ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 354 ไม่หนักแน่น
ตอนที่ 354 ไม่หนักแน่น
จางต้าหูได้ฟังก็เงียบไป เขาลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เหมยจื่อ ลำบากเจ้าแล้ว”
แม่โจวมองจางต้าหู ทันใดนั้นก็ถามเสียงดุดัน “จางต้าหู! ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านมีหัวใจบ้างหรือไม่! ใครดีกับท่าน! ใครไม่ดีกับท่าน ท่านดูไม่ออกเลยหรือ?”
จางต้าหูฟังจบก็ชะงักงันอยู่ที่เดิม พักใหญ่ถึงได้ไปทำงานต่อโดยไม่พูดอะไร
หลังจากทั้งสองทำทุกอย่างเสร็จแล้วและลากสังขารอันเหนื่อยล้ากลับไป คนตระกูลจางก็กำลังกินข้าวกันอยู่
ในลานบ้านมีมันฝรั่งตุ๋นเนื้อวางอยู่ แค่ได้กลิ่นก็ชวนให้อยากอาหารแล้ว
จางต้าหูเดินเข้าไป แม่เฒ่าจางจึงแค่นเสียงเย็น “เหลือกับข้าวให้พวกเจ้าแล้วในครัว”
จางต้าหูและแม่โจวจึงเดินเข้าไปในห้องครัว แต่พอเดินเข้าไปในห้องครัว จางต้าหูก็ใจเสียไปกว่าครึ่ง
แม่เฒ่าจางรู้สึกว่าตัวเองโดนรังแกมาจากข้างนอก ต้องเสียหน้าเพราะแม่โจวและจางต้าหู เวลานี้จึงไม่อาจทนอยู่เฉยได้ นี่ไงเล่า นางคิดว่าจะให้ทั้งคู่ได้เห็นดี
กับข้าวในห้องครัวก็เป็นฝีมือของนาง
ในห้องครัวมีแค่ข้าวต้มสองถ้วย และดูก็รู้ว่าเป็นของเหลือจากมื้อที่แล้ว นอกจากข้าวต้มแล้วยังมีหมั่นโถวสองสามชิ้น บวกกับต้นหอมอีกนิดหน่อย
ไม่ต้องพูดถึงที่กับข้าวตรงนี้ต่างชั้นกับกับข้าวบนโต๊ะข้างนอกมาก แค่ปริมาณข้าวก็ไม่พอให้คนสองคนอิ่ม
จางต้าหูในตอนนี้อดนึกถึงซาลาเปาเนื้อที่จางซิ่วเอ๋อเอามาให้ก่อนหน้านี้ไม่ได้
ใครกันแน่ที่ดีกับเขา ต่อให้เขาไม่อยากยอมรับ ก็รู้ตัวบ้างแล้ว
จางต้าหูและแม่โจวกินไปไม่กี่คำ ของพวกนี้ก็หมด
เมื่อทั้งสองคนเข้ามาในห้อง ก็เห็นจางซานหยาวางตะกร้าใบหนึ่งไว้บนโต๊ะ
แม่โจวเลิกผ้าออกก็เห็นว่าเป็นแผ่นแป้งยัดไส้หลายชิ้น
ข้างนอกถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทอง พอแบะออก ข้างในเป็นไส้หมูผสมผักกาดขาว
เมื่อตอนเที่ยงจางซิ่วเอ๋อทำไส้เกี๊ยวเยอะไปหน่อย ตอนกลางคืนจึงทอดเป็นแผ่นแป้ง ในสายตาจางซิ่วเอ๋อ นี่เป็นวิธีที่ไม่ทำให้เสียอาหารไปเปล่า ๆ แต่จางต้าหูกลับตะลึง
นี่แผ่นแป้งทอดเลยนะ เป็นของกินชั้นเยี่ยมที่แพงระยับ จางซิ่วเอ๋อกลับเอามาให้เยอะขนาดนี้
อย่าว่าแต่แผ่นแป้งทอดเลย ต่อให้เป็นแค่แผ่นแป้งขาวธรรมดา พวกเขาก็ไม่มีทางได้กินที่บ้านตระกูลจางหรอก
การทอดแผ่นแป้งเปลืองน้ำมันยิ่งกว่านึ่งซาลาเปาอีก เพราะฉะนั้นต่อให้บ้านไหนนึ่งซาลาเปากินเป็นครั้งคราวบ้าง ก็ไม่ทอดแผ่นแป้งกินกันง่าย ๆ หรอก
จางต้าหูหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นและกัดอย่างทนไม่ไหว
