ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน - บทที่ 364 เกิดเรื่อง
ตอนที่ 364 เกิดเรื่อง
แม่เถากลัวจับใจว่าจางซิ่วเอ๋อจะพังเรื่องดี ๆ ของตน
ถ้าจางซิ่วเอ๋อว่าร้ายจางเป่าเกินจะทำอย่างไร?
จ้าวต้าซู่พูดด้วยสีหน้าตะลึง “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
แม่เถาถลึงตาใส่จางอวี่หมิน นางกระตุกเสื้อจางอวี่หมินพร้อมกล่าว “อวี่หมิน ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไปแล้ว เจ้าน่าจะไม่เป็นไรแล้วนะ?”
จางอวี่หมินสะบัดมือแม่เถาออกด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางแสร้งทำเป็นอ่อนแอบอบบาง “เป็นความผิดของจางซิ่วเอ๋อทั้งหมด พี่ต้าซู่ พี่อย่าถือสาข้าเลยนะเจ้าคะ”
จางอวี่หมินเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อไปแล้ว ถึงได้นึกถึงข้อดีของตระกูลจ้าวขึ้นมาได้
ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ขัดแย้งอะไรกับการได้คุณชายฉินมาครอง และไม่กลัวว่าจางซิ่วเอ๋อจะพูดอะไรที่เห็นออกไป นางก็ยินดีจะคว้าทุกอย่างนี้มาไว้ในมือ
จ้าวต้าซู่มองจางอวี่หมินอย่างสงสาร “น้องอวี่หมิน ถ้าคราวหน้าเจอนางอีกข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนนางเอง”
จางอวี่หมินได้ฟังดังนั้นก็กลอกตาเล็กน้อย “เจ้าค่ะ!”
หากคราวหน้าจ้าวต้าซู่ช่วยตนสั่งสอนจางซิ่วเอ๋อหนัก ๆ ได้ก็นับว่าดีเยี่ยมแล้ว
หลายวันผ่านไป
เรื่องระหว่างจางอวี่หมินและจ้าวต้าซู่ก็พูดยากว่าตกลงแล้วหรือยังไม่ตกลง
แต่ตระกูลจางและตระกูลจ้าวสองครอบครัวกลับสนิทกันมากขึ้น
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อไม่เห็นใจคนตระกูลจ้าวแล้ว คนเราล้วนเลือกเส้นทางของตนกันทั้งนั้น ก่อนหน้านี้นางเคยยั่วโมโหจางอวี่หมินเพื่อเตือนตระกูลจ้าวว่าจางอวี่หมินเป็นคนอย่างไร
หากผ่านเรื่องนี้ไปแล้วคนตระกูลจ้าวยังไม่รู้จักใช้สมองคิดให้มาก ๆ นางก็อับจนปัญญา
ได้แต่บอกว่าคนตระกูลจ้าวสมควรโดน
หวังว่าวันใดวันหนึ่งที่พวกเขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนตระกูลจางแล้วจะยังสนิทแบบนี้กับคนตระกูลจางได้
ในวันนี้เอง
จางซิ่วเอ๋อมาขายหมูพะโล้ในเมืองอีกครั้ง
นางเพิ่งตั้งร้านเสร็จก็มีคนมาซื้อหมูพะโล้
พอถึงเวลาเที่ยง ก็ยิ่งขายดีขึ้นไปอีก
ขณะนั้นด้านข้างร้านจางซิ่วเอ๋อมีคนยืนต่อกันเป็นแถวยาว
จางซิ่วเอ๋อต้อนรับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ส่วนจางชุนเถาเวลานี้ก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ในเมื่อกิจการขายดียิ่งเช่นนี้ ก็เห็นได้ว่าหลังจากนี้จะมีเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในสายตาของจางชุนเถา เงินช่วยทำให้นางรู้สึกปลอดภัยขึ้น
ไม่อย่างนั้นนางก็กังวลจริง ๆ ว่าตนจะต้องมีชีวิตที่แร้นแค้นเหมือนเมื่อก่อน
แม้ว่าสองพี่น้องจะค่อนข้างเหนื่อย แต่ทั้งสองยังมีกำลังใจที่ดีมาก
“จ้ะท่านยาย รับหมูนี่ไปแล้วค่อย ๆ เดินนะเจ้าคะ” จางซิ่วเอ๋อส่งลูกค้าคนหนึ่งออกไปด้วยรอยยิ้ม
“พี่ชายผู้นี้ ไส้หมูชิ้นนี้ถือว่าเป็นของกำนัลนะเจ้าคะ” จางชุนเถาหั่นไส้หมูออกมาหนึ่งชิ้นอย่างคล่องแคล่วและใส่รวมกับเนื้อหมู
สองพี่น้องช่วยกันต้อนรับขับสู้ พยายามให้ลูกค้าทุกคนได้รับความสุขใจ
ทว่าในตอนนั้นเอง หญิงชราผู้หนึ่งจากแห่งใดไม่ทราบได้พุ่งปราดเข้ามา แล้วชี้นิ้วด่าจางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถา “เป็นพวกแกสองคนนี่เองที่ทำร้ายคน!”
