ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 348 โอกาสได้พบ
ตอนที่ 348 โอกาสได้พบ
จางซิ่วเอ๋อพึมพำกับตัวเองว่าหนิงอันเป็นโรคเกี่ยวกับสมองหรือไม่? เหตุใดจึงเข้าใจอะไรยากเย็นนัก?
“อ้อ แล้วหมูพะโล้ของเจ้าขายดีหรือไม่? ยังมีเหลือบ้างไหม?” ตอนนี้เองเถี่ยเสวียนได้โน้มตัวไปข้างหน้าและอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
เมื่อเห็นเถี่ยเสวียนทำเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าเถี่ยเสวียนกำลังคิดอะไรอยู่ นางตอบกลับทันที “ไม่มีอะไรเหลือแล้ว”
เถี่ยเสวียนเผยสีหน้าผิดหวัง “ข้ายังอยากกินอยู่นะ!”
“เถี่ยเสวียน ไปสับฟืน” เนี่ยหย่วนเฉียวมองเถี่ยเสวียนที่ยืนออดอ้อนจางซิ่วเอ๋อและกล่าวเสียงเย็น
สีหน้าของเถี่ยเสวียนแข็งทื่อทันที เหตุใดเขาจึงโดนต่อว่าได้ล่ะ?
ข้าทำอะไรลงไป! ข้าก็เพียงพูดกล่าวกับจางซิ่วเอ๋อเพียงคำสองคำ…
แต่ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาคิดในใจ และตอนนี้เขาได้เดินออกมาสับฟืนแล้ว
เมื่อถึงตอนเย็น จางซิ่วเอ๋อก็ขอให้จางชุนเถานำอาหารไปส่ง ส่วนตัวนางเดินถือลอบดักปลาขึ้นไปบนภูเขา
นางไม่ได้กินปลามานานแล้ว และรู้สึกอยากจะกินขึ้นมา
กินหมูตลอดช่างน่าเบื่อนัก
เมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อเดินหยิบลอบออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เนี่ยหย่วนเฉียวก็หยิบลอบขึ้นมาเช่นกัน
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อเริ่มคุ้นเคยกับพฤติกรรมของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว
นางไม่คิดจะพูดมาก พูดมากไปก็ไม่อาจแข่งกับเนี่ยหย่วนเฉียวได้ ดังนั้นไม่กล่าวอะไรจะดีกว่า
เมื่อทั้งสองไปถึงแม่น้ำ ก่อนที่จางซิ่วเอ๋อจะถอดรองเท้าและถุงเท้า เนี่ยหย่วนเฉียวก็ดึงขากางเกงขึ้นและลงไปในน้ำเพื่อใช้ลอบจับปลาแล้ว
เขาเรียนรู้วิธีการใช้ลอบมาแล้ว
จางซิ่วเอ๋อมองฉากตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ นางขยับริมฝีปากเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
การเคลื่อนไหวของเนี่ยหย่วนเฉียวเรียบง่ายยิ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขึ้นมานั่งบนหินขนาดใหญ่แล้วเอนกายลง
แต่จางซิ่วเอ๋อไม่มีผ้าไว้สำหรับให้เนี่ยหย่วนเฉียวเช็ดเท้า และถึงแม้นางจะมีผ้าเช็ดหน้า แต่นางก็ไม่มีวันยอมให้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อให้เขาเช็ดเท้าแน่
ขณะนั้นเอง จางซิ่วเอ๋อนึกถึงคราวก่อนที่เนี่ยหย่วนเฉียวเช็ดเท้าด้วยผ้าคลุม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของนางพลันร้อนผ่าวขึ้นมา
สายลมพัดพาความเยือกเย็นโชยมา จักจั่นยังคงส่งเสียงระงมไม่ขาดสาย และนกก็ยังโบยบินไปมา พร้อมโฉบลงมาเป็นระยะ
จางซิ่วเอ๋อมองดูดวงดาวที่ลอยเกลื่อนเต็มฟ้าด้วยความผ่อนคลาย
ในขณะนั้นเอง จางซิ่วเอ๋อถึงได้เห็นคนสองคนกำลังเดินเข้ามาใกล้จากระยะไกล
นางตกใจเล็กน้อย เหตุใดจึงมีคนมาที่นี่ในเวลานี้?
เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ ดูเหมือนว่าทั้งสองจะค้นพบการมีอยู่ของนางและเนี่ยหย่วนเฉียว
ทั้งสองกำลังจะหันหลังกลับเพื่อจากไป แต่แล้วทั้งสองก็หันกลับมาพร้อมกันและเดินเข้ามาในที่แห่งนี้
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกประหม่าในทันที เพราะตอนนี้นางอยู่กับเนี่ยหย่วนเฉียว
หากคนในหมู่บ้านเห็นภาพนี้เขา พวกเขาคงเอาไปกล่าวต่ออย่างน่าเกลียด
นางไม่ได้กลัว แต่นางไม่ต้องการให้ข่าวลือเช่นนี้มีมากเกินไป
ขณะนั้นเอง เนี่ยหย่วนเฉียวหยิบรองเท้าของตนพร้อมกับกระโดดออกไปไกล
พร้อมกันนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้ามาหาจางซิ่วเอ๋อพอดี
จางซิ่วเอ๋อมองเห็นทั้งคู่ชัดเจน
“รุ่ยเซียง?” จางซิ่วเอ๋อแปลกใจเล็กน้อย
สตรีคิ้วโก่งผู้นั้นคือรุ่ยเซียงงั้นหรือ?
สำหรับคนที่อยู่ข้าง ๆ รุ่ยเซียงก็คือ… ก็คือ… หวังกลากเกลื้อน!
จางซิ่วเอ๋อตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้ ทั้งสองคนนี้อยู่ด้วยกันได้อย่างไร?
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วแน่น นางรู้ดีว่าหวังกลากเกลื้อนเป็นคนแบบไหน!
หลังจากที่หวังกลากเกลื้อนมองเห็นจางซิ่วเอ๋อ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะสำรวจจางซิ่วเอ๋อตั้งแต่หัวจรดเท้า
ครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่บ้านผีสิง เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาได้ยินมาว่ารุ่ยเซียงมีความสัมพันธ์อันดีกับจางซิ่วเอ๋อ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเกรงกลัวจางซิ่วเอ๋ออีกต่อไป
และสำหรับพวกคนชั่วอย่างหวังกลากเกลื้อนแล้ว ส่วนใหญ่จะกล้ำกลืนและไม่ตอบโต้
ตัวบัดซบเหล่านี้ ก็เหมือนเอ็นติดเนื้อ* กล้ำกลืนแล้วเดี๋ยวก็ลืมไปเอง
*เอ็นติดเนื้อ หมายความถึง ตัดก็ยาก เคี้ยวก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรดี*
ในเวลานี้รุ่ยเซียงมีความกล้าหาญมากขึ้น และหวังกลากเกลื้อนก็มีความมั่นใจเช่นกัน
“รุ่ยเซียง?” จางซิ่วเอ๋อไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
รุ่ยเซียงอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “ซิ่วเอ๋อ เป็นเจ้าจริง ๆ! บอกแล้ว แม้ว่าระยะไกลข้าก็จำได้ว่าเป็นเจ้า!”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่างบังเอิญนัก ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอเจ้าที่นี่”
“ซิ่วเอ๋อ เจ้ามาทำอะไรบนภูเขาในตอนเย็นเช่นนี้?” ดวงตาของรุ่ยเซียงเหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่าง นางกำลังมองไปด้านหลังของจางซิ่วเอ๋ออย่างสำรวจ
แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋อจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับลอบดักปลาที่อยู่ในน้ำ
นางตอบกลับทันที “ข้าก็แค่เบื่อ เลยออกมาเดินเล่นน่ะ”
จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเหตุผลของนางมันไม่น่าเชื่อถือ แต่นางก็ทำได้เพียงโกหกกลับไปเช่นนี้
แต่รุ่นเซียงไม่ได้ตั้งใจที่จะให้จางซิ่วเอ๋อตอบเช่นนี้ นางจึงถามต่อ “เจ้ามาคนเดียวหรือ? ข้าเพียงแค่…”
เมื่อพูดเรื่องนี้ รุ่ยเซียงมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาที่บอกว่าข้ารู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับเจ้า “ซิ่วเอ๋อ ข้าเข้าใจทุกอย่างดี ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าเห็น”
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วแน่น พร้อมคิดว่าคำพูดของรุ่ยเซียงเต็มไปด้วยความคลุมเครือ และในเวลานี้นางเพียงต้องแสร้งทำเป็นโง่เขลา “เจ้าเข้าใจอะไรงั้นหรือ? เหตุใดข้าจึงไม่เข้าใจ?”