ข้างนอกกรอบนิดหน่อย ส่วนข้างในเป็นไส้หมูสับหอมฉุย
จางซานหยามองไปทางหน้าต่าง นางกลัวว่าจะมีคนได้ยินจึงพูดเสียงเบา “พี่ใหญ่บอกว่าพวกท่านทำงานมาทั้งวัน กลัวว่าพวกท่านกลับมาแล้วจะกินไม่อิ่ม จึงให้ข้าเอาของพวกนี้กลับมา……”
“ครั้งนี้เอามาเยอะ เอามาเผื่อพ่อด้วย” จางซานหยาพูดเสร็จก็ล้วงไข่ออกมาจากกระเป๋าตัวเองอีกสองฟอง
“พี่รองเอาไข่ไก่มาให้พวกท่านอีกสองฟอง ให้พวกท่านเก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้า จะได้มีแรงทำงาน” จางซานยาเอ่ยขึ้นอีก
เมื่อครู่นี้พวกเขาโดนแม่เฒ่าจางรังแกมา พอตอนนี้ได้เห็นของพวกนี้ แม่โจวก็ตาแดงขึ้นมาทันที
จางต้าหูกินแผ่นแป้งทอด ตามองไข่ไก่ เขาเองก็ชักรู้สึกละอายใจ
ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นเสียงอุดอู้ “เหมยจื่อ เจ้าอย่าร้องไห้เลย หลังจากนี้ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”
แม่โจวถลึงตาใส่จางต้าหู “ท่านแค่พูดจะมีประโยชน์อะไร? ถ้าท่านมีปัญญาจริง ๆ ก็แยกบ้านเสียเถิด!”
จางต้าหูได้ยินคำว่าแยกบ้านก็ลังเลขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าให้ข้าได้ไตร่ตรองก่อนนะ ให้ข้าไตร่ตรองก่อน”
ใช่แล้ว จางต้าหูในตอนนี้ไม่ได้หนักแน่นเหมือนก่อนแล้วว่าไม่มีทางแยกบ้าน
แต่ละเรื่องแต่ละราวที่เกิดขึ้น ต่อให้เป็นจางต้าหูก็ต้องมีรู้สึกรู้สาบ้าง เขาทรมานใจยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้จางต้าหูคิดแต่ว่าแม่เฒ่าจางเป็นคนดี แต่มาตอนนี้เขาเริ่มมีความสับสนในใจแล้ว ทั้งคิดวกวนและลังเล เขาเองก็ต้องพิจารณาแล้วว่าแม่เฒ่าจางดีกับเขาหรือไม่
เขายังต้องกตัญญูอยู่หรือไม่?
เขาในตอนนี้สั่นคลอนแล้ว
จางต้าหูแบบนี้ช่างดูน่ารังเกียจนัก
แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อยแล้ว
แม่โจวไม่บีบคั้นจางต้าหู เพียงแต่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ต้าหู ข้าไม่สนว่าท่านจะมองมารดาของท่านอย่างไร แต่คนเรามีหัวใจกันทั้งนั้น ซิ่วเอ๋อดีกับพวกเราท่านคงรู้อยู่ใช่ไหม หลังจากนี้ท่านห้ามรวมหัวกับคนอื่นรังแกซิ่วเอ๋อแล้วนะ”
จางต้าหูพูดเสียงแหบแห้ง “ข้ารู้แล้ว”
“ท่านอย่าคิดไปนะว่าซิ่วเอ๋อสมควรต้องกตัญญูเจ้า พวกท่านรังเกียจที่ซิ่วเอ๋อเป็นสตรีมาตลอด เด็กผู้หญิงไม่มีหน้าที่กตัญญูเราหรอกนะ ซิ่วเอ๋อดีกับเรา เราต้องรู้สำนึก” แม่โจวกลัวว่าจางต้าหูจะคิดว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องสมควร จึงอดเตือนไม่ได้
จางต้าหูพยักหน้าอีก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ยอมพูดอะไร