จางซิ่วเอ๋อมองหญิงชราด้วยความงุนงง “แม่เฒ่า ท่านจำผิดคนหรือเปล่าเจ้าคะ?”
จางซิ่วเอ๋อพูดพลางมองหญิงชราคนนั้น นางสวมชุดผ้าฝ้ายหนาสีครามกับกางเกงขายาว ที่ขาสวมรองเท้าปักลายดอก เรือนผมเริ่มขาวแล้ว และบนศีรษะก็ปักปิ่นเงินที่เริ่มเป็นรอยดำ
“ข้าจะจำผิดได้อย่างไร นังตัวร้ายที่ขายหมูพะโล้ที่นี่อย่างพวกเจ้านั่นแหละ เมื่อเช้าข้าผ่านมาทางนี้และเกิดอยากกินจึงซื้อหมูพะโล้จากพวกเจ้า และเอาให้หลานชายข้ากิน…..ตอนนี้หลานชายข้าหมดสติไปแล้ว” หญิงชราชุดครามเอ่ยเสียงเกรี้ยวกราด
“อย่าว่าแต่หลานชายข้าเลย ตัวข้าเอง….ก็เกือบจะสิ้นชีวาวาย โอ๊ย ข้าปวดท้อง” หญิงชราชุดครามพูดพลางโอดครวญ
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถา สายตาฉายแววฉงน
จางชุนเถาเอ่ยเสียงแผ่ว “เช้านี้นางมาซื้อหมูกับเราจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“นี่ไงล่ะ นังคนเล็กยอมรับแล้ว” หญิงชราชุดครามได้ยินดังนั้นก็มีอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา
จางซิ่วเอ๋อถามเรื่องนี้ก็เพราะต้องการมั่นใจว่าหญิงชราผู้นี้ได้ซื้อของจากพวกนางไปจริงหรือไม่
ถ้าไม่เคยซื้อ นางก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดอะไร
ต่อให้เคยซื้อ…..
จางซิ่วเอ๋อก็ไม่คิดว่าหมูพะโล้ของตนจะทำให้คนอื่นมีสภาพเช่นนี้ได้
หมูตุ๋นของนางปรุงด้วยเครื่องเทศที่หาได้ทั่วไป ส่วนเนื้อหมูก็สดใหม่และตุ๋นในหม้อทั้งคืน ด้วยสภาพการณ์นี้แล้วก็ไม่มีทางที่เนื้อหมูจะเน่าเสีย
เพียงแต่ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อยังไม่แน่ใจว่าหญิงชราผู้นี้มีจุดประสงค์อะไร หากเป็นแค่การเข้าใจผิด นางก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาร้าย ๆ ใส่ แบบนั้นจะกลายเป็นว่านางร้อนตัวเสียเอง
ถ้ามาหาเรื่อง? ก็ว่ากันไปอีกอย่าง
“แม่เฒ่า ท่านลุกขึ้นก่อน เรามีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน” จางซิ่วเอ๋อกวาดสายตามองหญิงชราที่นั่งร้องไห้โหยหวนและใช้มือตีพื้นไม่หยุด
หญิงชราชุดครามคร่ำครวญ “ข้ายังปวดท้องอยู่เลย ลุกไม่ไหว…”
จางซิ่วเอ๋อพยายามทำน้ำเสียงให้นุ่มนวล “ท่านบอกว่าหลังจากพวกท่านกินหมูพะโล้ของข้าไปแล้วป่วย แต่คนที่กินหมูพะโล้ของข้าไม่ได้มีแต่พวกท่าน ทำไมมีแต่พวกท่านที่ป่วยล่ะ?”