ก่อนจะให้รุ่ยเซียงได้พูดต่อ หวังกลากเกลื้อนก็พูดขึ้นมา “เจ้าใช่ซิ่วเอ๋อหรือไม่? ข้าคือพี่ใหญ่หวัง จำได้หรือไม่?”
ครั้งสุดท้ายที่หวังกลากเกลื้อนไปบ้านผีสิง เขาไม่ได้พบกับจางซิ่วเอ๋อ อีกทั้งเขายังเป็นคนหน้าด้านโดยทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ เขาจึงไม่รู้สึกผิดอะไร
จางซิ่วเอ๋อลอบถ่มน้ำลาย พี่ใหญ่หวัง? พี่ใหญ่หวังบ้านน้องแกสิ!
จางซิ่วเอ๋อตอบกลับเบา ๆ “ข้าจำไม่ได้”
ทันทีที่จางซิ่วเอ๋อกล่าวคำนี้ออก หวังกลากเกลื้อนพลันอับอายพร้อมจับจ้องจางซิ่วเอ๋อด้วยท่าทางที่ผิดแปลกไป
รุ่ยเซียงจึงรีบพูดขึ้น “ไม่สำคัญหรอกหากว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะจำไม่ได้ ตอนนี้เจ้าไม่รู้จักเขาแล้วงั้นหรือ? ซิ่วเอ๋อ นี่คือพี่ใหญ่หวัง เขาเป็นคนดี”
จางซิ่วเอ๋อมองรุ่ยเซียงอย่างไม่เข้าใจ นางไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่รุ่ยเซียงดูแปลกไปมากเมื่อกล่าวคำเช่นนี้
หวังกลากเกลื้อนเป็นคนดีงั้นหรือ?
แล้วคนดีที่ไหนจะบุกบ้านหญิงม่ายกลางดึกเล่า?
คนดีสามารถบุกเข้ามาเพื่อข่มขืนจางซิ่วเอ๋อคนเดิมได้งั้นหรือ?
รุ่ยเซียงคนนี้ตาบอดหรือไม่ หรือว่ารุ่ยเซียงจะถูกหวังกลากเกลื้อนหลอกลวง?
หรือบางที… รุ่ยเซียงเองก็รู้ว่าหวังกลากเกลื้อนเป็นคนเช่นไร
แต่หากรุ่ยเซียงรู้แล้ว เหตุใดนางจึงยังอยู่ใกล้หวังกลากเกลื้อน?
ไอ้เวรหวังกลากเกลื้อนเป็นคนเลว คนทั้งหมู่บ้านรู้ดีและข่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในวันสองวัน…
เมื่อต้องพบเจอคนเช่นนี้ก็ควรจะอยู่ให้ไกลห่างหรือไม่?
แต่ทำไมรุ่ยเซียงจึงช่วยกล่าวแก้ตัวให้หวังกลากเกลื้อน?
อย่างไรก็ตาม แม้จางซิ่วเอ๋อจะไม่พอใจ แต่นางก็ไม่ได้แสดงความขุ่นเคืองออกไป นางเพียงกล่าวคำเบา “ก็คงเป็นเช่นนั้น”
รุ่ยเซียงเผยสีหน้าไม่พอใจและต้องการจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง
แต่จางซิ่วเอ๋อกลับพูดขึ้นแทรกขึ้นมาก่อน “หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวกลับก่อน ตอนนี้มืดมากแล้ว!”
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่าทางไม่น่าไว้ใจ ซิ่วเอ๋อรีบกลับเถอะ
ไหหม่า(海馬)