ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 350 จิตใจ
ตอนที่ 350 จิตใจ
สิ่งที่จางซิ่วเอ๋อไม่รู้ก็คือในเวลานี้หวังกลากเกลื้อนและรุ่ยเซียงกำลังอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครสามารถพบเจอได้
หลังจากที่เสร็จสิ้นกิจ หวังกลากเกลื้อนจึงเอ่ยถาม “รุ่ยเซียง ซิ่วเอ๋อจะไม่บอกผู้อื่นว่าพบเจอเราสองคนจริงหรือ?”
หวังกลากเกลื้อนไม่ได้กังวลเรื่องนี้นัก อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้มีชื่อเสียงที่ดีอยู่แล้วในหมู่บ้านแห่งนี้
ที่เขาต้องการก็เพียงแค่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องจางซิ่วเอ๋อเท่านั้น
รุ่ยเซียงเหลือบมองหวังกลากเกลื้อน “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวถึงจางซิ่วเอ๋ออีกแล้ว?”
“ข้าเกรงว่านางจะทำลายชื่อเสียงของเจ้าด้วยการพูดกล่าวเรื่องนี้” หวังกลากเกลื้อนทำทีคล้ายกังวล
เมื่อรุ่ยเซียงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายลง “ไม่ต้องกังวลนัก จางซิ่วเอ๋อจะไม่ทำตัวปากยื่นปากยาวและกล่าวคำไร้สาระ นางย่อมไม่กล้าพูด!”
“โอ้งั้นหรือ? เหตุใดเล่า?” หวังกลากเกลื้อนถามอย่างสงสัย
รุ่ยเซียงสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา “แล้วนางไม่ได้ออกมากับบุรุษหรือไร? แม้ว่าเราทั้งคู่จะไม่ทราบว่าคนผู้นั้นคือใคร แต่นางก็ย่อมหนีไม่พ้นแน่”
“อย่างไรเราก็ไม่ได้เห็นคนผู้นั้นอย่างชัดเจน หากนางไม่ยอมรับ เราก็ไม่มีทางกล่าวหาได้” หวังกลากเกลื้อนพูดต่อ
รุ่ยเซียงยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่ได้บอกเจ้า เจ้าก็รู้ว่าข้ามาจากที่ใด ตอนข้าอยู่ที่นั่น ข้าได้พบกับจางซิ่วเอ๋อ!”
ดวงตาของหวังกลากเกลื้อนเบิกกว้างพร้อมกล่าวคำ “เจ้าพูดอะไร? เจ้าพบจางซิ่วเอ๋อในซ่องนางโลมลับได้อย่างไร?”
“จะเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร? นางอยู่ในหมู่บ้านตลอดหรืออย่างไร? มีผู้ใดพบเห็นนางทุกวันหรือไม่? แม้ข้าจะไม่รู้ว่านางใช้วิธีใดเพื่อปกปิดเรื่องนี้ แต่ข้าได้พบนางแน่นอน” รุ่ยเซียงกล่าวหนักแน่น
หวังกลากเกลื้อนหรี่ตา “ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจางซิ่วเอ๋อจะเป็นคนเช่นนั้น”
“ฮึ่ม ข้าไม่รู้ว่านางคบหากับท่านหมอเมิ่งได้อย่างไร ข้าไม่อาจยอมรับได้ มีเรื่องอื้อฉาวมากมายเกิดขึ้นในที่ลับ” รุ่ยเซียงกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ถูกต้องแล้ว รุ่ยเซียงไม่พอใจจางซิ่วเอ๋อ
ก่อนที่จางซิ่วเอ๋อจะซื้อลา นางรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตามจางซิ่วเอ๋ออาศัยอยู่ในบ้านผีสิงที่ถูกทิ้งร้างนั้น นางมีชีวิตที่ยากลำบาก และชื่อเสียงของนางก็ไม่ได้ดีไปกว่าตนสักเท่าใด
แต่แล้วรุ่ยเซียงก็ได้เห็นว่าจางซิ่วเอ๋อซื้อลา
ชีวิตของจางซิ่วเอ๋อไม่ได้เลวร้ายดั่งที่คิด และรุ่ยเซียงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย
นอกจากนี้รุ่ยเซียงยังรู้สึกถึงความเหินห่างของจางซิ่วเอ๋อ สิ่งนี้ที่ทำให้รุ่ยเซียงอึดอัดยิ่งขึ้น
จางซิ่วเอ๋อเป็นแม่ม่ายดวงกินผัว และชื่อเสียงของนางก็ไม่ได้ดีไปกว่าตนสักเท่าใด แต่ทำไมจึงกล้าดูถูกตน?
จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นรุ่ยเซียงจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อเพียงรู้สึกว่าทั้งสองคนคิดเห็นไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถเป็นสหายกันได้
แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดนางจึงต้องฝืนตนเองด้วย?
แต่ทั้งหมดนี้คือข้ออ้างที่รุ่ยเซียงจะเกลียดชังจางซิ่วเอ๋อ
บางทีแม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะไม่ได้ทำให้รุ่ยเซียงรู้สึกแตกต่าง และจางซิ่วเอ๋อยังคงสนิทกับรุ่ยเซียงอยู่ แต่เมื่อรุ่ยเซียงรู้เรื่องการซื้อลาของจางซิ่วเอ๋อ และเมื่อถามจางซิ่วเอ๋อแล้วอีกฝ่ายตอบกลับเพียงคำสองคำ รุ่ยเซียงก็รู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อคนนี้ช่างอวดดียิ่งนัก
ในตอนนั้นจางซิ่วเอ๋อก็ยังถูกตำหนิอยู่ดี
บางคนก็เป็นเช่นนี้ จิตใจของพวกเขานั้นมืดมน ดังนั้นพวกเขาจึงมองผู้อื่นในแง่ลบเสมอ และพวกเขาจะใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างและเหตุผล
หลังจากได้ยินถ้อยคำของรุ่ยเซียง หวังกลากเกลื้อนก็เริ่มคิดตาม
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับยื่นมือออกมาสัมผัสร่างกายของรุ่ยเซียงอีกครั้ง
ร่างกายของหญิงสาวอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ สิ่งนี้ทำให้หวังกลากเกลื้อนรู้สึกพึงพอใจนัก
หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อกลับมาถึงบ้าน นางตักน้ำออกมาจากบ่อหนึ่งชามและดื่มดับกระหาย จนรู้สึกว่าร่างกายค่อยเย็นลง จากนั้นจึงรีบล้างหน้าก่อนที่จะเข้านอนเพื่อพักผ่อน
แต่เป็นเนี่ยหย่วนเฉียวคนเดียวที่กำลังไตร่ตรองสิ่งที่จางซิ่วเอ๋อพูดกล่าวก่อนหน้านี้ เขายืนอยู่ในลานบ้านและนอนไม่หลับ
วันถัดมา
จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาเดินไปยังหลังหมู่บ้านชิงสือด้วยกัน
“พี่หญิง ข้างหน้าคือบ้านของเรา” จางชุนเถากล่าว
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จางชุนเถาดูเหมือนจะคิดว่าสิ่งที่กล่าวออกมานั้นผิด นางจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “บ้านของท่านย่าของเรา”
ตอนนี้ที่นี่ไม่ใช่ครอบครัวนางอีกต่อไปแล้ว ที่ดินก็ไม่ใช่ของนาง และแม้ว่านางจะเคยอยู่ในตระกูลจางมาก่อน แต่ก็ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกันอีกต่อไป ด้วยคำพูดของแม่เฒ่าจาง ทั้งสองคนเป็นเพียงตัวขาดทุน กินของที่หาได้จากในบ้านอย่างไร้ประโยชน์
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าพร้อมกับมองตรงไป
คลื่นทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามกำลังพลิ้วไหว กลิ่นหอมของข้าวสาลีตัดใหม่ยังโชยอวลอยู่ในอากาศ
ตอนนี้หลายคนเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวสาลีแล้ว