พูดมาถึงนี่ จางซิ่วเอ๋อชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “หรือพวกท่านกินอาหารที่เสียแล้วอย่างอื่นเข้าไป”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“อาหารอย่างอื่นอะไรกัน! พวกเรากินหมูพะโล้ที่เจ้าขายไปวันนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้! ต้องเป็นเพราะหมูพะโล้ที่นังชั้นต่ำอย่างเจ้าขายไม่สดแน่ ๆ! หรือไม่ก็ผสมของมีพิษอะไรลงไป!” หญิงชราชุดครามตะคอกอย่างเดือดดาลออกมาทันที
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังดังนั้นก็เริ่มโมโห เวลานี้ไม่คิดจะรักษาภาพพจน์อ่อนโยนของตัวเองแล้ว
ที่หญิงชราผู้นี้คาดคั้นถึงเพียงนี้คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วในสายตาของจางซิ่วเอ๋อ
ต่อให้กินแล้วท้องเสียจนเกิดความโกรธแค้นก็ไม่ถึงขั้นต้องมาปรักปรำนางว่าวางยาพิษนี่
เสียงของจางซิ่วเอ๋อเข้มขึ้น “ใครจะไปรู้ว่าเจ้าไปกินอย่างอื่นมาถึงได้เป็นแบบนี้หรือไม่? บัดนี้เจ้าจะโยนให้เป็นความผิดเราก็ต้องงัดหลักฐานออกมาหน่อย? อีกอย่าง ในเมื่อเจ้าปวดท้องจนทนไม่ไหวแล้วเหตุใดถึงไม่ไปหาหมอก่อน?”
หญิงชราชุดครามได้ยินแบบนี้ก็มีแววตาไหววูบไปแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงดัง “ทำไมรึ? เจ้าจะบอกว่าข้ามาหลอกเอาเงินเจ้ารึ? ดูท่าทางยากจนของเจ้าสิ ใครจะหลอกเงินพวกเจ้ากัน!”
“ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องสารภาพเอง เจ้าบอกว่าหมูของข้ามีปัญหา แต่คนกินไปตั้งเยอะแยะทำไมถึงมีแค่เจ้าและหลานชายของเจ้าที่เกิดปัญหา?” จางซิ่วเอ๋อมั่นใจในหมูพะโล้ของตนมาก
นอกเสียจากว่าเป็นคนที่แพ้เนื้อหมูถึงจะเกิดปฏิกิริยาระคายมากขนาดนี้
หญิงชราชุดครามมองจางซิ่วเอ๋อด้วยความโมโห “เจ้าทำให้เรากลายเป็นแบบนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีกหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อหรี่ตา “ถ้าเป็นปัญหาของพวกเราจริง ข้าไม่มีทางไม่ยอมรับ แต่….ดูตามที่เจ้ากล่าวมา เจ้าต้องปวดจนทนไม่ไหวแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงยังดูมีเรี่ยวแรงพูดจาฉะฉานขนาดนี้ล่ะ”
จางซิ่วเอ๋อพูดพลางมองคนคนนี้อย่างพิจารณา และยิ่งรู้สึกว่าหญิงชราชุดครามคนนี้เสแสร้งแกล้งทำเป็นแน่
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยายแก่นี่จะมาเล่นละครอะไร เดี๋ยวปั๊ดเอาน้ำพะโล้ร้อน ๆ สาดไล่เลยนิ
ไหหม่า(海馬)