เห็นท่าทางแบบนี้ของจางซิ่วเอ๋อแล้ว แม่โจวก็ถอนหายใจและกินแผ่นแป้ง
คนอย่างจางต้าหู พูดแค่ครั้งเดียวไม่ได้ผลอะไรหรอก ต้องค่อยเป็นค่อยไป
แต่ถึงแม่โจวจะคิดแบบนี้ ทว่าก็ยังผิดหวังในตัวจางต้าหูอยู่ดี
จางซานหยาหันไปมองและเอ่ยปาก “พวกท่านเอาแผ่นแป้งออกหน่อย ข้าจะไปคืนตะกร้าให้พี่สาวข้า”
แม่โจวและจางต้าหูพยักหน้า และหยิบแผ่นแป้งออกมา
ส่วนจางซานหยาหยิบตะกร้าเดินออกไปข้างนอก
ขณะนั้นคนตระกูลจางกำลังกินข้าวกันอยู่ พอเห็นจางซานยาออกมา ทุกคนก็มองไปที่ตะกร้าของจางซานยา
จางอวี่หมินแค่นเสียงเย็น “ท่านแม่ เห็นหรือยัง ไม่แน่ว่าพวกเขาแอบกินอะไรกันเองในห้องอีก”
“จางซานหยา ดึกดื่นแบบนี้เจ้าจะไปไหน ไม่ทำงานที่บ้านรึ” จางอวี่หมินพูดเสียงดัง
จางซานหยาทำเป็นไม่ได้ยินและกระโดดโลดเต้นออกไป
จางซานหยาไม่ได้ตั้งใจหยิบตะกร้าออกมายั่วโมโหจางอวี่หมินหรอก นางอยากไปหาจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ
พี่ใหญ่ตกลงกับนางแล้วว่ากลางคืนจะย่างข้าวยาคูกินด้วยกัน
จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้กองหญ้าแห้งไว้ในลานบ้านแล้วจำนวนหนึ่ง
พอเห็นจางซานหยาเข้ามา จางซิ่วเอ๋อก็จุดหญ้าแห้ง
นางโยนรวงข้าวสาลีเขียวลงไปบนนั้นจนหมด
ที่ลานบ้านเกิดสุ้มเสียงดังขนาดนี้ ไม่มีทางที่เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนจะไม่รู้ตัว
เนี่ยหย่วนเฉียวมองจางซิ่วเอ๋อที่ใช้กิ่งไม้เขี่ยกองไฟไปมาแล้วอดพูดไม่ได้ “ระวังด้วย อย่าให้ไฟไปโดนเสื้อ”
“ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น” จางซิ่วเอ๋อพูดโดยไม่คิดอะไร
แต่เพิ่งจะสิ้นเสียงจางซิ่วเอ๋อ ก็มีลมสายหนึ่งพัดมา เปลวไฟกระเด็นไปที่ชายกระโปรงของจางซิ่วเอ๋อ
ชั่วขณะหนึ่งที่จางซิ่วเอ๋อตกใจแทบบ้า คิดเพียงว่าคนเราอย่าได้โอหังให้มากนัก วันหนึ่งกรรมจะตามสนอง
ในขณะที่จางซิ่วเอ๋อจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็ได้พุ่งเข้ามาแล้ว
เกิดเสียงดังแคว่กเสียงหนึ่ง…..
กระโปรงของจางซิ่วเอ๋อฉีกขาดจากตรงกลาง
อากาศยังอบอ้าวอยู่มาก จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ได้ใส่กางเกงชั้นในแบบหนา กางเกงชั้นในของนางจึงยาวเพียงต้นขา กระโปรงตัวนี้โดนเนี่ยหย่วนเฉียวฉีกขาดตั้งแต่เข่าลงไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้นขาของจางซิ่วเอ๋อจึงเผยให้เห็นในครรลองสายตา
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สามีเปลี่ยนไปบ้างก็ยังดี ดีกว่าไม่เปลี่ยนไปเลย ถ้าเป็นอย่างหลังนี่แม่โจวจะกระโดดน้ำตายแล้วนะ
ซวยละคุณชายเนี่ย จะโดนซิ่วเอ๋อตบไหม
ไหหม่า(海馬)