อันดับแรกคือเกี่ยวข้าวสาลีจนชิดโคนด้วยเคียว จากนั้นก็มัดข้าวสาลีด้วยฟางจนเป็นฟ่อน นำมากองรวมกัน แล้วนำไปวางไว้ที่ทุ่งข้าวสาลี
จางซิ่วเอ๋อเดินไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเห็นที่นาของตระกูลจาง
ขณะนี้จางต้าหูกำลังยุ่งอยู่กับการเกี่ยวข้าว
สำหรับแม่โจว นางไม่สามารถอยู่บ้านได้อีกต่อไป นับตั้งแต่ที่แม่เฒ่าจางสงสัยว่าจางซิ่วเอ๋อกำลังสมรู้ร่วมคิดกับท่านหมอเมิ่ง นางก็ไม่เชื่อว่าเด็กในท้องของแม่โจวจะแข็งแรงจริง ๆ
โชคดีที่จางต้าหูไม่เหมือนเดิม
ในตอนนี้ เขาขอให้แม่โจวมัดข้าวสาลีอยู่ด้านหลัง ส่วนงานหนักทั้งหมดเขาเป็นคนจัดการเอง
เมื่อเห็นจางต้าหูทำเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย
จางต้าหูผู้นี้ในยามที่ทำตัวเลวร้าย ก็สร้างความเกลียดชังให้ผู้คนได้ และบางครั้งก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสมเพช
เมื่อจางซิ่วเอ๋อเผชิญหน้ากับจางต้าหู นางรู้สึกถึงความไร้ซึ่งอำนาจอย่างสมบูรณ์
วันนี้จางซิ่วเอ๋อได้ยินมาว่าจางต้าหูและแม่โจวมาทำงานด้วยกัน ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะมาดู นอกจากนี้ทุ่งนายังเป็นสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุด จึงสะดวกยิ่งหากนางจะออกมาเดินอยู่แถวนี้
จางซิ่วเอ๋อเดินเข้าไปหาแม่โจวพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านแม่ หยุดมือก่อนเถิด ทุ่งข้าวสาลีนี้พื้นผิวไม่เรียบ หากล้มขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
แม่โจวรีบหันมาตามเสียง “ซิ่วเอ๋อ เหตุใดจึงมาที่นี่ได้?”
“ข้าได้ยินว่าที่บ้านไม่มีใครช่วยพวกท่านเก็บเกี่ยวข้าวสาลี ดังนั้นข้าจึงมาดู” จางซิ่วเอ๋อกล่าวพร้อมเม้มปากแน่น
จางต้าหูยืนนิ่งและหันกลับมายิ้มให้จางซิ่วเอ๋อ “ซิ่วเอ๋อ”
จางซิ่วเอ๋อกลอกตาใส่จางต้าหู เมื่อพูดถึงจางต้าหู คราวที่แล้วนางไม่ให้เขายืมลาและกล่าวปฏิเสธตรง ๆ อย่างรุนแรง นางคิดว่าจางต้าหูจะโกรธแค้นไม่จบสิ้น แต่ดูเหมือนตอนนี้จางต้าหูจะไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว
แต่ถึงแม้จางต้าหูจะจดจำได้ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่คิดเกรงกลัวเขา
จางต้าหูเดินเข้ามาพร้อมเกาศีรษะอย่างโง่เขลา แม้ว่าเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ความจริงแล้วเขารู้สึกกลัวจางซิ่วเอ๋อเล็กน้อย
ตอนนี้แม่โจวกำลังทำงานอยู่บนผืนไร่นา จางต้าหูกังวลว่าจางซิ่วเอ๋อจะขุ่นเคืองเอาได้
เมื่อมองจางต้าหูแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้จางต้าหูกำลังคิดอะไรอยู่
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงจริง ๆ ในหมู่บ้านนี้มีใครปกติบ้างไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)