสร้างปัญหา แต่คนตระกูลโจวจะคิดได้อย่างไรว่าจางต้าหูอยู่บ้านเป็นคนโง่เขลาและไม่เอาไหน?
หากคนตระกูลโจวรู้เข้าจะต้องไม่ยอมให้ลูกสาวของตนแต่งงานอย่างแน่นอน
“หากท่านเรียกข้ามาแค่เพื่อพูดเรื่องพวกนี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” จางซิ่วเอ๋อพูดพลางถือตะกร้าของตนและเดินไปข้างหน้า
เมื่อจางซิ่วเอ๋อออกมา ก็เห็นจางอวี่หมินที่เกือบจะเอาหัวของนางโขกกับกําแพงและแอบฟังเสียงที่คุยกันอยู่ข้างใน
จางอวี่หมินเห็นจางซิ่วเอ๋อออกมาแล้ว หลังจากรู้ตัวจึงลุกขึ้นยืนทันที
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าจางอวี่หมินจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่จางอวี่หมินกลับพูดด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนสี “หากจะไสหัวไปก็รีบไสหัวไปซะ! อย่าทําให้บ้านข้าสกปรก! นังแพศยาหน้าไม่อาย!”
จางซิ่วเอ๋อชําเลืองมองจางอวี่หมินแวบหนึ่ง “ข้าเห็นว่าเจ้าเองก็ต้องการสร้างปัญหา ยังไม่มีผู้ใดต้องการล่ะ? หากข้าจําไม่ผิด ก็ดูเหมือนว่าคนบางคนคิดจะอยากเกาะคุณชายฉิน แต่น่าเสียดายที่ผู้อื่นไม่ชอบเจ้า!”
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเหตุการณ์นี้กระทบกับจางอวี่หมินมาก ดังนั้นนางจึงขุดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง
นี่เหมือนกับการแทงมีดเข้าไปที่หัวใจของจางอวี่หมิน
เมื่อจางอวี่หมินได้ยินดังนั้นก็แอบสาบานในใจตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่าต่อไปจะต้องแต่งเข้าตระกูลที่ดีให้ได้! ให้จางซิ่วเอ๋อมองนางเสียใหม่!
จางซิ่วเอ๋อไม่สนใจว่าจางอวี่หมินคิดสิ่งใดอยู่
ในเวลานี้นางเดินกลับไป
เช่นเดียวกับตอนที่มา ยังมีคนจํานวนไม่น้อยที่มองนางด้วยสายตาซับซ้อน เช่นการดูถูกเหยียดหยามหรือประชดประชัน
จางซิ่วเอ๋อยืดตัวตรง คนเหล่านี้อยากพูดอะไรก็พูดไป! ตอนนี้นางซื้อลา คนเหล่านี้จะบอกว่านางพึ่งพาผู้ชาย แต่วันหนึ่งเมื่อนางสร้างบ้านและซื้อที่ดิน ตัวนางเองจะมีกิจการของครอบครัวที่แท้จริง
ดูว่าคนเหล่านี้จะสามารถพูดอะไรได้อีก!
ถึงอย่างไรนางก็ตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง!* นางใช้ชีวิตของตัวเอง! ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ นางไม่เพียงแต่ไม่ใส่ใจ แต่ยังเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นโรคตาแดง** พวกนี้ด้วย
*ตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง หมายความว่า ไม่ได้ทำเรื่องผิด จึงไม่มีอะไรต้องกลัว
**โรคตาแดง หมายความว่า ขี้อิจฉา หรืออิจฉาตาร้อน
ถึงกับมีเวลามาเยาะเย้ยตัวนาง พวกเขาเองยังไม่คิดเลยว่าจะหาวิธีที่ทําให้ชีวิตของตนดีขึ้นได้อย่างไร!
น่าเสียดายที่ท่านหมอเมิ่งจะต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อถึงได้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ครั้งหน้าหากพบท่านหมอเมิ่ง นางจะต้องขอโทษท่านหมอเมิ่ง
แม้ว่านางจะไม่ได้พูดคําพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านี้ออกมา แต่ท่านหมอเมิ่งถูกผู้คนกล่าวถึงเช่นนี้ เป็นเพราะนางมักจะขอร้องท่านหมอเมิ่งเสมอ ทั้งยังใกล้ชิดกับท่านหมอเมิ่งมากด้วย จึงมีคําพูดเช่นนี้ออกมา
ท่านหมอเมิ่งป็นคนดี ไม่ควรถูกเขาลากเข้าไปพัวพันเช่นนี้
นอกจากนี้ท่านหมอเมิ่งก็ยังเป็นหมอผู้หนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดในสิบลี้แปดหมู่บ้านคือชื่อเสียง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องของท่านหมอเมิ่งและตัวนางเอง ไม่เกี่ยวกับวิชาแพทย์ แต่บางคนอาจคิดอย่างไรกับท่านหมอเมิ่ง
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจเบา ๆ
รู้สึกว่าหัวใจมนุษย์นี้เป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการคาดเดาและจัดการ
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้คืบจะเอาศอก ระวังจะไม่ได้อะไรเลยนะ
ขอให้เรื่องเข้าใจผิดนี้จบลงซักทีเถอะ ปวดหัวแทนซิ่วเอ๋อ
ไหหม่า(海馬)